“นี้มันต้องเป็นปาฏิหาริย์แน่เลยครับ”

ฉันผงกหัวอย่างเงียบๆให้กับคำพูดของหมอ

“เนื้องอกที่แปลกประหลาดที่รัดรอบหัวใจของคุณ…มันได้หายไปแล้วเหมือนกันว่ามันไม่เคยมีมาก่อนเลยครับ”

หมอกล่าวต่ออย่างตื่นเต้นในขณะที่กำลังเช็ดแว่นตา

“มันอาจจะมีความหวังก็ได้ครับ สำหรับตอนนี้ถ้าเราได้ทำการรักษาอย่างต่อเนื่อง บางที่อีกไม่กี่…”

“ไม่ดีกว่าครับ”

ฉันรู้อยู่แล้วว่าการฝ่าตัดหัวใจที่จะทำมันไม่จำเป็นเลย

ไม่ซะทีเดียว! มันอาจจะมีประโยชน์ แต่มันจะมีความหมายอะไรหละ?

[อายุขัยคงเหลือ : 329 วัน 20 ชั่วโมง 37 นาที]

เพราะฉันมีทางที่ดีกว่าเรียบร้อยแล้ว

“ถ้างั้นก็ โชคดีนะครับ”

ฉันรีบออกมาจากโรงพยาบาลอย่างรวดเร็วและสูดอากาศที่เย็นสบาย

“สูดดดดด”

ฉันพยายามที่จะรับอากาศที่สดชื่นแต่อากาศในเมืองมันช่างสกปรกเสียเหลือเกิน

แต่มันก็ยังดี

หัวใจฉันได้เต้นอย่างเป็นอิสระแล้ว

ตอนแรกฉันคิดว่ามันเป็นแค่ฝัน

ฝันว่าถูกอัญเชิญไปในโลกแปลกๆและได้ต่อสู้กับกลาดิเอเตอร์ที่ทรงพลังที่เรียกว่าตัวเอก

อย่างไรก็ตาม

มันไม่ใช่ความฝัน

ฉันรู้ได้ในทันทีหลังจากที่ตื่นขึ้นพร้อมกับอุปกรณ์ต่างๆที่วางเรียงรายอยู่ในห้อง ในสภาพดูคล้ายกับร่างกายฉันเมื่อก่อน

ความรู้สึกสดชื่นได้เพิ่มขึ้นภายในตัวฉันก่อนที่ฉันจะคิดได้ว่าราคาที่ต้องเสียไปสำหรับมันเป็นเท่าไหร

ตอนนี้ไม่ว่าฉันจะวิ่งมากเท่าไหร ออกกำลังกายมาเท่าไหร หัวใจของฉันก็ไม่รู้สึกเจ็บอีกแล้ว

ไม่สิ มันดีกว่าที่จะบอกว่ารู้สึกดียิ่งกว่าเมื่อก่อนซะอีก

[อายุขัยของคุณได้ถูกยืดออกไปและสภาวะหัวใจของคุณได้ถูกหยุดแล้ว]

[เมื่ออายุขัยของคุณสิ้นสุดลงสภาวะหัวใจของคุณจะกลับมาอีกครั้ง]

คำพูดของผู้หญิงที่ฉันเรียกเธอว่า ‘คุณลูกค้า’ ทำให้ฉันสงบลง

สำหรับตอนนี้ฉันสามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกหนึ่งปีเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้สิ้นสุดซะหน่อยนิ

ชื่อ : ยูซอดัม (LV.19)
ความแข็งแกร่ง: 17 ความอึด: 17
ความว่องไว: 18 พลังงาน: 1
มานา: 1
พรสวรรค์
ความชำนาญดาบ (A+) สัญชาตญาณ (A)
นักแม่นปืน (C) การล่า (D)
การทำอาหาร(D-)
ทักษะ
นักล่าตัวเอก LV.1
เป็นเรื่องจริงที่ความสามารถของฉันได้เพิ่มขึ้น

มันช่วยไม่ได้ทำได้แต่ต้องยอมรับเพราะว่าหน้าต่างสถานะได้แสดงทุกสิ่งอย่างคล้ายกับที่แสดงผลในเกมส์

วิทยาศาสตร์ยุคใหม่สามารถทำแบบนี้ได้เหมือนกันแต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่อาจแสดงได้ละเอียดเท่านี้

