บทที่1ตอนที่5

ข้าน่าจะฝันไปแน่ๆ แต่ไม่รู้ว่าฝันนั่นอยู่ที่แห่งไหน แต่อย่างน้อยมันก็น่าจะเป็นฝัน

เขายืนอยู่คนเดียวในพื้นที่สีดำสนิท ไม่มีพื้นดินหรืออากาศและทิวทัศน์โดยรอบเป็นสีดำสนิท

ไม่มีอะไรเลยแม้แต่คนหรือน้ำบริเวณรอบๆนี้ แม้แต่ลมก็ไม่มี ไม่ได้ยินสิ่งใด

ทันใดนั้นเขาจ้องมองลงไปใต้เท้าของตัวเองก็พบกับมังกรสีดำที่มีปีก 5 สี 6ปีก มันคือราชันย์มังกรเทียแมท

มังกรยักษ์นั่นจ้องมาที่ข้าด้วยสายตาโกรธแค้น

ขณะจ้องมองกันอยู่เงียบๆนั้น สักพักสภาพโดยรอบก็สว่างขึ้น

ในขณะที่รู้โล่งอกนั่นเองว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่เขาก็กลับไปจ้องตากับมังกรเทียแมทอีกครั้ง

มังกรก็ยังคงจ้องตอบกลับมา ข้าเองก็ไม่รู้หรอกว่าตอนนี้มันทำสีหน้าเช่นไร โนโซมุที่จ้องมองอยู่ในด้านแสงสว่างก็กังวลเล็กน้อย

「อ้าว ตื่นแล้วเหรอเจ้าน่ะ」

「เหวออออ!」

ใบหน้าของหญิงชราจ้องสะท้อนมาที่ดวงตาของข้า โนโซมุเผลอตะโกนลั่นโดยไม่ได้ตั้งใจและกลิ้งออกมาจากฟูก ทันใดนั้นเองก็โดนชกเข้าทีหน้าอย่างเต็มเบ้า ดูเหมือนว่าเธอจะโมโหอย่างมาก

「โถ่ววว อาจารย์ละก็ทำตัวแบบนี้…………」

「แย่ตรงไหนกันล่ะหะ!ข้าเป็นคนแบกเจ้ามาแล้วเจ้าก็นอนซมอยู่ตั้ง 3 วัน นี่ข้าแย่งั้นเหรอ!!!」

ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยผ้าพันแผลและมีกลิ่นยาถูกถาไว้ เหมือนว่าอาจารย์จะคอยดูแลข้าอยู่จริงๆ

「ขอโทษครับอาจาย์ ขอบคุณจริงๆครับ」

ชิโนะที่ยังทำท่าทางงอล แต่แววตาของเธอดูมีความสุขมากดูเหมือนว่าเธอจะห่วงข้ามากๆ

「นอนซมตลอด 3 วัน ข้าต้องดูแลเจ้าตลอดเวลา แล้วเหตุใดเจ้าถึงไปล้มฟุบในป่าแถมยังมีแผลมากมายขนาดนั้น?」

บรรยากาศของอาจารย์เปลี่ยนไป ข้ากลืนน้ำลายพร้อมกับบอกเล่าเรื่องราว

「…………เข้าใจแล้วครับ ข้าจะบอกทุกอย่างเอง。」

ท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียดข้าเล่าทุกอย่างออกไป

◇◆◇

ไม่กี่ชัวโมงต่อมาหลังจากคุยเกี่ยวกับเรื่องนั้น ทั้งสองคนก็ยังคงเงียบอยู่

「…………ตามข้ามา」

อาจารย์หยิบดาบคาตานะพร้อมกับออกจากกระท่อมไป โนโซมุเองก็หยิบดาบและตามเธอไป

เมื่อพวกเราออกมาข้างนอก พวกเราต่างถือดาบด้วยท่าทีสงบนิ่ง ตั้งท่าพร้อมเตรียมต่อสู้ ถึงแม้รอบตัวจะยังมีรอยขีดข่วนและเจ็บแผลอยู่ก็ตาม

