พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว บทที่ 167 มอบสายรุ้งสามนิ้วให้เจ้า
“เผื่อบางคนไม่รู้จัก” จ้านเป่ยเซียวพูดเสียงต่ำ น้ำเสียงมีความอวดดีและเย่อหยิ่ง
เฟิ่งชิงหัวไม่ชอบใจทันทีเมื่อได้ยินแบบนี้ ถลึงตาใส่จ้านเป่ยเซียว “ใครที่ไม่รู้จัก? เจ้าหมายความว่าสิ่งนี้เจ๋งมากรึ? ในความรู้สึกของข้าก็งั้นๆแหละ”
“ปากแข็ง” จ้านเป่ยเซียวเยาะเย้ย “แค่ดูโคมไฟบนทางเท้าธรรมดาเจ้าก็มีความสุขมาก แต่เจ้าไม่ต้องการโคมไฟแก้วที่ข้ามอบให้เจ้ากลับไม่ชอบ ไม่ใช่เพราะเจ้าไม่รู้จัก แล้วเพราะอะไร?”
เฟิ่งชิงหัวพูดอย่างเย็นชา “ข้าแค่คิดว่างานฝีมือของโคมไฟนั้นไม่เลว และเป็นเทศกาลโคมไฟด้วย ข้าซื้อตามโอกาส ไม่เหมือนเจ้า ถ้าเจ้าอยากมอบให้โคมไฟข้า เจ้าก็ควรมอบให้แบบง่ายๆสิ หรือเจ้าต้องการให้ข้าถือสิ่งที่ทั้งหนักและมูลค่าเทียบเท่าเมืองหนึ่งเที่ยวเล่น? เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะถูกปล้นก่อนจะถึงหน้าประตูจวนอ๋องหรือ?”
ตอนนี้เฟิ่งชิงหัวรู้สึกว่าจ้านเป่ยเซียวเป็นทรราชย์เศรษฐี แล้วยังเป็นประเภทที่สวมแหวนทองที่นิ้วทั้งสิบและมีสร้อยเส้นหนาๆ คล้องคอ ใครจะให้ของแบบนี้กับผู้หญิงกัน ละเอียดกว่านี้ไม่ได้หรือ?
จ้านเป่ยเซียวฟังแล้วดูเหมือนจะเข้าใจ แต่คนหยิ่งผยองจะยอมรับได้อย่างไรว่าสิ่งที่นางพูดนั้นถูกต้อง เขากล่าวอย่างเย็นชา “คนกล้าปล้นข้ายังไม่เกิด”
เฟิ่งชิงหัวเบะปากและพูดเสียงเบา “ไอ้หมาโง่”
“เจ้าพูดอะไร?” จ้านเป่ยเซียวขมวดคิ้ว
“ไม่มีอะไร ข้าแค่คิดว่ารสนิยมของเจ้ามีปญหาหนักมาก แต่ข้าชินแล้ว” เฟิ่งชิงหัวมีสีหน้าสุดจะพรรณนา
จ้านเป่ยเซียวเยาะเย้ย “เจ้าคิดว่าของขวัญของข้าไม่ดี ของเจ้าก็ดีแล้วหรือ? ของไม่กี่เหวินก็ถือเป็นของมีค่า โม้จนจะขึ้นสวรรค์แล้ว”
เพราะเขาเห็นว่านางยากจนนัก เขาจึงมอบของมีค่าแก่นาง แต่เขาคาดไม่ถึงว่าจะถูกดูถูก
เฟิ่งชิงหัวถลึงตาโตใส่เขา “ของสิ่งนั้นข้าเลือกอย่างตั้งใจ! จะเหมือนกันได้อย่างไร? อย่าบอกข้าว่ามันไร้ประโยชน์สำหรับเจ้า และดีกว่าปะการังของเจ้าซึ่งมองเห็นได้แต่ใช้ไม่ได้มาก จะพูดว่าแพง? เจ้าต้องซื้อสิ่งที่สามารถจัดการได้ด้วยเงินไม่กี่เหวิน ใช้เงินหลายสิบล้านตำลึงถึงจะถือว่าเป็นของมีค่า?”
จ้านเป่ยเซียวฟังแล้วก็โมโหมาก “เจ้านี่มัน เถียงข้าง ๆ คู ๆ!”