มีบางอย่างที่สะดุดตาออกมา ‘LV.19’

ตามคำอธิบายของ ‘คุณลูกค้า’ เลเวลคือเกณฑ์ศักยภาพสูงสุดที่มนุษย์คนนั้นสามารถไปถึงได้

<ค่าสถานะทั้งหมดไม่สามารถสูงเกินกว่าระดับเลเวลได้>

<ในทางตรงกันข้าม เลเวลของคุณก็คือขีดจำกัดของคุณนั้นเอง>

<คุณสามารถเพิ่มเลเวลของคุณและเพิ่มขีดจำกัดของสถานะได้โดยการล่าเหล่าตัวเอก>

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือฉันมีเลเวลแค่ 17 ก่อนหน้าที่จะล่ากิลิเทนเดอร์ ดังนั้นมันจึงเพิ่มขีดจำกัดฉันขึ้นมาสองหลังการล่า

อาจเป็นไปได้ว่าฉันแข็งแกร่งกว่าเมื่อตอนที่ฉันอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดซะอีก

“งั้นแล้วความหมายของเลเวล 19 คืออะไร”

<ผู้ชายที่เข้าสู่วัยผู้ใหญ่โดยทั่วไปแล้วจะมีเลเวลอยู่ที่ 10 ในขณะที่ค่าเฉลี่ยของนักกีฬาเหรียญทองของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในอดีตจะอยู่ที่ 15 ถึง 16>

‘อืม’

ถ้าเป็นในกรณีนี้ มันไม่ได้หมายความว่าในตัวฉันในอดีตเป็นมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่มนุษย์ธรรมดางั้นหรือ?

ฉันยังทำใจเชื่อมันไม่ลง ฉันก็แค่แรงค์ F เองนะ

การมีอยู่ของพลังพิเศษนี้มันทรงพลังมากเกินไปจริง ๆ

‘พรสวรรค์ชำนาญดาบ…’

การมีชีวิตอยู่ทั้งที่ชีวิตของฉันที่ปราศจากพรศวรรค์ในตอนนี้ฉันได้มันมาแล้ว

แล้วมันก็เป็นความชำนาญดาบสะด้วย

ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดหัวใจของฉันรู้สึกเหมือนได้รับการเติมเต็ม

อย่างไรก็ตาม คุณลูกค้าได้กล่าวว่าที่ตัวฉันในตอนนี้ยังมีความแข็งแกร่งของร่างกายไม่พอที่จะดูดซับความชำนาญดาบของกิลิเทนเดอร์ แต่นั้นไม่ได้สำคัญอะไร

ในความเป็นจริงการที่ได้รับพรสวรรค์ที่ดีในตอนนี้สิที่สำคัญกว่า

“แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นกับชายที่ฉันได้ฆ่าไป?”

<การตายอย่างถาวร ตอนนี้กฎแห่งกรรมที่โลกโน้นกำลังกลับสภาวะสู่ปกติ>

เหล่าตัวเอกเป็นหนึ่งคนที่ฝืนบังคับกฎแห่งกรรมให้มอบพรให้กับตนเองจากโลกของพวกเขา

นี่เป็นเหตุผลที่ครั้งหนึ่ง คุณลูกค้าได้อธิบายว่าทำไมโลกหลาย ๆ ใบจึงได้ล่มสลาย

<ตรวจสอบบาปที่กิลิเทนเดอร์ได้กระทำ>

[ฆาตกรรม,ข่มขู่,แบลกเมล์,กรรโชกทรัพย์,ซุ่มโจมตี และ…]

“….ฉันมีความรู้สึกว่านี้น่าจะไม่ใช่การล้อเล่นแล้วหละ”

<แน่นอนไม่ใช่ตัวเอกทุกคนที่จะทำร้ายโลกของตนเอง>

<แต่เหล่าตัวเอกเกือบทั้งหมดได้บิดเบือนเหตุและผลทำให้โลกหลายใบได้ถูกทำลายจากกระบวนการเหล่านั้น>

“นั้นทำให้ฉันมีข้อแก้ตัวที่ดีเลย”

ถ้ายังไงฉันก็ต้องไปฆ่าการที่ไปฆ่าคนเลวมันจะทำให้ฉันรู้สึกผิดน้อยลงไหมหละ?

……………………………………………………..