「อู้ย อู้ยๆ!!」

บาดแผลจากการต่อสู้กับเทียแมท มันเจ็บแปล๊บเข้ามาแต่ไม่ว่ายังไงข้าก็ต้องถือดาบเอาไว้

ตอนนั้นเองอาจารย์ก็บุกเข้ามาในทันที ข้าเองที่ตอบสนองได้ช้าเพราะอาการเจ็บปวดจากแผลทำให้ตอบโต้ได้ไม่ทันเวลา

อย่างไรก็ตามดาบของเราปะทะกันจนเกิดเสียงแหลมสูงตรงกันข้ามกับความคิดของโนโซมุที่คิดว่าจะป้องกันไม่ทัน

「เอะ」

ข้าส่งเสียงโง่ๆออกไป ข้าที่ไม่เคยกันการโจมตีของอาจารย์ได้เลย

「หืม เป็นงี้เองสินะ」

「หมายความว่ายังไงครับอาจารย์」

ข้าเปล่งเสียงไปทางอาจารย์ที่ทำท่าทางมั่นใจ โนโซมุตอบสนองต่อเสียงนั่นด้วยท่าทางสับสน

ความสามารถที่จำกัดตัวเขา “พันธนาการ”ยังคงส่งผลอยู่ แม้ว่าร่างกายจะทำการตอบสนองแบบตามปกติก็ตามแต่ว่ามันไม่สามารถเลี่ยงการโจมตีนั่นได้หรอก เขากลับโต้กลับมาอย่างง่ายดายโดยไม่เสียท่าทีเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าอาจารย์จะโจมตีเขาทีเผลอก็ตาม

โดยปกติแล้วจะต้องป้องกันการโจมตีไม่ได้และโดนฟันไปแล้ว แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างเขากลับป้องกันได้ เหตุผลก็คือ

「ความสามารถทางกายภาพแกสูงขึ้นแล้ว」

นั่นละคือเหตุผลที่ป้องกันการโจมตีของอาจารย์ได้

「เอะ แต่ว่าข้า」

「แน่นอนความสามารถทางกายภาพของเจ้าไม่มีทางสูงขึ้นได้เพราะความสามารถ “พันธนาการ” อย่างไรก็ตามเจ้าเป็น ดราก้อน สเลเยอร์ ผู้ที่ได้รับสืบทอดจากพลังของมังกร เจ้าจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก นี่ละสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเจ้า」

「ข้าอะนะ ดราก้อน สเลเยอร์?…………」

โนโซมุยังคงสับสน โดยธรรมชาติแล้วดราก้อน สเลเยอร์เป็นเพียงตัวตนในตำนานซึ่งตัวตนดังกล่าวครั้งสุดท้ายที่เห็นล่าสุดก็คือราวๆหลายร้อยปีก่อน

ผู้สืบทอดพลังอันแข็งแกร่ง ศูนย์รวมพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่บางคนใช้เวทย์ได้โดยอธิบายไม่ได้ด้วย และบางคนก็ปลุกพลังพิเศษภายในกายให้ตื่นขึ้นนั่นละคือพลังของผู้สืบทอด

「อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้พัฒนาเจ้ามากนัก…………」

「เออออ๋!!!」

โนโซมุยิ่งสับสนกับคำพูดของอาจารย์ที่กำลังจะปฏิเสธตัวตนในตำนานตรงหน้า

「ท้ายที่สุดแล้วอำนาจของ “พันธนาการ”มันมีมากกว่าที่เจ้าคิด เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ดูเหมือนเจ้าจะทำลาย “พันธนาการ” ได้ในตอนที่สู้กับมังกรโบราณเทียแมทใช่ไหม? แล้วตอนนี้เจ้าทำได้รึเปล่า?」

