บทที่ 11 เรียนรู้ความแข็งแกร่งของท่านประธาน

สะกิดหัวใจนายขี้เก๊ก

ณัฐณิชารีบเอ่ยว่า “พวกเราไม่ได้ทำสัญญาแต่งงานกันหรือ”

“เดิมการแต่งงานก็เป็นการทำสัญญาอย่างหนึ่ง” เขาเอ่ยพลางเขยิบเข้าไปใกล้ณัฐณิชา “เขินอายขนาดนี้? พวกเราไม่ได้นอนด้วยกันไปตั้งนานแล้วหรือ”

ธราเทพพูด ปลดชุดคลุมอาบน้ำออก กล้ามเนื้อหน้าท้องแปดลูกที่เห็นได้ชัดเจนปรากฏวับๆแวมๆในชุดคลุมอาบน้ำ

ณัฐณิชาหน้าเห่อร้อน “เรื่องเมื่อคืนวาน ฉันจำไม่ได้แล้ว!”

“เช่นนั้นก็มารำลึกความทรงจำกันได้พอดีเลย” ธราเทพยิ้ม ขณะเดินมาหาณัฐณิชา

คืนก่อนหน้านี้ แม้ว่าปากของณัฐณิชาจะโวยวายเรื่องสุภาพบุรุษต้องมีใจกว้างขวาง คนทรามนั้นคิดเล็กคิดน้อย ทุกข์ร้อนกับเรื่องผลได้ผลเสียของตนเอง” แต่ความจริงแล้วไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสองคน

เธอเพียงแค่เป็นฝ่ายถอดเสื้อผ้า ปลดเข็มขัดของธราเทพ แต่เมื่อเธอถอดเสื้อผ้าเสร็จก็สลบไปแล้ว ส่วนธราเทพก็เพียงแค่เอาจี้หยกของเธอไป ระหว่างคนทั้งคู่ไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นทั้งนั้น

ในตอนนี้เองที่ธราเทพก้าวเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ขังณัฐณิชาเอาไว้ที่ข้างเตียงจนไม่มีทางให้ถอยได้อีก

มือใหญ่ของเขาคว้าหมับเข้าที่เอวเล็กเพรียวบางของเธอ

ณัฐณิชาลนลาน จึงหงายล้มลงไปด้านหลัง ทั้งสองคนจึงล้มลงไปบนเตียงด้วยกัน

“เทพ…คุณธราเทพ พวก…พวกเรามาหารือกันสักหน่อย?” ใบหน้าของเธอเห่อร้อน พูดจาก็อ้ำๆอึ้งๆ

แต่ทว่ามือของธราเทพก็เคลื่อนไปตามรอยแยกชุดคลุมอาบน้ำของเธอ จนถึงเอวเพรียวบาง พลางลูบไปมาบนผิวที่เนียนลื่นของเธออย่างแผ่วเบา

เลือดในร่างกายของณัฐณิชาแข็งค้าง ดูเหมือนว่าจะหายใจไม่ออกแล้ว

เดิมธราเทพเพียงแค่อยากจะหยอกเย้าเธอ แต่คิดไม่ถึงว่าคนที่กล้าเอ่ยเรื่องระหว่างสามีภรรยาต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนั้นเช่นเธอ จะเขินอายและอ่อนต่อโลกเช่นนี้

ใบหน้าที่แดงก่ำด้วยความเขินอายนั้นสร้างความร้อนรุ่มให้กับร่างกายของธราเทพอย่างน่าประหลาด

ตั้งแต่เล็กจนโต ธราเทพมีเพียงแค่จิตใจที่มุ่งมั่นกับการเรียน ในภายหลังก็ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับกิจการบริษัท

แม้ว่าจะมีหญิงสาวมากมายเป็นฝ่ายเสนอตัวเข้ามาในอ้อมแขนของเขา เขาก็ไม่เคยมีอารมณ์มาก่อน คิดไม่ถึงเลยว่า เมื่อเผชิญหน้ากับณัฐณิชา เขาถึงกับควบคุมตนเองไม่อยู่ นี่ทำให้ตัวธราเทพประหลาดใจอยู่บ้าง