เฟิ่งชิงหัวฮึ่มและพูดว่า “เป็นข้าที่เถียงข้าง ๆ คู หรือว่าเจ้างี่เง่า? โคมไฟหนึ่งเหวิน ข้าต้องการตอนที่ข้าเที่ยวเทศการโคมไฟ แต่เจ้ากลับยืนกรานที่จะให้ของเก่าที่อาจเป็นมรดกตกทอดของตระกูลแก่ข้า เจ้าคิดว่าของขวัญนี้เยอะแล้วหรือ?”
จ้านเป่ยเซียวไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่ก็ถือว่ายอมรับ เขาเป็นถึงท่านอ๋องที่ให้ของขวัญ เขาจะให้ของขวัญธรรมดาๆ ได้อย่างไร ไม่อย่างนั้นเขาก็จะถูกนางเยาะเย้ยอีกน่ะสิ?
นางมีเหตุผบมากมายจริงๆ
จ้านเป่ยเซียวหันหลังให้นาง เฟิ่งชิงหัวไม่ตามใจเขา นางนั่งสบาย ๆ บนโต๊ะและมองดูอัญมณีล้ำค่าบนโคมไฟแก้ว แต่ละชิ้นมีขนาดเท่าไข่นกพิราบ การขัดเงานั้นมีความกลมเป็นพิเศษ แม้ว่าจะถูกแยกออกจากกัน ก็ยังถือเป็นสมบัติล้ำค่า
ในขณะนี้ หลิวหยิ่งมาที่ประตู “พบพระชายาอ๋อง พบท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
หลิวหยิ่งยืนคำนับเป็นเวลานาน ไม่มีใครสนใจเขา หันกลับมามองอย่างเงียบ ๆ พบว่าทั้งสองคนหันหลังให้กัน เห็นได้ชัดว่าทะเลาะกันอีกแล้ว
หลิวหยิ่งคิดกับตัวเองว่าตอนนี้จะเป็นการดีที่จะไม่เข้าใกล้ทั้งสอง ดังนั้นเขาจึงหันหลังกลับและกำลังจะก้าวถอยหลัง ของในมือก็ถูกหยิบไป
“เดี๋ยวก่อน” เฟิ่งชิงหัวสังเกตเห็นด้วยดวงตาที่เฉียบคม และเดินไปหาหลิวหยิ่งทันที
หยิบหน้ากากออกจากมือเขามาดู เป็นหน้ากากที่ก่อนหน้านี้นางชอบ
นางเหลือบมองจ้านเป่ยเซียว ชายหนุ่มยังคงหันหลังให้นาง มือข้างหนึ่งไพล่หลังกำหมัด ดูเหมือนคนแปลกหน้าอย่าเข้าใกล้ แต่ในความรู้สึกของนาง เขาดูเหมือนจะโกรธ
เฟิ่งชิงหัวกระซิบ “ให้ข้าหรือ?”
หลิวหยิ่งก็กระซิบยเสียงต่ำ “ท่านอ๋องเห็นว่าพระชายาอ๋องชอบ เลยให้ข้าน้อยซื้อกลับมา และโคมไฟที่พระชายาอ๋องชอบก็นำกลับมาด้วย”
เฟิ่งชิงหัวยิ้มเล็กน้อย หลิวหยิ่งถอยออกไปอย่างรู้เท่าทัน
จ้านเป่ยเซียวยืนอยู่ที่เดิมอย่างเคร่งขรึม แต่จริง ๆ แล้วเขากำลังคิดว่ามอบของขวัญแบบไหนจึงจะเหมาะสมและถูกใจ ทันใดนั้น มีคนตบหลังเขา เขาหันกลับไปอย่างช้าๆ เดิมทีสีหน้าที่เรียบนิ่งก็ตกใจทันที โซเซถอยหลังหลายก้าว เขาขมวดคิ้วและพูดอย่างเร่งรีบ “เจ้าทำอะไรอยู่”
ขณะนี้ เฟิ่งชิงหัวสวมหน้ากากที่ดุร้าย เห็นจ้านเป่ยเซียวตกใจจนไม่สามารถยืนนิ่งได้ ก็เกือบจะหัวเราะจนหลังโค้ง
ถอดหน้ากากออก มองานเป่ยเซียวด้วยรอยยิ้มที่น่ารัก “ท่านอ๋องเพคะ ข้าชอบของขวัญชิ้นนี้มาก”
จ้านเป่ยเซียวกลอกตาขาวใส่นาง บรรยากาศที่เย็นเฉียบเมื่อครู่ก็หายไป
เฟิ่งชิงหัวเขย่าหน้ากากในมือของนาง มองจ้านเป่ยเซียวแล้วพูดว่า “ในเมื่อท่านอ๋องมอบของขวัญให้ข้า งั้นข้าก็มอบให้ท่านด้วย ไปกันเถอะ”
เฟิ่งชิงหัวพูดแล้วก็เดินออกไป เห็นว่าจ้านเป่ยเซียวยังคงยืนอยู่ที่เดิม นางจึงก้าวไปข้างหน้าเพื่อดึงเขาแล้ววิ่งไปที่หลังภูเขา
จ้านเป่ยเซียวถูกเฟิ่งชิงหัวลากให้เดินตามหลัง เห็นนางพูดอย่างกระตือรือร้นว่านางต้องการให้ของขวัญเป็นการตอบแทน เขารู้สึกตลกเล็กน้อย
นางแปลกจริงๆ
บอกว่านางไม่มีเงิน?