แน่นอนข้าจำช่วงเวลาที่อาจารย์พูดได้ ข้าจำได้ว่าตอนนั้นมีโซ่จำนวนมากฉุดรั้งข้าเอาไว้และข้าเองก็เป็นคนทำลายโซ่นั่นในตอนนั้น และตอนนั้นเองความสามารถของข้าก็เหมือนได้รับการปลดปล่อย ตอนที่ข้าได้ปลดปล่อยตัวเองจาก “พันธนาการ” ข้ารู้สึกเหมือนว่าข้าทำได้ทุกอย่างเลย

โนโซมุพยายามจินตนาการถึงโซ่ที่ผูกมัดตัวเขาไว้ จากนั้นโซ่ที่พลันรอบตัวเขาก็โผล่ออกมา

「อาาาาาาาาาาาา」

ข้าส่งเสียงออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

「เห็นได้ชัดเลยนะว่าเป็นไปได้」

โนโซมุพยักหน้ารับคำของอาจารย์

「แล้ว…เจ้าคิดจะทำยังไงต่อไปล่ะ」

「ทำยังไงนะเหรอครับ…………。」

「ใช่แล้ว พลังของมันทรงพลังมากมันจะดึงดูดสิ่งต่างๆเข้าหาเจ้า ไม่ว่าจะเป็น สถานะ เกียรติยศ อำนาจ ความริษยา ถ้าให้พูดอีกชื่อก็……….เอ่อช่างมันเถอะแล้วเจ้าจะคิดจะทำยังไงต่อไป」

「……………………」

โนโซมุไม่สามารถตอบคำถามได้ จนถึงตอนนี้เขายังไม่เคยคิดถึงอนาคต ข้าแค่คิดถึงแต่ปัจจุบัน

ไม่สิ ต้องเรียกว่าข้ามองไม่เห็นอนาคตเลยต่างหาก ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้

「ข้าเองก็คิดมานานแล้ว ตัวเจ้าน่ะไม่มีเหตุผลที่จะต้องแข็งแกร่งขึ้นเลย」

「อะ นั่นสินะครับ…………」

ชิโนะปฏิเสธท่าทีของโนโซมุที่พยายามหลีกเลี่ยงความเป็นจริง

「เจ้าอยากจะแกร่งขึ้นเพื่อคนรัก? ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ของเจ้าอีกต่อไปแล้ว แม้ว่าเจ้าอยากจะสนับสนุนนางมากแค่ไหน แต่คนที่ยืนข้างนางก็ไม่ใช่เจ้าอีกต่อไป ไม่มีเหตุผลที่เจ้าจะต้องแข็งแกร่งขึ้น………………….เจ้าเองก็ต้องรู้อยู่แก่ใจ」

คำพูดของอาจารย์เสียดแทงเข้าไปในจิตใจของข้าโดยไร้ซึ่งความปราณี ข้าถูกบังคับให้คิดมองความเป็นจริงที่อยู่ตรงหน้า

โนโซมุไม่สามารถพูดโต้กลับได้เลย เพราะตัวเขาเองก็รู้ดี

แม้แต่ตอนนี้สำหรับข้าก็ไม่มีที่ยืนข้างๆเธอแล้ว หรือบางทีจุดยืนของข้าในสถาบันนั่นมันไม่มีอยู่แล้ว

「…………มันคงเป็นไปไม่ได้สำหรับข้าที่จะตัดสินจุดหมายปลายทางต่อไปนี้ แต่ตอนนี้ก็โฟกัสไปที่การรักษาบาดแผลก่อน」

“ข้าที่ถูกบังคับให้เลือก”ชิโนะพูดเช่นนั่นเสียดแทงเข้าไปในใจข้าและเริ่มเดินกลับเข้ากระท่อมไป