ฉันต้องการที่จะรับ ‘ภารกิจ’ ไปในทันทีเลยแต่มีบางอย่างที่ฉันต้องจัดการก่อนหน้านั้น

อย่างแรกฉันต้องได้อุปกรณ์ใหม่

การต่อสู้ในครั้งนี้ได้สร้างความเสียหายให้กับอุปกรณ์ของฉันเกือบทั้งหมดและมันจำเป็นต้องได้รับการซ่อมแซ่ม

ในระหว่างนี้ก็มีไม่กี่อย่างที่จะต้องทำ

ต้องตรวจสอบความสามารถใหม่ระดับ A+ และฝึกฝนร่างกายที่เสื่อมลงจากปัญหาด้านหัวใจในไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

<ตอนนี้คุณคือแรงค์ F แต่เมื่อคุณพัฒนาพรสวรรค์ที่ได้รับอย่างเต็มที่คุณจะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งเกินกว่าที่คุณจะจินตนาการได้>

<และความสามารถที่อยู่แรงค์ C ขึ้นไป พวกคุณจัดมันอยู่ในขอบเขตของอัจฉริยะ เหมือนที่คุณเรียกมัน>

ฉันเคยได้ยินเหมือนกับที่ว่าฉันเป็นอัจฉริยะเมื่อมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการยิงปืน

แน่นอนทักษะการยิงปืนมีประโยชน์แต่ถ้าคุณคิดว่ามันพอแล้วในอุตสาหกรรมฮันเตอร์บอกได้เลยว่ามันไม่พอ

ปืนไม่ได้สร้างความเสียหายจำนวนมากเมื่อเทียบกับพลังพิเศษ

แต่มันแตกต่างกันออกไปถ้าเป็นความชำนาญดาบ

ดาบอีเทอร์เป็นอาวุธที่สามารถล่ามอนสเตอร์ได้อย่างแน่นอนเหมือนพลังพิเศษและมันเป็นการจับคู่ที่ดีที่สุดเมื่อจับกับฮันเตอร์ที่มีความสามารถที่แข็งแกร่ง

ฉันมันก็แค่มนุษย์ธรรมดาดังนั้นจึงฉันต้องใช้ดาบอีเทอร์แม้ว่ามันจะเป็นอาวุธระยะประชิดก็ตาม

‘แล้วถ้าความชำนาญดาบนี้เป็นของจริงละก็’

ฉันได้พบกับยิมเก่าๆที่มีชื่อเรียกว่า ‘กึมกังยิม’

ตั้งแต่ปีที่สามในการล่าของฉันนี่เป็นสถานที่ที่ฉันมาและมันก็เป็นที่ที่คนหลายคนที่ปรารถนาที่จะเป็นฮันเตอร์ได้หลั่งเลือดและเหงื่อออกมา

มันเป็นที่ที่คนที่มีร่างกายแข็งแรงหลายๆคนได้มาเยือนเพราะว่าผู้อำนวยการของที่นี่ได้พัฒนาวิธีการในการควบคุมร่ายกายให้มีชำนาญมากขึ้น แต่ตอนนี้มีไม่กี่คนแล้วที่มาเยือนเพราะว่าวิธีการนั้นมันได้กลายเป็นวิธิการทั่วๆไปแล้ว

มันก็ไม่น่าแปลกใจ

ถึงแม้ว่าผู้อำนวยการจะเก่งกว่าในเรื่องจากฝึกฝนร่างกายมากกว่าคนอื่นๆแต่ถึงอย่างนั้นความสามารถของเขาก็ไม่เกินไปกว่าแรงค์ C

แม้ว่ามันจะเป็นความจริงที่แค่นี้มันก็ดีพอแล้วแต่เนื่องจากการเกิดขึ้นของยิมจำนวนมากที่บริหารโดยฮันเตอร์เกษียณอายุแรง A ที่แข็งแกร่งในตอนนี้ ดังนั้นมันจึงไม่จำเป็นที่ต้องมาที่นี้อีกแล้ว

“หืม! นั้นซอดัมใช่ไหมนะ?”

ยิมนี้เต็มไปด้วยชายหนุ่มกล้ามแน่นที่เต็มไปด้วยเหงื่อและหนึ่งในนั้น เป็นเทรนเนอร์ที่มีร่างกายใหญ่ยักษ์ที่จำฉันได้และเข้ามาหาฉัน

“แกออกมาจากโรงพยาบาลนั้นแล้วหรือ?”

