บทที่ 167 เจ้าจะกลับสวรรค์หรือไม่?

“แผนภาพกลไก?”

จิ่นเหนียงกระแอมเล็กน้อย ก่อนจะดึงจี้จือฮวนมาแล้วเอ่ยขึ้น “ใช่เจ้าค่ะ เนื่องจากตระกูลเซี่ยช่วยกองทัพผลิตกลไก ธนู ยังมีปืนใหญ่และเรือรบมาหลายชั่วอายุคนจึงได้มีชื่อเสียง และค่อย ๆ ขึ้นมาแทนที่จวนจี้กั๋วกง ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรกันเพียงแค่ภายนอกเท่านั้น ตอนนั้นจี้เม่าซวินสู่ขอคุณหนูชิงหรู คนตระกูลเซี่ยก็ไม่ได้ตกลง

หากไม่ใช่เพราะจี้เม่าซวินทำลายชื่อเสียงของคุณหนู บีบให้คุณหนูชิงหรูต้องแต่งงานด้วย นางคงจะมีชีวิตที่มีความสุขตลอดไป”

จิ่นเหนียงเล่าถึงความโกรธแค้นเหล่านี้ ก็ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ลงได้ “ตระกูลเซี่ยไม่มีทางร่วมมือกับศัตรูอย่างแน่นอน ตระกูลเซี่ยถูกคนใส่ร้าย จิ่นเหนียงทำได้เพียงเอาชีวิตรอดไปวัน ๆ มีชีวิตมาได้จนถึงตอนนี้และได้พบกับลูกสาวของคุณหนูชิงหรู สามารถเล่าเรื่องทั้งหมดออกมาได้ จิ่นเหนียงก็ตายตาหลับแล้วเจ้าค่ะ”

จี้จือฮวนลอบถอนหายใจ ตัวประกอบล้วนมีหน้าที่เพื่อส่งเสริมตัวเอกจริง ๆ แต่ในเมื่อแม่ของเจ้าของร่างเดิมถูกทำร้ายจนตายที่จวนจี้กั๋วกง เจ้าของร่างเดิมอยู่ในจวนหลังนั้นก็ถูกเหยียบย่ำเพียงนี้ หากจี้เม่าซวินไม่พยักหน้าก็คงเป็นไปไม่ได้

ส่วนสินเดิม หลายปีมานี้คาดว่าคงใช้กันไปเยอะแล้ว คงได้เวลาเอากลับมาเสียที ยังมีแผนภาพกลไกอะไรนั่นด้วย

ตอนที่จี้จือฮวนออกมาจากห้อง จิ่นเหนียงก็ได้หลับไปเพราะฤทธิ์ยาแล้ว แม้แต่ในฝันก็ยังตะโกนเรียกชื่อเซี่ยชิงหรูไม่หยุด

จี้จือฮวนช่วยห่มผ้าให้นาง และปิดประตูห้องลง

เมื่อเห็นเผยยวนและจั๋วฉวินรออยู่ด้านนอก จี้จือฮวนจึงพยักหน้าให้พวกเขาแล้วเอ่ยขึ้นมา “แม่เจ้าหลับไปแล้ว ร่างกายของนางต้องการการดูแล ดังนั้นต้องกินยาที่ข้าให้หลังอาหารสามเวลาด้วย”

จั๋วฉวินเอ่ยด้วยความตื่นเต้น “ทำเช่นนี้ท่านแม่ข้าก็สามารถหายได้หรือขอรับ?”

