บทที่ 114 มีเพียงชาแดงได้หรือไม่

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี

หลังติดตามซูเซียงเสวี่ยกลับไปยังสำนักเหอฮวนแล้ว ไป๋ชิวหรานถูกจัดให้พักในห้องที่ดีที่สุด สาวงามนำอาหารมาให้ยังห้องพักตลอดสามมื้อ ชีวิตเช่นนี้งดงามยิ่งกว่าการครองตัวเป็นโสด ทว่าต้องหาอาหารบริโภคด้วยตัวเอง

อย่างไรก็ตาม หญิงเหล่านี้ก็ทำหน้าที่เพียงส่งอาหารเท่านั้น ไม่มีหญิงใดกล้ายั่วยวนเขา ทั้งยังสวมใส่เสื้อผ้าที่ปกคลุมอย่างแน่นหนา สายตาไม่กล้าแม้แต่จะจ้องมองชายตรงหน้า

หากพวกนางไม่ถูกถอดจิตวิญญาณหรือกวาดล้างด้วยจิตสำนึกศักดิ์สิทธิ์ ไป๋ชิวหรานคงคิดว่าพวกนางคือผู้บำเพ็ญตน ทว่าศิษย์เหล่านี้อาจเป็นศิษย์ขั้นสร้างรากฐานของสำนักเหอฮวน

สำหรับซูเซียงเสวี่ย นางทุ่มเทอย่างสุดกำลังเพื่อจัดสรรกิจการของสำนัก ไป๋ชิวหรานไม่เข้าใจสิ่งที่นางคิดนัก แต่มั่นใจว่าไม่ได้มุ่งร้าย

ไม่กี่วันต่อมา ซูเซียงเสวี่ยก็จัดการธุระของนางจนเสร็จสิ้น จากนั้นจึงส่งคนมาเพื่อเชิญเขา เจ้าสำนักเหอฮวนจัดงานเลี้ยงหรูหราเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับมิตรสหายหนุ่ม

ไป๋ชิวหรานถูกพาตัวไปยังกลางตำหนัก บนโต๊ะเรียงรายไปด้วยอาหารเลิศรสจากทั่วทุกมุมโลก บางจานทำจากสัตว์วิญญาณ… เพียงแค่กลิ่นอย่างเดียวก็ทำให้น้ำลายซอ

ไป๋ชิวหรานนั่งตรงข้ามกับซูเซียงเสวี่ยอย่างจรรโลงใจพร้อมกล่าว

“เวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน ในชั่วพริบตา เจ้าพัฒนาจากเด็กสาวที่ยากจนในสมัยนั้นมาเป็นผู้หญิงที่ร่ำรวย”

“ฮ่า ๆ หากท่านอยากอยู่กับข้าในวันที่ร่ำรวยเช่นนี้ ข้าก็ยินดี”

ซูเซียงเสวี่ยยกหม้อลายครามสีขาวขึ้นบนโต๊ะ พร้อมเทบางอย่างลงในถ้วยของไป๋ชิวหราน

ชายหนุ่มยกขึ้นจิบในทันที ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ

“นี่ไม่ใช่สุราหรอกหรือ?”

“ผู้อาวุโสหวงฝู่เฟิงปล้นสินค้าในคลังข้าไปน่ะสิ สุราไหใหม่ยังไม่ได้ต้ม”

ซูเซียงเสวี่ยยิ้มพร้อมถาม

“งานเลี้ยงอาหารค่ำครั้งนี้มีแต่ชาแดง…ได้หรือไม่?”

เมื่อได้ยินคำพูดของนาง ไป๋ชิวหรานไม่เข้าใจว่าเหตุใดถึงรู้สึกแปลก ๆ

“แน่นอนสิ ข้าไม่จำเป็นต้องดื่มสุราทุกคราวหรอกนะ”

“นี่เป็นชาแดงที่ส่งตรงมาจากเมืองอวิ๋นลู่ ข้าพูดได้เต็มปากว่าเป็นชาที่ดีที่สุดในเก้ามหาทวีปสิบแผ่นดิน”