“ใช่”

“แกรู้สึกดีขึ้นกว่าครั้งล่าสุดที่ข้าเจอใช่ไหม? ในตอนนั้นแกเกือบจะ…แก…อยู่ในสภาพที่เลวร้ายมากเลย”

เทรนเนอร์ของยิมนี้เคยไปเยี่ยมฉันพร้อมกับผู้อำนวยการที่โรงพยาบาลแต่ที่พวกเขาจำได้คือสภาพฉันที่ใกล้จะตายแล้วดังนั้นมันก็ไม่แปลกที่เขาจะสงสัยที่ฉันว่าฉันมาทำอะไรที่นี้

“มันโอเค ฉันดีขึ้นเกือบจนก็จะหายขาดแล้วหละ”

มันไม่ได้ดีกว่าแต่มันก็คล้ายกันแล้ว

“แล้วผู้อำนวยการเป็นยังไงบ้าง?”

“มี ‘เด็กฝึก’ อยู่ในออฟฟิศของผู้อำนวยการในตอนนี้นะ แกต้องการจะไปดูไหมหละ?”

“เด็กฝึก?”

พวกที่อยากจะเป็นฮันเตอร์จะถูกเรียกว่าเด็กฝึก

ฉันขอโทษที่ต้องพูดแบบนี้แต่มันน่าสนใจที่ยังมีคนในตอนนี้ที่ยังมองหาผู้อำนวยการคิมอยู่

“ยังงั้นก็ไปกันเลย”

ในตอนที่ฉันเคาะประตูออฟฟิศของผู้อำนวยการฉันได้ยินเสียงที่คุ้นเคย

เมื่อเข้ามาในห้องฉันเห็นหัวล้านๆของผู้อำนวยการคิมและเด็กสาวชาวยุโรปกับผมสีบลอนด์สลวยกำลังดื่มกาแฟสำเร็จรูปจากถ้วยกาแฟกระดาษ

“อ่า ยูซอดัม! แกออกจากโรงพยาบาลแล้วหรอ? ทำไมแกไม่ฉันหละ?”

“ฉันพึงจะออกเมื่อวานนี้เอง ดีซะอีก ออกจากโรงพยาบาลได้โดยไม่ต้องมีดราม่าเกิดขึ้น”

มันจะไม่มีดราม่าเกิดขึ้นถ้าฉันไม่บอกให้เลยสักคน

“เด็กสาวคนนี้…?”

“แกน่าจะเคยได้ยินเกี่ยวกับคอสแตนตินี แฟมมิลี่ ในอิตาลี ในเรื่องชื่อเสียงสำหรับความสามารถด้านการใช้ดาบของพวกเขา”

“ใช่ ฉันเคยได้ยินมัน”

“เธอคือลูกสาวคนโตของตละกูล เธอชื่อ…”

“เซเลสเต้ คอสแตนตินี”

เซเลสเต้? ฉันประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อตละกูลของเธอ

“เธอคือลูกสาวของคุณซัลวาเทอร์เร่ คอสแตนตินี”

“ใช่ แกรู้จักเขาหรอ?”

ใช่ฉันรู้จัก

ถึงแม้ว่าฮันเตอร์ชาวอิตาลีคนนี้ ซัลวาเทอร์เร่ จะเป็นฮันเตอร์แรงค์ S ในตอนนี้ ฉันมีความประทับใจที่ดีกับเขาเพราะเขาเคยดูแลฉันเป็นอย่างดีในฐานะแรงค์ F

“แกรู้ไหม ฉันเคยสอนเทคนิคด้านร่างกายบางอย่างให้กับเขาด้วยละนะในอดีต หลังจากเขาเรียนไปจากฉันเขาบอกว่าเขาได้รู้แจ้ง ดังนั้นเขาเลยส่งลูกสาวของเขามาทัศนศึกษาอะไรประมาณนี้นะ”

แล้วเขาก็ยักไหล่และถอนหายใจออกมา

“มันคือเหตุผลที่ว่าทำไมจึงจะเธอจึงจะมาอยู่ที่นี้สักสองสามเดือน และพูดตรง ๆ เลยนะ ฉันก็ไม่มีอะไรจะสอนเธอแล้ว”

“อะไรนะ?”