“หายได้”

จั๋วฉวินร้องไห้และจะคุกเข่าให้จี้จือฮวน แต่ถูกจี้จือฮวนห้ามเอาไว้เสียก่อน “บาดแผลของเจ้ายังไม่หายดี อย่าเคลื่อนไหวร่างกายมากเช่นนี้ เจ้าไม่ดูแลตัวเองให้ดี แล้วจะดูแลแม่เจ้าได้อย่างไรกัน”

จั๋วฉวินพยักหน้ารับ “ฮูหยินพูดถูกแล้วขอรับ จั๋วฉวินจดจำเอาไว้แล้วขอรับ”

เผยยวนตบบ่าของเขาเบา ๆ “เช่นนั้นพวกเรากลับก่อนนะ เจ้ากับพวกพี่น้องอดทนรออีกหน่อย”

จั๋วฉวินเข้าใจความหมายในประโยคนี้ของเผยยวน ว่าอีกไม่นานเขาจะกลับมา

จั๋วฉวินจึงเอ่ยด้วยความตื่นเต้น “รออย่างไร้ความหวังมานานเพียงนี้ยังรอได้ นับประสาอะไรกับเมื่อท่านแม่ทัพเอ่ยประโยคนี้ออกมาด้วยตัวเองกันเล่าขอรับ เหล่าพี่น้องจะรอท่านขอรับ”

เผยยวนพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น “ข้าจะไม่ให้พวกเจ้าต้องรอนานแน่นอน”

ความยุติธรรมที่ราชสำนักติดค้างเขา เขาจะให้ฮ่องเต้คืนให้เขาด้วยพระองค์เอง

น้ำสามารถพยุงเรือให้ลอยได้ก็สามารถคว่ำเรือให้จมได้เช่นกัน เขาเผยยวนไม่ใช่ขุนนางที่ภักดี สิ่งที่เขาภักดีคือหัวใจของตัวเอง คือดินแดนแห่งนี้ คือประชาชนเหล่านี้ หาใช่ฮ่องเต้ไม่

หลังออกมาจากบ้านของจั๋วฉวินฝนก็หยุดตกแล้ว เผยยวนมองไปที่พื้นที่เต็มไปด้วยโคลน คราวนี้เขาไม่ได้ถามนางอีก แต่กลับนั่งยอง ๆ ลงตรงหน้าของจี้จือฮวน

เดิมคิดว่าครั้งนี้นางก็จะปฏิเสธเช่นทุกครั้ง แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีร่างกายที่เพรียวบางและอ่อนนุ่มร่างหนึ่งแนบลงมาที่หลังของเขาอย่างรวดเร็ว

เผยยวนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็รัดขาทั้งสองข้างของนางอย่างตื่นเต้น แล้วยืนขึ้นอย่างง่ายดายก่อนจะก้าวเดินไปข้างหน้า

จี้จือฮวนถือกล่องยาน้อยด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างถือร่มเอาไว้ ตอนที่ถูกเขาแบกขึ้นมาอย่างง่ายดาย จึงได้พบว่าแผ่นหลังของคนผู้นี้กว้างมาก รูปร่างของเขาเดิมก็ดูดีอยู่แล้ว กล้ามเนื้อก็แน่น เนื่องจากโครงร่างดี ต่อให้มีเสื้อผ้ากั้นอยู่ก็สามารถสัมผัสถึงความแข็งแกร่งและพละกำลังของเขาได้

เผยยวนไม่อยากเดินเร็วเกินไป เขาจึงค่อย ๆ เดินอย่างช้า ๆ

ตรอกในตอนกลางคืนมืดเกินกว่าจะสามารถมองเห็นอะไรได้ชัดเจน ดังนั้นจี้จือฮวนจึงเปิดไฟฉายเพื่อส่องสว่างให้แก่เขา

ตอนที่นางหยิบของแปลก ๆ ออกมา เผยยวนกลับไม่ได้รู้สึกประหลาดใจแต่อย่างใด และยังถามขึ้นเบา ๆ “เมื่อครู่จั๋วฉวินบอกว่า แม่ของเขาเป็นอดีตคนรับใช้ของท่านแม่เจ้า?”