「…………เออ นั่นสินะเจ้าเองก็บาดเจ็บไปทั้งตัวดังนั้นคงยังเข้าเมืองไปไม่ได้หรอก เพราะฉะนั้นอยู่ที่นี่ก่อนจะดีกว่า」

ข้ามองชิโนะที่เข้าไปในกระท่อมโนโซมุเองก็ตามเธอไปด้วยสภาพที่สติยังไม่มั่นคง สีหน้ายังคงมีความกังวล

「ถึงอย่างงั้นข้าก็ยังไม่สามารถบอกออกไปได้」

「???」

ชิโนะหันมาทางข้าอีกครั้ง แต่ข้าไม่เข้าใจว่าเธอต้องการจะพูดอะไรกันแน่

「………………ยินดีต้อนรับกลับนะ ศิษย์ของข้า」

เธอทำท่าทางมีความสุขจากใจจริง แม้ว่าใบหน้าของเธอจะดูเหนื่อยล้า แต่ข้าเองก็รู้สึกโล่งใจจริงๆ

เธอที่คอยดูแลผมมาตลอด ความห่วงใยที่เธอมอบให้กับผมค่อยๆละลายหัวใจที่เยือกแข็งของผมตั้งแต่มาที่เมืองนี้

สายตาของเขาบิดเบี้ยวไปราวกับไม่ได้พบกับความรักความห่วงใยมาเสียนาน

「กลับ…………มาแล้ว…………ครับ」

เสียงนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อัดอั้นมานาน เขาร้องไห้พร้อมกับเข้าไปข้างใน

ข้างๆเขามีชิโนะที่คอยปลอบ

◇◆◇

ข้าเองก็คอยปลอบใจเขาที่กำลังร้องไห้อยู่

…………มันอาจจะดูไม่ดี แต่ข้าเองก็ผ่านประสบการณ์เหล่านี้มาเหมือนกันข้าคิดว่าเขาก็เปรียบเสมือนเพื่อนคนหนึ่งที่เดินไปในเส้นทางเดียวกันกับข้า

ข้าเองไม่ใช่คนของประเทศนี้ตั้งแต่แรกแล้ว ข้ามาจากประเทศทางตะวันออกของสุดทวีปนี้

แม้ว่าประเทศจะมีอาณาเขตที่ไม่กว้างนัก แต่ก็มีการพัฒนาคิและเวทมนตร์เป็นของตนเอง(ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับเวทย์มากกว่า)

ภูเขาสูงที่อยู่ติดริมทะเลเป็นเรื่องยากสำหรับกองทัพขนาดใหญ่ที่จะเข้ามาในดินแดนแห่งนี้

ประเทศของเรามีทักษะการต่อสู้ที่โดดเด่นที่ภาคภูมิใจ บ้างของข้าเป็นต้นกำเนิดของประเทศแห่งนี้และข้าก็เกิดมาในฐานะลูกสาวคนที่สองของบ้าน

ข้าถูกบังคับให้ฝึกดาบคาตานะตั้งแต่อายุยังน้อยเพราะข้าเกิดมาในตระกูลนักดาบ ข้ายอมรับและฝึกฝนเรื่อยมาโดยไม่มีข้อสงสัยใดๆ

ทันใดนั้นเองเพราะอาจจะเป็นเพราะข้ามีพรสวรรค์ พ่อแม่ของข้าเองก็ภาคภูมิใจในตัวข้าพี่สาวข้าเองก็ดูมีความสุข

นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าหมกมุ่นกับวิชาดาบมากขึ้นไปอีก ซึ่งมันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้

ข้ายกแขนเหวี่ยงดาบเรื่อยมาและในที่สุดข้าก็เอาชนะทุกคนในบ้านได้

นักดาบที่เก่งที่สุดย่อมกลายเป็นผู้ที่ต้องนำประเทศแห่งนี้ ซึ่งมันก็เป็นเช่นนั้น

ดังนั้นผู้คนทั้งหลายต่างขอให้ข้ากวาดล้างเหล่าสัตว์อสูรที่ทรงพลัง

เนื่องจากข้ามีชีวิตอยู่เพื่อดาบดังนั้นข้าเลยไม่ได้แคร์ภาพลักษณ์ของตัวเอง ข้าไม่สนใจเรื่องความสวยงามหรือความรักแม้แต่น้อย

