ตอนที่ 187 หยุนจิงเอ๋อคือใคร

สามีข้า คือพรานป่า

ตอนที่ 187 หยุนจิงเอ๋อคือใคร?

“หากหยุนเถียนเถียนต้องการไล่พวกข้าออกจริง ๆ ก็ควรมีเหตุผลไม่ใช่หรือ? แต่นี่กลับไร้ซึ่งคำอธิบายใด! ยิ่งไปกว่านั้น บุคคลที่นางขับไล่ยังเป็นลูกชายและสะใภ้ของหัวหน้าหมู่บ้านอีกด้วย! เพียงเพราะลูกสาวของข้าทะเลาะกับนางจนทำให้เกิดความไม่พอใจต่อทั้งสองฝ่าย หยุนเถียนเถียนจึงใช้อำนาจที่มีตัดสินอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้ ในเมื่อนางมีนายน้อยหลี่คอยคุ้มและหนุนหลังให้ก็ไม่จำเป็นต้องสนใจหัวหน้าหมู่บ้านแล้วสิ!”

ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน หยุนเถียนเถียนที่เดินมาถึงบ้านได้ยินทุกอย่างทันที

เดิมที่หยุนเถียนเถียนคิดว่าภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านเป็นคนที่ไว้ใจได้ แต่เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นก็ทำให้นางรู้สึกคิดไม่ผิดที่ขับไล่พวกเขา

“ย้อนกลับไปในอดีต หยุนจิงเอ๋อใช้ความงามของตนยั่วยวนและหลอกล่อชายอื่น จนทำให้พวกเขารวมถึงสามีของข้ายังเพิกเฉยภรรยาของตน บางที่นางหยุนก็อาจใช้วิธีการนี้ในการหลอกล่อให้นายน้อยหลี่ช่วยเหลือนางเช่นกัน! นายน้อย… ท่านไม่เอะใจเลยหรือ? เหตุให้จึงหลงกลและยอมซื้อเนื้อตากแห้งของนางได้?”

หยุนเถียนเถียนไม่สามารถทนฟังได้อีกต่อไป นางก้าวไปข้างหน้าพร้อมกล่าวขึ้นทันที “สิ่งที่ท่านภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านพูดไม่ดูลำเอียงไปหน่อยหรือ?! ใครกันแน่คือคนที่สร้างปัญหา? ลูกสาวของท่านไม่ใช่หรือ?”

การถูกคนที่ไว้ใจกล่าวหาและนินทาลับหลังเช่นนี้ช่างน่าผิดหวังหลายวันมานี้เฉินไม่อิ่มุ่งร้ายต่อหยุนเถียนเถียนสารพัด คงไม่แปลกหากนางจะลุกขึ้นปกป้องตนเองและให้บทเรียนแก่ครอบครัวนี้

ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น! แน่นอนว่าพ่อแม่เป็นเช่นไร ลูกก็ย่อมเป็นเช่นนั้น!

“เจ้าพูดจาหยาบคายทั้งยังตบหน้าลูกสาวของข้าไม่ใช่หรือ?! เจ้าทำร้ายนางจนเลือดไหล! ข้าต้องสั่งสอนเจ้าสักหน่อยเพื่อจะได้รู้ว่าการไล่เตืออันและภรรยาออกอย่างไร้เหตุผลนั้นไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ!”

หยุนเถียนเถียนแสยะยิ้ม “ท่านก็เป็นแม่คนแล้ว กิริยาเช่นนี้เป็นสิ่งที่ควรกระทำหรือ?! ลูกสาวโตจวนจะแต่งงาน แต่ท่านยังทำราวกับนางเป็นเด็ก ใคร ๆ ก็ต่างบอกว่าลูกสาวท่านหัวหน้าหมู่บ้านเป็นหญิงผู้รอบรู้ ข้าเองก็คิดเช่นนั้น เพราะเมื่อนางรู้ว่านายน้อยหล่ำอยู่ที่บ้านของข้าก็รีบโผล่มาทันที! ขณะที่ข้ากำลังเจรจาธุระกับนายน้อย นางก็เข้ามาขัดจังหวะ ช่างรอบรู้เสียจริง! ทว่าก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ลูกสาวที่มีแม่คอยถือหางและไม่สั่งสอนก็มักจะเป็นเช่นนี้ ตอนนี้ท่านภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านก็กำลังรังแกและต่อว่าข้าอยู่ เมื่อเห็นดังนี้แล้ว ไม่แปลกใจเลยที่ลูกสาวของท่านเป็นเช่นนี้ พอเห็นนายน้อยหลีกระริกระรี้เหมือนปลากระดี่ได้น้ำ ท่านเป็นแม่แท้ๆ ไม่คิดจะอบรมลูกสาวบ้างเลยหรือ? เมื่อวานท่านหัวหน้าหมู่บ้านก้มหัวขอโทษข้าและขอร้องว่าอย่านำเรื่องนี้ไปบอกผู้ใด แต่ตอนนี้ท่านเองกลับยั่วยุข้า หากข้าเผลอพลั้งปากไปก็คงไม่แปลกข้าจะไม่ขอโทษหรือรู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะลูกสาวของท่านสร้างเรื่องเดือดร้อนสารพัด! ยิ่งไปกว่านั้นนางหมิ่นเกียรติและต่อว่าแม่ของข้า กล่าวหาว่านางไม่ประพฤติตามวิถีสตรีตั้งครรภ์ก่อนแต่งงานและไร้ยางอาย ท่านมองไม่เห็นความผิดของเฉินไม่อีจริง ๆ หรือ?!”

ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านหน้าซีดและนิ่งเงียบทันทีเมื่อได้ยินคำพูดทั้งหมดของหยุนเถียน เพราะไม่สามารถหาข้อแก้ตัวใดมาหักล้างได้

“เดิมที่ข้ารู้สึกผิดเป็นอย่างมากที่ขับไล่ลูกชายและสะใภ้ของท่านไปเพราะความผิดของเฉินไฉอี ข้าเพียงอยากให้บทเรียนกับนางเพื่อที่จะได้ไม่กล้ามาก่อเรื่องอีก และเพื่อให้ท่านรู้จักสั่งสอนลูกสาวของตนด้วย แต่เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว ข้าคิดไม่ผิดเลยจริง ๆ! ท่านหัวหน้าหมู่บ้านก้มหัวขอร้องข้าอย่างจริงใจ ข้าจึงตั้งใจกัดฟันเงียบเพื่อไม่ให้ผู้ใดรู้เรื่องนี้ ทว่าคำพูดและกิริยาของท่านกลับไร้ซึ่งความละอายใจ อย่างไรแล้วข้าคงต้องสั่งสอนท่านและลูกสาวบ้าง! สิ่งหนึ่งที่ท่านควรรู้ไว้ แม่ของข้าเดินทางมาที่นี่อย่างยากลำบากและถูกบังคับให้แต่งงานกับเฉินผิงอัน คนเพรียบพร้อมเช่นนางไม่มีทางทำเรื่องน่าละอายได้ หากท่านผิดใจกับข้าก็จงกล่าวหาหรือตำหนิเพียงข้า อย่าดึงท่านแม่เข้ามาเกี่ยว!”

เมื่อหยุนเถียนเถียนพูดจบก็หันหลังกลับบ้านไปพร้อมความรู้สึกกระสับกระส่ายในใจ ในสังคมยุคนี้ผู้หญิงมักจะถูกมองว่าไร้ค่าเสมอ!

หยุนเคอรู้สึกได้ทันทีว่าหญิงสาวไม่สบอารมณ์จึงก้าวเข้าไปถาม “เกิดอะไรขึ้น?”

หยุนเสียนเถียนทุกข์ใจหลายอย่างตั้งแต่เดินทางย้อนกลับมายังยุคนี้ ทว่ากลับไม่เคยพูดหรือระบายกับใครเลย บัดนี้เมื่อได้ยินคู่หมายถามด้วยความห่วงใย นางก็ปรารถนาที่จะกล่าว แต่บางอย่างก็คงไม่เป็นที่ยอมรับสำหรับชายในยุคแห่งศักดินานี้

“สำหรับท่านแล้วการเกิดเป็นหญิงนั้นไร้ค่าหรือไม่? สมควรได้รับการดูถูกหรือไม่? แม่ข้าตายมาหลายปีแล้ว แต่กลับยังถูกกล่าวหาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่มีใครรู้ว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร แต่… “

หยุนเคอพยักหน้าด้วยความเข้าใจเพราะกลัวว่าจะทำให้หญิงผู้นี้โกรธเคืองอีก

“อันที่จริงแม่ของเจ้าเลืองชื่อมากเมื่อครั้งยังอยู่ในเมืองหลวงเป็นไปไม่ได้ที่นางจะทำเรื่องเสียหายเช่นนั้น ต้องมีเหตุผลที่ทำให้นางหนีมาขณะตั้งครรภ์อยู่ ชาวบ้านที่ไม่อะไรก็ต่างพูดจาเพื่อสนุกปาก อย่าเก็บมาใส่ใจเลย”

นี่อาจนับว่าเป็นประโยคที่ยาวที่สุดที่หยุนเคอพูดตั้งแต่รู้จักกับหยุนเถียนเถียน

“เจ้ารู้จักแม่ของข้าด้วยหรือ?”

หยุนเคอหัวเราะเบา ๆ “เมื่อยังเด็กข้าเคยได้หญิงมาว่ามีหญิงสาวผู้หนึ่งซึ่งงดงามมากนามว่านางหยุน ข้าเดาว่านางอาจเป็นสนมเอกของเจ้าหลวง ทว่าไม่นานนักนางก็หายตัวไปอย่างไร้ร่อยรอยบ้างก็บอกว่านางหนีไป แต่ท่านเจ้าหลวงกลับบอกว่านางเสียชีวิตเพราะโรคร้าย!”

“แล้วตัวตนที่แท้จริงของหยุนเคอเป็นผู้ใดกัน? เหตุใดจึงรู้จักสนมเอกของเจ้าหลวงได้? ตัวตนของเขาต้องไม่ธรรมดาแน่! อาศัยในเมืองหลวงครั้งยังเด็ก แต่เมื่อเติบโตกลับย้ายมาอาศัยในป่าและใช้ชีวิตเช่นนายพราน เพื่อสิ่งใดกัน?”

แววตาแห่งความอยากรู้อยากเห็นที่กำลังจ้องมองหยุนเคออยู่ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวและต้องการหลบเลี่ยง หยุนเคอถอนหายใจเฮือกใหญ่เพราะไม่สามารถพรรณาทุกสิ่งที่อยู่ในใจออกมาเป็นคำพูดได้