เรื่องของจวนจี้กั๋วกงเขาไม่ค่อยรู้มากนัก

จี้จือฮวนเอ่ยรับคำสั้น ๆ ก่อนจะเล่าเรื่องที่จิ่นเหนียงพูดเมื่อครู่ให้เขาฟัง

เผยยวนพยักหน้ารับรู้ “วิชากลไกของตระกูลเซี่ยอยู่เหนือตระกูลจี้มาก ก่อนหน้านี้ตระกูลจี้หลังจากได้รับการแต่งตั้ง ผู้ชายในตระกูลล้วนเลือกเส้นทางสอบจอหงวน ระหว่างนั้นจึงขาดหายไปหลายชั่วอายุคน วิชาการช่างหากไม่ตั้งใจจะเอาความคิดสร้างสรรค์มาจากที่ใด หากไร้ความคิดสร้างสรรค์จะทำให้ดีได้อย่างไร

แม่ของจั๋วฉวินพูดถูก วิชากลไกและสินเดิมที่ท่านแม่เจ้าทิ้งเอาไว้ จะปล่อยให้โจรเหล่านี้เอาไปใช้เปล่า ๆ ไม่ได้”

จี้จือฮวนรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเขาเป็นคนประเภทเดียวกัน

เมื่อได้ยินเผยยวนเอ่ยเช่นนี้ นางจึงไม่รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด

“อืม”

อย่างไรเสียก็มาแล้ว ไม่ควรปล่อยให้ตัวเองได้รับความไม่เป็นธรรมไม่ใช่หรือ เอาของที่ควรเอาคืนมาก็ดี

จ้านอิ่งรออยู่ที่เดิมจนเกือบจะหลับไปแล้ว เมื่อเห็นพวกเขากลับมา มันก็วิ่งเข้าไปหาเอง

ทั้งสองเข้าไปในรถม้า จ้านอิ่งก็หันหัวกลับออกจากตรอก มุ่งหน้าไปยังเรือนรับรองที่ไท่ซ่างหวงมอบให้ทันที

เผยยวนกำลังเรียบเรียงคำพูดว่าจะพูดอะไรดี กล่องยาน้อยก็เปิดออก แสงระยิบระยับก็สาดส่องขึ้นบนหลังคาของรถม้า ราวกับว่าอยู่ท่ามกลางหมู่ดาว

เผยยวนมองด้วยความตกตะลึง ที่เมื่อครู่เขาบอกว่าไม่แปลกใจนั้น คงต้องถอนคำพูดเสียแล้ว

จี้จือฮวน …มองไม่ออกเลยว่ายังมีแสงที่โรแมนติกเช่นนี้ด้วย

กล่องยาน้อย เผยจื่อ! ลุยเลย!

เผยยวนมองดูอยู่ครู่หนึ่ง จึงปรับอารมณ์ให้สงบลงและเอ่ยขึ้น “โลกเซียนของพวกเจ้า ปกติมองออกไปล้วนเป็นเช่นนี้หรือ?”

จี้จือฮวน “…”

นางคลึงหว่างคิ้วเล็กน้อย “ก็ไม่ใช่ทั้งหมด”

“นี่คงเป็นดาวไถกระมัง”

จี้จือฮวนพยักหน้ารับ “ใช่”

“ที่ชายแดนทะเลทรายกว้างใหญ่ ดวงดาวที่นั่นก็สว่างไสวเช่นนี้เหมือนกัน ตอนกลางคืนพวกเราจะเฝ้ามองพวกมันและก็พลันทำให้หวนคิดถึงบ้าน” เผยยวนหรี่ตาลง ราวกับกำลังคิดถึงวันวานที่อยู่ในสนามรบ

จี้จือฮวนสามารถเข้าใจความรู้สึกกระตือรือร้นที่จะได้กลับบ้านระหว่างการฝึกพิเศษหรือทำภารกิจได้

“หากเจ้าชอบ ครั้งหน้าก็สามารถดูได้อีก” จี้จือฮวนคิดที่จะเอาใจเผยยวนสักครั้ง

เผยยวนได้ยินดังนั้นแววตาก็เศร้าลง “เช่นนั้นหากเจ้าต้องกลับสวรรค์เล่า? เซียนไม่สามารถอยู่กับคนธรรมดาได้ไม่ใช่หรือ?”