พ่อแม่ของข้าบังคับให้ข้าไปพบกับเขาแต่มีเพียงพี่สาวของข้าที่เข้าข้างข้าเพียงฝ่ายเดียว

ตอนนั้นเองพี่สาวของข้าเองก็เป็นคนเก่งและน่าหลงใหลแทบยังเป็นที่โด่งดังไปทั่วโลก จนผู้คนจากทั่วทั้งโลกต้องมาขอเธอแต่งงาน

อย่างไรก็ตามพี่สาวของข้าตัดสินใจแล้วว่าจะไม่แต่งงานเธอค้านหัวชนฝา

◇◆◇

วันหนึ่งข้าใช้เวลาเรื่อยไปจนกระทั่งไปพบกับเขา

เขาเข้ามาหาข้าเพื่อหวังจะเป็นคู่ซ้อมกับพี่สาวข้า

ดวงตาที่อ่อนโยน รอยยิ้มอันสดใส ร่างกายที่เล็กกว่าผู้ชายทั่วๆไปทำให้ดูสุขุม

เขาเป็นลูกชายคนที่สามของตระกูลนักเวทย์ในประเทศนี้และดูเหมือนว่าเขาจะแอบหนีออกมาจากรถม้าของทางบ้านมาที่บ้านของพวกเรา

พี่สาวข้าเองก็สมรู้ร่วมคิดด้วยและเธอเองก็เป็นคนชวนเขาให้มาที่นี่อย่างลับๆ

เขาขอร้องข้าด้วยสีหน้าจริงจัง

「ท่านคือชิโนะใช่ไหม ข้ามีบางอย่างจะขอท่าน」

คำขอของเขาก็คือขอให้ข้าสอนวิชาดาบให้

เขาที่แทบจะไม่มีพลังเวทย์และเขาเป็นคนที่ออกมาจากตระกูล ไม่มีที่จะไป

นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าสอนทุกอย่างที่ข้ามีให้ แต่ว่ามันก็ยังไม่ได้ผล

ตอนนั้นเองเขารู้จักพี่สาวข้าในงานเลี้ยงอาหารค่ำประจำประเทศ(ประเทศเล็กๆอะเนอะ)และได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับข้า

ดูเหมือนว่าพี่สาวข้าจะไม่สามารถปฏิเสธคำขอนั่นได้

ข้าฝึกให้เขาอย่างหนักแต่มันก็ไม่ได้ผล

เนื่องจากสไตล์ดาบของข้ามันแปลกประหลาดกว่าคนอื่นๆและไม่ได้ใช้ความคมของดาบแบบดั้งเดิมอยู่แล้ว ร่างกายที่ไม่ได้รับการฝึกมาอย่างดีทำให้การเคลื่อนไหวมันไปด้วยกันไม่ได้

ตอนแรกข้าก็พยายามจะปฏิเสธเขา แต่เขาก็เป็นคนที่ดื้อรั้นเอามากๆและข้าก็ไม่สามารถปฏิเสธคำขอจากใจจริงของพี่สาวได้

「แบบนั้นไม่ได้!ต้องใช้ด้านดาบอีกด้าน!!ถ้าอยากจะเรียนไปฝึกพื้นฐานมาก่อน!!!!」

「เข้มงวดอะไรปานนั้น!ท่าทางแบบเก่ามันทรงพลังกว่านะ!!!」

「แล้วแกจะได้เสียใจ!มาเป็นคู่มือให้ข้านี่!จะแสดงให้ดูเองเทคนิคการฟันที่แท้จริง!!!」