“แกรู้ใช่ไหม! ว่าสาวน้อยคนนี้ เธอนะเป็นอัจฉริยะตอนนี้เธออายุแค่ 17 ปีเอง แต่มีความแข็งแกร่งในระดับแรงค์ D แล้วเช่นเดียวกับความสามารถด้านร่างกายของเธอ”

‘…นั้นมันบ้ามาก’

แรงค์ D ที่มีอายุน้อยกว่า 20 ปี

มีไม่กี่ครั้งเท่านั้นแหละที่กรณีแบบนี้จะเกิดขึ้น

พวกเขาถูกเรียกว่าอัจฉริยะ

ด้วยความสัจจริงฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากความประหลาดใจ

“แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังเป็นคนสุภาพมาก ตอนที่ฉันสอนเธอบางอย่างเธอจะพยักหน้าและเรียนอย่างจริงจัง ฉันแม้กระทั้งให้เธอสู้กับคนอื่นแต่พูดตามตรงแกรู้ใช่ไหมว่าฉันหมายความว่าอะไร บางทีเธออาจจะรู้อยู่แล้วว่าไม่มีอะไรมากไปกว่านี้แล้วที่เธอจะสามารถเรียนรู้ได้จากที่นี้แม้ว่าเธอจะไม่พูดอะไรออกมาก็ตาม”

“เยี่ยม…”

มันแน่นอนอยู่แล้ว

คอสแตนตินี แฟมมิลี่ จะต้องมีคนที่มีความสามารถระดับแรงค์ A และปรมาจารย์ดาบหลาย ๆ คนในตระกูลอยู่แล้ว

เทรนเนอร์แรงค์ D กับ ผู้อำนวยการแรงค์ C มันเพียงพอสำหรับเธอที่จะฝึกฝนที่นี่แต่มันจะไม่ประโยชน์อะไรกับเธอเลยถ้าผู้ฝึกสอนที่นี่อ่อนแอ่กว่าพวกคนที่มีประสบการณ์สูงกว่าที่บ้านของเธอ

ซัลวาเทอร์เร่ดูเหมือนว่าจะส่งเซเลสเต้มาที่เกาหลีใต้เพียงเพราะความทรงจำของเขาเกี่ยวกับวิธีการสอนของผู้อำนวยการคิมแต่หลายสิ่งหลายอย่างได้เปลี่ยนไปแล้วในตอนนี้

เธอจะไม่ได้อะไรจากที่นี้ด้วยซ้ำ

นี้เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเซเลสเต้เริ่มแสดงออกว่า ‘ไม่สนใจ’ แล้วกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเกาหลี

“มันพึ่งผ่านไปแค่อาทิตย์เดียวเอง ฟูๆๆ ฉันไม่สามารถทรยศคำข้อร้องของพ่อเธอได้ดังนั้นฉันเดาว่าฉันจะต้องหาบางสิ่งบางอย่างให้เธอทำ เอาจริงๆนี้มันเป็นปัญหามากเลยหละ”

หลังจากได้ยินคำพูดของผู้อำนวยการคิดฉันรู้สึกเสียใจกับเค้าเป็นอย่างมากแต่ฉันจะไม่ทำอะไรได้หละ?

“มันจะมีโอกาสบ้างไหมที่คุณจะเป็นฮันเตอร์ที่โดดเด่นคะ”

เซเลสเต้ถามฉันด้วยภาษาอิตาเลียนและผู้อำนวยการคิมพยายามที่จะแปลมันแต่ฉันสามารถพูดบทสนทนาพื้นฐานในภาษาอิตาเลียนได้

“ฉันชื่อยูซอดัม แรงค์ F มีอาชีพเป็นฮันเตอร์”

“อ้า…แรงค์ F ฮันเตอร์ธรรมดา…?”

“ใช่”

ด้วยเหตุผลบางอย่างก็มีความรู้สึกที่เหมือนหนักหน่วงเหมือนกับมีคนเอาถังที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งมาลาดใส่ฉัน

จริงๆแล้วดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้มีความสนใจในอะไรก็ตามที่อยู่ที่นี้เลย

ฉันถามผู้อำนวยการ

“ผู้อำนวยการดาบสุดที่รักของฉันยังอยู่ไหม?”