ในขณะที่แนะนำซูเซียงเสวี่ยได้เพิ่ม ‘ส่วนผสม’ ลงในหม้อก่อนจะเขย่าหม้อลายครามในมือไปมา เมื่อเห็นว่าไป๋ชิวหรานดื่มจอกเมื่อครู่หมดแล้ว นางจึงเทให้เขาอีกครั้งทันที

นางวางถ้วยน้ำชาลง ก่อนจะมองไปที่ชายหนุ่มด้วยสายตาจริงจัง นึกถึงคำพูดของโหยวเหมยเฉียว

‘ท่านอาจารย์ วิธีที่โง่ที่สุดคือวิธีที่ดีที่สุด’

เหล่าศิษย์ต่างยกนิ้วให้กับศิษย์สายตรงของเจ้าสำนัก

‘เพื่อรับมือกับบรรพชนสำนักกระบี่ชิงหมิง…ต้องใช้ยาที่ทรงพลัง!’

ชาแดงเป็นชาที่ดีมาก และเป็นยาที่แรงที่สุดที่ทำขึ้นเป็นพิเศษโดยสำนักเหอฮวน มันเหมาะกับผู้บำเพ็ญตนมหายาน ซูเซียงเสวี่ยเพิ่มปริมาณของชาแดงถึงสิบเท่า แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่แน่ใจว่ายานี้จะมีผลใดกับสัตว์ประหลาดอย่างไป๋ชิวหราน!

นางมองชายหนุ่มด้วยความกังวลใจ ก่อนจะวางถ้วยน้ำชาลง พลันหัวใจเต้นแรง

ดื่มสิ ดื่มเร็วเข้า!

ซูเซียงเสวี่ยส่งเสียงกู่ร้องในใจ ไป๋ชิวหรานไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของชาแดงในถ้วย จากนั้นก็ยกมันขึ้นเพื่อเตรียมจะดื่ม

ทว่าน่าเสียดายที่ประตูกลางตำหนักถูกพายุพัดโหมกระหน่ำจนกระแทกกันไปมา ศิษย์ของสำนักเหอฮวนที่สวมชุดสีดำปรากฏตัวขึ้นกลางตำหนัก ก่อนจะคุกเข่าลงบนพื้น

“ท่านเจ้าสำนัก! แย่แล้ว!”

เมื่อเห็นบุคคลนี้ ไป๋ชิวหรานพลันวางถ้วยน้ำชาลง สายตาแลไปมองนาง แต่ในขณะนี้ ร่างกายของซูเซียงเสวี่ยเหมือนมีคลื่นพลังอาฆาตล้อมรอบกายอย่างไม่เคยมีมาก่อน

ไป๋ชิวหรานหันศีรษะมองซูเซียงเสวี่ยด้วยความประหลาดใจ ชายหนุ่มไม่เข้าใจว่า… เหตุใดนางถึงโกรธมากเช่นนี้ ขณะที่ศิษย์ของสำนักเหอฮวนกำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น มีท่าทีตกใจกับการตอบสนองของซูเซียงเสวี่ย คลื่นพลังแห่งความอาฆาตของนางเข้าปกคลุมไปทั่วบริเวณ จนทำให้เขาเหงื่อกาฬผุดซึมไปทั่วร่าง

บรรยากาศอึมครึมดำเนินไปชั่วขณะหนึ่ง ซูเซียงสวี่สูดหายใจเข้าลึกพร้อมเค้นเสียงถามอย่างเย็นชา

“เกิดอะไรขึ้น?”

นางตัดสินใจว่าหากศิษย์คนนี้มาช้าเพราะเรื่องเล็กน้อย ครานี้ตนจะปฏิบัติเยี่ยงผู้ฝึกตนฝ่ายมารควรทำ!

ศิษย์ของสำนักเหอฮวนก้มศีรษะลงและเอ่ยตอบเสียงต่ำ

“รายงานท่านเจ้าสำนัก โลกมารกำลังทำสงครามกับเรา”

“เจ้าพูดอะไร?”