…………เมื่อเป็นเรื่องดาบที่ไรข้ามักจะจริงจังเสมอ

ในตอนแรกเขาไม่มีแม้แต่พื้นฐาน แต่ก็ค่อยๆเก่งขึ้นเรื่อยๆ

พี่สาวของข้าเองก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ข้าเองก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ แต่ข้าก็มีความสุข

ศิษย์ที่ข้าฝึกฝนมาตั้งแต่ต้นกับมือ จะแกร่งขึ้นข้าก็มีความสุข

ในช่วงเวลานั้นเองข้าก็เริ่มคิดถึงเขาบ้างเป็นครั้งคราว

ยามตื่น ยามนอน ยามฝึก

ในที่สุดข้าก็เริ่มโหยหาเขามากขึ้นจนไม่สนวันและเวลาดังนั้นข้าจึงไปปรึกษากับพี่สาวข้า

「น่าๆ ใครๆก็ทำได้ทั้งนั้นแหละ ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวก็จบแล้วล่ะ」

ตอนนั้นเอง

แทนที่ความรู้สึกเหล่านั้นจะลดลงแต่มันกับพอกพูนขึ้นเรื่อยๆ

เมดที่บ้านเห็นข้าก็ถาม

「ท่านชิโนะ หรือว่าท่านจะมีปัญหาด้านความรักเหรอค่ะ?」

คำพูดนั่นทำให้ข้าใจหาย

「เอะ ความรัก?」

「ใช่แล้ว ท่านชิโระกำลังมีความรักอยู่ไม่ใช่หรือไงกันค่ะ?」

「ขะข้าเนี่ยนะ……….มีความรัก」

「ท่านชิโนะความรักน่ะมันมีอยู่สำหรับทุกคนนะคะ และไม่มีใครที่จะหักห้ามใจตัวเองได้ แม้แต่พระเจ้าเองก็ยังมีความรักได้เลยนะคะ」

ในขณะที่ฟังเมดคนนั้นพูดข้าก็ตระหนักได้ว่าตัวเองกำลังมีความรัก

และเมื่อข้ารู้สึกตัวข้าก็รู้สึกว่าขาดเขาไปไม่ได้เสียแล้ว

ท่าทางของเขา แววตาที่สดใส ตัวเขาที่ฝึกอย่างจริงจัง แม้ท่าทางจะแข็งกระด้าง กลิ่นเหงื่อของเขาทุกอย่างมันทำให้ข้าใจเต้น

มีหลายครั้งที่ข้าเกลียดตัวเองและพยายามหลบหน้าเขา

◇◆◇

「ทำไมถึงเอาแต่หลบหน้าข้าล่ะ?」

เขาถามข้า

「…………ข้าไม่ได้หลบหน้าเจ้าสักหน่อย」

「โกหกชัดๆ ท่านนะไม่มองข้าเหมือนอย่างที่เคยเป็นเลย」

「………………เจ้าเข้าใจผิดไปเอง」

「ไม่หรอก ข้าไม่ได้เข้าใจผิดเลยแม้แต่น้อย」

「มั่นใจจังเลยนะ」

「ก็ใช่นะสิครับ ข้านะมองท่านมาโดยตอลด ก่อนที่ท่านจะรู้เสียอีก ข้าน่ะมีแค่ท่าน」

「……หาาา?」

ข้ารู้สึกจมไปกับคำพูดอันหอมหวานของเขา

「……ข้าน่ะจับตามองดูท่านมาโดยตลอด ท่านที่เป็นนักดาบที่แกร่งที่สุดในประเทศนี้ ด้วยหัวใจอันบริสุทธิ์ที่มอบให้แกดาบของท่าน ข้าไม่รู้เลยว่าข้าจะควรพูดความรู้สึกนี้ออกไปยังไง……….ข้านะรักท่าน มากกว่าใครบนโลกใบนี้」