“ดาบสุดที่รัก อ้า ดาบไม้ของแกอะนะ ฉันคิดมาตลอดว่ามันแปลก ทำไมแกถึงเรียกดาบไม้ว่าสุดที่รัก?”

“ลืมเรื่องดาบไปก่อน ทำไมคุณมีความคิดที่ลามกอย่างนี้”

“ไอ้คนประหลาด”

ผู้อำนวยการเอาดาบไม้ที่ฉันเคยใช้ออกมา

ฉันไม่ได้ใช้มันมานานกว่า 10 ปีแล้วแต่มันรู้สึกเหมือนกับว่าพึ่งผ่านไปไม่นานเอง

โดยไม่ได้ตั้งใจฉันถือดาบไม้ในท่าทางเดียวกันกับดาบอีเทอร์ของฉันและในตอนนั้นเองที่ฉันรู้สึกขนลุกขึ้นมา

‘หืม…ฉันเคยถือมันแบบนี้มาตลอดเลยอย่างนั้นนะหรือ?’

ความรู้สึกของดาบไม้มันแปลกประหลาด

ไม่ มันก็เหมือนทุกๆครั้งที่ฉันถือดาบ

มีอย่างเดียวเท่านั้นที่ฉันรู้สึกได้

ท่าทางที่ฉันใช้ในต่อสู้เมื่อก่อนมันช่างอุบาทสิ้นดี

ฉันค่อยยกปลายดาบขึ้นอย่างช้าๆและเส้นโค้งของวิถีดาบสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนด้วยตาของฉัน

ต้องเหวี่ยงดาบอย่างไรจึงจะฆ่าศัตรูได้อย่างแน่นอน

ส่วนไหนที่ฉันสามารถตัดได้อย่างเรียบเนียน

มันเป็นการวาดดาบที่สมบูรณ์แบบที่ทำให้ฉันรู้สึกขนลุกไปทั่วทั้งตัว

‘บ้าไปแล้ว ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกัน?’

การต่อสู้นับครั้งไม่ถ้วนที่ฉันได้เผชิญในชีวิตพุ่งเข้ามาในใจและหายไป

ศัตรูจำนวนนับไม่ถ้วนคนที่แทบจะนำฉันไปสู่ความตายในตอนนี้นั้นไม่คู่ควรกับดาบนี้ด้วยซ้ำ

พลังงานที่ท่วมท้นและสมบูรณ์แบบ

นี้คือพรสวรรค์ระดับแรงค์ A มันเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างทางเดินให้อัจฉริยะมากมายมุ่งไปสู่ชัยชนะได้

ตอนนี้ฉันได้เห็นทางเดินนั้นแล้ว

ทำอย่างไรจึงจะปราบคู่ต่อสู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทำอย่างไรจึงจะตัดและเหวี่ยงโดยใช้พลังงานให้น้อยที่สุด

ทำอย่างไรจึงจะไม่แพ้

“หืม? มีปัญหาอะไรรึป่าว?”

“ไม่นะ ดาบเล่มโปรดของฉันรู้สึกเบาขึ้นมากเลยหละ มากไปกว่านั้นนะผู้อำนวยการมันก็นานมากแล้วที่ฉันได้จับคู่ฝึก…”

ฉันหยุดพูดในทันทีและมองไปที่เซเลสเต้

ไม่สำคัญว่าฉันจะได้รับความชำนาญดาบมามากเท่าไหรก็ตาม ฉันไม่สามารถสู้กับแรงค์ C ได้

หรืออาจจะแต่มันยากที่ทดสอบพรสวรรค์นี้

แต่ถ้าฉันสู้กับฮันเตอร์ฝึกหัดที่มีความแข็งแกร่งแรงค์ D แทนหละ?

ถ้าเธอมาจากตระกูลที่มีความชำนาญเป็นอย่างดีในวิชาดาบ

ฉันอาจจะทดสอบมันได้

“มิสเซเลสเต้ เธอดูเบื่อๆนะ งั้นเธออยากที่จะมาประลองกับฉันไหม?”

“หืม?”

ผู้อำนวยการคิดหยุดฉันเมื่อเขาเห็นเธอกำลังจะถูกก่อกวน

“แก เป็นอะไรเนี่ย? แกรู้สึกไม่สบายใช่ไหม?”