“คุณไม่ได้พูดว่า ขอเพียงแค่สามารถได้พบกับเจ้าของเดิมของจี้หยก ให้คุณทำอะไรก็ได้หรอกหรือ” เขาอยู่ห่างจากริมฝีปากเธอหนึ่งนิ้ว น้ำเสียงก็เต็มไปด้วยการยั่วยวน

“แต่ว่า…ฉันเป็นเพียงแค่เด็กสาวยากจนที่เติบโตขึ้นในชุมชนแออัด ไม่คู่ควรกับคุณชาเทพผู้สูงส่ง!”

เธอเอ่ยขอร้อง แววตาเต็มไปด้วยความอับจนหนทาง

ธราเทพเกิดความรู้สึกสนใจขึ้นมาเป็นอย่างมาก มีผู้หญิงที่คิดเสนอตัวให้เขามากเกินไป นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนไม่คาดหวังว่าจะมีความสัมพันธ์กับเขา

“ก่อนหน้านี้จะเป็นใครล้วนไม่สำคัญ ตอนนี้คุณเป็นภรรยาของผม ระหว่างสามีภรรยา ไม่ควรทำเรื่องที่ควรทำกันหรอกหรือ”

พูดแล้ว มือของเขาก็วางอยู่บนจี้หยกที่อยู่บริเวณทรวงอกเธอ ราวกับว่ากำลังเตือนเธอให้เป็นเด็กดี ถึงจะได้พบกับเจ้าของจี้หยกเดิม

ณัฐณิชากัดฟัน หลับตาลง “ก็ได้…ถ้าอย่างนั้นคุณ…คุณก็เบาหน่อย”

เธอเหมือนกับวีรบุรุษที่พร้อมพลีชีพ นอนอยู่บนเตียง รอให้ชายหนุ่มที่อยู่ด้านบนลงโทษประหาร

นัยน์ตาธราเทพฉายแววลุ่มลึก ค่อยๆโค้งตัวแตะลงบนริมฝีปากที่สั่นระริกของเธออย่างแผ่วเบา จ้องมองใบหน้าของเธอ ผ่านไปสองวินาทีก็ปล่อยเธอในที่สุด

เขาลุกขึ้น พลางสวมชุดคลุมอาบน้ำให้เรียบร้อย พลางเอ่ยเสียงเย็นชาว่า “ถ้าหากว่าคุณไม่ยินยอม ผมก็จะไม่บังคับคุณ แต่ผมก็ไม่คิดจะแยกเตียงนอนกันตลอดสามปี”

ธราเทพเอ่ยจบแล้วก็เดินออกจากห้องนอนไป

รอจนเขาออกไปแล้ว ณัฐณิชาถึงได้เด้งตัวลุกขึ้นจากเตียงไปปิดและล็อกประตู ทั้งยังวางเก้าอี้ตัวหนึ่งไว้ที่หน้าประตูอย่างไม่วางใจ ถึงได้ถอนหายใจเสียงยาวออกมา

สมองของณัฐณิชาสับสนวุ่นวาย คิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสองวันมานี้จนถึงรุ่งสางตอนตีสี่ ถึงได้หลับไป

การนอนในครั้งนี้ นอนจนถึงช่วงบ่าย

ตอนที่ตื่นขึ้นมา เก้าอี้ที่อยู่หน้าประตูก็ไม่ได้ถูกขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย เธอเดินออกไปนอกห้อง ก็พบว่าภายในบ้านมีเพียงเธอคนเดียว

ธราเทพทิ้งกระดาษโน้ตแผ่นหนึ่งเอาไว้ให้เธอบนโต๊ะอาหารในห้องครัว ผมจะมารับคุณในเวลาหกโมงเย็น เพื่อไปบ้านของคุณปู่ จำไว้ว่าต้องแต่งกายให้งดงามเล็กน้อย