แน่นอนว่ามันเป็นการสารภาพรัก

หัวใจของข้าเต้นระรัวราวกับจะระเบิดออก ใบหน้าของข้าถูกย้อมเป็นสีแดงเหมือนตะวันตกดิน ข้าไม่สามารถมองหน้าเขาตรงๆได้และหันหลังให้เขา

「…………นี่เจ้าบ้าหรือเปล่า? มาชอบข้าเช่นนี้ ข้าที่ไม่เคยแต่งตัวสมหญิง เจ้าน่ะชอบข้าจริงๆน่ะเหรอ」

ข้าเป็นผู้หญิงธรรมดาบ้านๆหากเทียบกับพี่สาวข้าที่ดูดีกว่าข้าแล้วนั้น

「ก็คงจะอย่างที่ท่านว่า แต่ยังไงข้าก็รักท่านจริงๆ ไม่มีใครอื่นที่จะมาแทนได้………….ได้โปรดให้ข้ายื่นเคียงข้างท่านจะได้รึไม่?」

「……………นี่เจ้าทำข้าเหมือนคนโง่เลย โง่ โง่ โง่ โง่………โง่……โง่จริงๆ」

「ใช่ข้าอาจจะทำเหมือนท่านเป็นคนโง่ แต่ว่าท่านจะบอกคำตอบของท่านได้ไหม?」

「………………แน่นอนข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้าแล้ว ข้าน่ะเป็นตัวซวยนะ แต่ว่าได้โปรดดูแลข้าตลอดไปด้วยนะ」

ข้าให้คำมั่นสัญญาว่าจะอยู่เดินเคียงข้างเขา

ความสัมพันธ์ของข้าเป็นที่รู้กันในไม่ช้า ในระหว่างนี้ก็มีวันกำหนดแสดงความยินดีด้วย

วันแต่งงานของปรมาจารย์ดาบและปรมาจารย์เวทย์ต่างถูกประกาศก้อง ซึ่งพ่อแม่ของทั้งสองต่างพอใจ

อย่างไรก็ตามพี่สาวข้าดูเหมือนจะสุขภาพไม่ดีและหมกตัวอยู่แต่ในห้อง

และในวันแต่งงานนั้นเองเหตุการณ์นั้นก็เกิดขึ้น

ทันใดนั้นก็มีชายคนหนึ่งโผล่หน้ามาบอกฉันต่อหน้าครอบครัวของข้า

「นี่เธอหนีฮันนีมูนกับชายอื่นและมาคบกันอีกคนงั้นเหรอ ทั้งๆที่เธอให้คำมั่นสัญญาแล้วแท้ๆ ขอให้งานแสดงความยินดีนี่แม่งล่มจมไปเลย!!!」

ชายคนนี้เป็นคนที่เคยถูกพี่สาวข้าปฏิเสธ

สถานที่ในงานมีแต่ความสับสนและเสียงดังกระจายไปทั่ว ข้าพยายามคิดว่าเขากำลังพูดเรื่องไร้สาระ แต่เขาก็พูดออกมาอย่างมั่นใจว่า

「ถ้างั้นก็ไปหาเธอที่ห้องซะเลยเซ่」

และในห้องของข้าก็พบกับชุดชั้นในของผู้ชายคนไหนไม่รู้อยู่ในห้องของข้า

สิ่งนี้ทำให้ญาติของเจ้าบ่าวโกรธมาก พ่อแม่ของข้าถูกตำหนิ

ข้าเอาแต่พูดด้วยความไร้เดียงสา แต่เขาไม่ได้ยินและหันหน้ามามองข้าด้วยความเย็นชา

งานแต่งนั่นถูกคว่ำบาตรและข้าก็ถูกกักตัวในบ้าน

และวันหนึ่งหลังจากหนึ่งปีต่อมา พี่สาวของข้าก็มาเยี่ยมแล้วพูดกับข้าแบบนี้

「ผู้ชายในตอนนั้นน่ะ ข้าส่งไปเองแหละ」

「………………เอ๋」

「หากนึกถึงงานแสดงความยินดีแล้วเธอก็จะต้องได้แต่งงานใช่ไหมล่ะ ดังนั้นชายคนนั้นนะมันสนุกสุดๆไปเลยล่ะที่ได้ทำให้เธอล่มจมแบบนี้」