“…” มองไม่ออกเลยว่าเจ้าก็ชอบอ่านนิทานไม่น้อย

“เรื่องวันข้างหน้า วันข้างหน้าก็ค่อยว่ากัน คนเขลาเบาปัญญาก็ได้แต่เป็นทุกข์ ทำให้ตัวเองเป็นกังวลก็ไม่มีประโยชน์อะไร”

เผยยวนเม้มริมฝีปาก เขาต้องทำผลงานให้ดี รักษาคุณธรรมบุรุษ ทำให้ฮวนฮวนพอใจให้ได้

เดิมเขาก็ไม่คู่ควรกับนางอยู่แล้ว หากว่ายังทำไม่ดีต่อนางอีก เขาคงไม่มีหน้าขอให้นางอยู่ต่อแล้ว

ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวที่เคลื่อนไหวอยู่ภายในรถม้านั้นเงียบสงบ ทว่าผู้คนที่อยู่ด้านนอกกลับร้อนรนจะตายอยู่แล้ว

คิดไม่ออกว่าเผยยวนจะหนีไปที่ใดได้

กลับมาเมืองหลวงแล้วเหตุใดถึงไปที่หย่งอันถังอะไรนั่น? เหตุใดถึงไปหาถังกั๋วกงและฟ้องตระกูลเซี่ยกัน? ทั้งยังขอให้หย่าท่านหญิงซ่างหยางแทนพ่อเขาอีก!

เผยยวนเสียสติไปแล้วหรืออย่างไร ที่สำคัญก็คือฮ่องเต้อยากให้เขาเข้าวัง เจ้าเด็กนั่นกลับหายตัวไป ยากที่จะไม่ให้คนสงสัยว่าเขาจงใจทำตัวเป็นปรปักษ์กับฮ่องเต้

สิ่งที่ทำให้ผู้คนยิ่งกังวลมากขึ้นก็คือ จะทำเช่นไรกับกองทัพทหารเกราะเหล็ก

เดิมพวกเขาก็ไม่ได้เชื่อฟัง และชอบก่อความวุ่นวายในค่ายอยู่แล้ว กว่าจะทำให้สงบลงได้ก็ใช้เวลาถึงสองสามเดือน หากรู้ว่าเผยยวนกลับมา จะไม่ก่อกบฏกันหรืออย่างไร?!

ค่ำคืนนี้จึงเป็นคืนที่นอนไม่หลับสำหรับใครหลายคน

วันรุ่งขึ้น รถม้าของไท่ซ่างหวงก็มาถึงเมืองหลวงอย่างราบรื่น

ท่านป้าบ่นครั้งแล้วครั้งเล่า “โอ๊ย หากว่าพวกฮวนฮวนกลับไปแล้วจะทำอย่างไร เป็นเพราะเจ้าที่เมื่อวานกินมากจนท้องเสีย”

ไท่ซ่างหวงเองก็กังวลเรื่องนี้เช่นกัน ดังนั้นจึงอยากรีบไปดูที่เรือนรับรองโดยเร็ว

ครั้งนี้ที่ประตูเมืองไม่ได้มีการเข้าแถวเพื่อตรวจค้น สาเหตุก็เพราะถูกเผยยวนจัดการไป ตอนนี้พวกเขาไหนเลยจะมีกะจิตกะใจไปตามหาองค์หญิงใหญ่อีก เอาแต่ใจจดใจจ่อรอดูว่าจะมีรถม้าของเผยยวนออกมาหรือไม่

เสี่ยวเจียนและคนอื่น ๆ ชะโงกหน้ามองออกไปด้านนอก รู้สึกว่าทุกอย่างล้วนแปลกใหม่ มีแต่สิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

แต่เหตุใดคนที่อยู่ริมถนนถึงเอาแต่คุยกันว่าเผยยวนกลับมาแล้ว

“เอ๊ะ ข้าว่าชื่อของเผยจื่อตั้งได้ดีทีเดียว เหมือนกับท่านเทพสงครามผู้นั้นเลย”

“วันหน้าเวลาเจอเผยจื่อ พวกเราก็เรียกเขาว่าท่านเทพสงครามบ้างดีกว่า เขาต้องหน้าแดงเป็นแน่”