ไป๋ชิวหรานและซูเซียงเสวี่ยส่งเสียงขึ้นพร้อมกัน

“ข้อมูลที่ส่งจากรัฐหลินโจวเมื่อคืนนี้ กองทหารของอสูรเผ่ามารได้โจมตีเมืองมนุษย์กับหมู่บ้านที่ใกล้กับรอยแยกอากาศในรัฐหลินโจว พร้อมเข้ายึดครองหลายเมือง กองทัพเทพยุทธ์ที่ดูแลอยู่ที่นั่นเผชิญหน้ากับพวกเขาในช่วงเวลาสั้น ๆ การเผชิญหน้าระหว่างทั้งสองฝ่ายกำลังดำเนินไปบนที่ราบแห่งรอยแยกในรัฐหลินโจว”

ศิษย์สำนักเหอฮวนรายงานอย่างรวดเร็ว

“แหล่งที่มาของข่าวส่งมาจากกองทัพเทพยุทธ์โดยตรง จึงสามารถเชื่อถือได้”

“นี่เป็นพฤติกรรมส่วนตัวของราชาอสูรหรือเป็นการสมรู้ร่วมคิด?”

ไป๋ชิวหรานถาม

“ไม่อาจทราบได้ นอกจากนี้อสูรเผ่ามารยังถือธงที่สื่อว่าเป็นตัวแทนของทั้งหมด”

ลูกศิษย์ตอบ

ไป๋ชิวหรานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วลุกขึ้นทันที เขาหันไปกล่าวกับซูเซียงเสวี่ย

“ต้องขออภัย คงร่วมรับประทานอาหารมื้อนี้ไม่ได้แล้ว และคงต้องขอเชิญเจ้ากลับไปกับข้าก่อน”

ซูเซียงเสวี่ยไม่ได้คัดค้าน เพียงกล่าวว่า

“ท่านไปก่อนเถิด ข้าขอจัดการทุกอย่างที่นี่ให้เสร็จ แล้วจะตามไปทีหลัง”

ไป๋ชิวหรานพยักหน้าพร้อมเดินจากไป ซูเซียงเสวี่ยมองไปยังแผ่นหลังของชายหนุ่มที่กำลังเลือนจากไป

หลังจากนั้นไม่นาน โหยวเหมยเฉียวออกมาจากมุมหนึ่งและกระซิบแผ่วเบา

“ท่านเจ้าสำนัก แผนการล้มเหลว”

เมื่อเห็นซูเซียงเสวี่ยมองมา เหมยเฉียวรีบหยิบขวดหยกออกจากกระเป๋า

“ไม่ต้องห่วง ครานี้ได้เตรียมขวดยาที่มีฤทธิ์มากกว่านี้ตามสูตรในถ้ำเซียนมาแล้ว ข้าเรียกมันว่า ชาแดงแห่งการหลับใหล…”

“เอาล่ะ เหมยเฉียว ข้าไม่ต้องการแล้ว”

ซูเซียงเสวี่ยกล่าวขึ้นฉับพลันทันใด

“เอ่อ…ท่านเจ้า…”

โหยวเหมยเฉียวลดมือลงอย่างเขินอายพร้อมเอ่ยถามเสียงต่ำ

“เป็นไปได้ไหมที่ท่านจะยอมแพ้?”

“ยอมแพ้? คำนี้ไม่เคยอยู่ในตำราของซูเซียงเสวี่ย”

ซูเซียงเสวี่ยกล่าวอย่างสง่าผ่าเผย

“ข้าตัดสินใจแล้ว โอสถรักษาโรค งานเลี้ยงอาหารค่ำ และอื่น ๆ ที่เป็นกลอุบายทั้งหมด ซูเซียงเสวี่ยมีวิธี… เหมยเฉียว ในขณะที่ข้าไม่อยู่ อยากขอให้เจ้าช่วยดูแลพร้อมจัดการธุระของสำนักเหอฮวน ผู้อาวุโสมากมายอยากให้ไปช่วยงานน่ะ”

“หืม?”

โหยวเหมยเฉียวไม่ได้เอ่ยอะไร

“ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก”

ซูเซียงเสวี่ยกัดฟันกล่าว

“เอาล่ะ คราวนี้ข้าจะปล่อยให้เป็นหน้าที่เจ้า จงกระทำการให้ดี แล้วมาดูกันว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นต่อไป?”