“เพราะงั้นฉันถึงต้องออกกำลังกายไง และนี้มันจะเป็นการวอร์มอัพร่างกายของฉัน”

“แต่ถึงอย่างงั้นก็เถอะ…”

ฉันไม่ได้บอกทุก ๆ คนที่ใกล้ชิดกับฉันที่ว่าฉันมันปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ

มันเหมือนถูกเยาะเย้ย

มีแค่กิลด์มาสเตอร์เท่านั้น ไอ้คนที่ไม่ได้ใกล้ชิดอะไรกับฉันเลยที่รู้ว่าฉันกำลังจะตาย

ผู้อำนวยการพูดด้วยความระมัดระวัง

“เด็กคนนี้มีความแข็งแกร่งทางกายภายเท่ากับแรงค์ D นะ”

ฉันรู้ว่าผู้อำนวยการกำลังหมายความว่าอะไร

มันเป็นเหตุผลเดียวกันกับที่เซเลสเต้ไม่มีความสุขกับคำท้าประลองของฉัน

บางทีถ้าเราประลองกันที่นี่

ฉันคงจะแพ้อย่างแน่นอน

แต่ฉันมีประสบการณ์โชคโชนที่ยาวนานถึง 15 ปี และมันไม่ใช่สิ่งที่จะมองข้ามไปได้

เซเลสเต้เปิดปากของเธออย่างช้า ๆ และด้วยโทนเสียงที่ไม่แยแสโดยสมบูรณ์สำหรับการประลองครั้งนี้

“ฉันเคยเผชิญหน้ากับฮันเตอร์ผ่านศึกที่มีประสบการณ์ 10 ปี สามคนที่เป็นฮันเตอร์ธรรมดาและเป็นนักดาบในตระกูลของฉันมาแล้วค่ะ”

โอ้วมาย

ฉันคิดว่าฉันรู้จักพวกเขาทั้งหมด

“เห็นได้อย่างชัดเจนว่าวิชาดาบของพวกเขานั้นเป็นเลิศ ฉันได้เรียนรู้เป็นอย่างมากแต่…”

เหมือนกับว่าเธอกำลังบอกให้ฉันหยุด

“ในตอนที่ฉันปลุกพลังทางร่างกายระดับแรงค์ E พวกเขาก็ไม่คู่ควรกับฉันอีก พวกเขาทั้งสามคนเลย”

เซเลสเต้พูด

มันเป็นความจริง

ในตอนที่คุณปลุกพลังร่างกายระดับแรงค์ E คุณจะเขาสู่ขอบเขตของยอดมนุษย์คนที่เหนือกว่ามนุษย์ทั่ว ๆ ไป

ในความหมายอื่น คือไม่ว่าฮันเตอร์แรงค์ F จำนวนมากเท่าไหรที่เคยดิ้นรนมันไม่สามารถนับเป็นการต่อสู้ได้ด้วยซ้ำ

เธอเกือบจะปลุกพลังไปถึงแรงค์ D แล้วด้วยซ้ำ

ดังนั้นเธอที่กำลังบอกให้ฉันหยุดความคิดเกี่ยวกับการประลองที่ไร้ความหมายเพราะว่าฉันไม่จะแม้จะเป็นแค่คู่มือให้เธอได้ด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตาม

เธอมองมาที่ฉันอย่างไม่เป็นพิษเป็นภัยในตอนนี้

“ยังไงซะ เธออะไรรึป่าว?”

“หืม?”

ฮันเตอร์ซัลวาเทอร์เร่ คอสแตนตินี คนที่ครั้งหนึ่งเคยฝ่าฟันผ่านโลกด้วยดาบเดียวและในตอนนี้ได้รับการเลื่อนแรงค์เป็น SS

และมีแรงค์นี้ เพียงแค่ 37 ในโลกเท่านั้น

ความภาคภูมิใจที่มากขนาดไหนกันหละที่เด็กคนนี้จะมีให้กับตระกูลและพ่อของเธอกันหละ?

“ฉันเคยสู้ชนะ 1 VS 1 กับพ่อของเธอ”

ตั้งแต่เริ่มฉันมีความคิดนี้อยู่ในหัว

“ดีเลยค่ะ ฉันเริ่มต้องการที่จะเห็นทักษะของฮันเตอร์ผ่านศึกอีกคนซะแล้วค่ะ”

และมันก็พอแล้วที่จะยั่วยุให้เธอถือดาบไม้ขึ้นมา