แต่ทั่วร่างกายของนางยากจนอย่างน่าสงสาร และนางไม่มีเงินแม้แต่หนึ่งเหวินเลย
ถ้าบอกว่านางไม่มีเงิน นางก็ชอบสิ่งของเล็กๆน้อยๆบางอย่าง
เขามอบปะการังสีแดงและโคมไฟแก้วแก่นาง นางไม่สนใจ เขาจึงให้หน้ากากอัปลักษณ์แก่นาง และนางก็มีความสุขมากจนต้องการมอบของขวัญกลับให้เขา
ในไม่ช้าทั้งสองก็มาถึงที่ราบบนภูเขากลางเขา เฟิ่งชิงหัวดึงจ้านเป่ยเซียวนั่งลง
จ้านเป่ยเซียวกำลังจะขัดขืน แต่เฟิ่งชิงหัวรั้งไหล่ของเขาไว้ “ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็จะไปอาบน้ำก่อนเข้านอน ดังนั้นมันไม่สำคัญว่าเจ้าจะสกปรกหรือไม่ เป็นผู้ชาย อย่าเกินจริงและรักความงามขนาดนั้น”
จ้านเป่ยเซียวจึงถูกเฟิ่งชิงหัวบังคับให้นั่งลงบนพื้นหญ้า ตนเองนั่งตรงข้ามเขา ชี้ไปที่ดวงจันทร์บนท้องฟ้าและพูดว่า “เป็นอย่างไร วันนี้คือวันขึ้นสิบห้าค่ำ ดวงจันทร์กลมและสว่างเป็นพิเศษใช่หรือไม่?”
“นี่คือของขวัญที่เจ้าจะมอบให้ข้า?” ก่อนหน้านี้คือเงินหลายเวิน แต่ตอนนี้เอาสิ่งที่ไม่ใช่ของตนมาเป็นของขวัญให้เขาแล้วหรือ?
เฟิ่งชิงหัวถลึงตาใส่เขา “ไม่แน่นอน เจ้ามอบหน้ากากแก่ข้า ข้าจะมอบสายรุ้งสามนิ้วแก่เจ้า”
“สายรุ้ง” จ้านเป่ยเซียวขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจ
เขารู้ว่าในวันที่ฝนตกแดดออกจะมีรุ้งกินน้ำ และจะมีรุ้งกินน้ำใต้น้ำตกเข้าก็รู้ แต่ค่ำคืนนี้ รุ้งมาจากไหน แม้ว่าจะมีก็มองไม่เห็น เด็กสาวคนนี้จะโม้อีกแล้ว
เมื่อเห็นว่าเขาไม่เชื่อ เฟิ่งชิงหัวจึงพูดอย่างได้ใจว่า “ไม่เพียงแต่ข้าจะให้เจ้าเห็นเท่านั้น แต่ข้ายังสามารถให้เจ้าสัมผัสมันได้ด้วย เจ้ายื่นมือออกมา ข้าจะมอบให้เจ้า”
จ้านเป่ยเซียวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เห็นว่าท่าทางของเฟิ่งชิงหัวมีความมุ่งมั่น ไม่ได้หลอกเขา เขาจึงยื่นมือออกไป
เฟิ่งชิงหัวหยิบอัญมณีสองเม็ดออกมาจากอก จ้านเป่ยเซียวเห็นว่ามีขนาดเท่าไข่นกพิราบ เห็นได้ชัดว่าพวกมันถูกหยิบออกมาจากโคมไฟแก้ว
“ดูนะ” เฟิ่งชิงหัวส่งสัญญาณ ยื่นอัญมณีทั้งสองออกไปกลางอากาศ ปรับระยะห่างอย่างต่อเนื่อง ขยับแขนไปมา เมื่อจ้านเป่ยเซียวกำลังสงสัย รุ้งสามสีก็ปรากฏขึ้นบนมือของเขา