「พี่……….พูด……..อะไร…..ข้าไม่เข้าใจ」

ตอนที่ข้าถามเช่นนั้น พี่สาวก็มองมาที่ข้าด้วยท่าทางโกรธแค้น ข้าที่กลัวท่าทีของเธออย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนก็ถอยหลังไป

「ข้าเป็นคนเจอเขาก่อนดังนั้นเขาควรจะเป็นของข้า!ข้านะเฝ้ามองเขาคนนั้นมานานแล้วนะ!!!」

สีหน้าของนางเหมือนปีศาจ พี่สาวจับผมข้าแล้วกร่นด่าด้วยความโกรธแค้น

「ไม่มีวันจะให้อภัยเด็ดขาด!!ข้าจะพรากทุกอย่างไปจากเจ้า!!!ทุกสิ่งทุกอย่าง ชื่อเสียง เงิน ทอง ลาภ ยศ!!ข้าจะไม่ยอมให้พวกแกสองคนได้สุขสมหวังเด็ดขาด!!!!」

ผมของข้าขาด ข้าเริ่มอ้อนวอนขอร้องแต่พี่สาวก็ไม่ยอมหยุด

「ไม่ว่าจะต้องทำยังไงก็ตามข้าจะทำให้แกต้องออกจากบ้านหลังนี้ไปให้ได้ จะไม่มีใครที่จะมาปกป้องแกหรือช่วยเหลือแกอีกแล้ว แล้วเจอกันนะชิโนะ เขานะเป็นของข้าตลอดไปตราบชั่วนิรันดร์」

เมื่อพี่สาวพูดจบเธอก็เดินจากไป

ข้าทำอะไรไม่ได้นอกจากร้องไห้

ในที่สุดข้าก็ถูกไล่ออกจากบ้าน เรื่องราวของข้ากลายเป็นเรื่องเล่าขานว่าเป็นเรื่องราวอันแสนสกปรกของปรมาจารย์ดาบที่แย่งคนรักของผู้อื่นลือลั่นทั่วพื้นแผ่นดิน

◇◆◇

「เจ้ากับข้าเนี่ยนะคล้ายกันเลย」

ผู้ที่ถูกทอดทิ้งและโดนทอดทิ้งคล้ายๆกัน ตอนแรกข้าเองมองเห็นเขาราวกับเห็นตัวเองในอดีต แต่ตอนนี้เขาเป็นลูกศิษย์ที่ไม่มีใครมาแทนได้แล้ว

เมื่อข้าสังเกตเห็นศิษย์คนนั้นกำลังหลับไปเพราะร้องไห้นั่นเอง

การแสดงออกทางใบหน้าของข้าก็พังทลาย……。

「ฮึก!!」

ทันใดนั้นการมองเห็นของข้าก็เริ่มบิดเบี้ยวหัวของข้าเริ่มมึนและเกือบจะหมดสติ

「ใช่แล้ว!ไอ้เศษเดษนั่น!」

หลังจากพยายามตั้งสติ ภาพตรงหน้าก็ค่อยๆชัดขึ้น

(…………ช่วงเวลาในชีวิตของข้าช่างเหลือน้อยลงไปทุกที….ข้าคงจะอยู่ได้อีกไม่นาน)

“โรคหลับไม่เลือกที่”

เป็นอาการป่วยทำให้คนๆนั้น ค่อยๆไร้ความรู้สึกด้านอารมณ์และจะเสียชีวิต ยังไม่มีการระบุสาเหตุว่าเกิดขึ้นจากอะไรและเป็นโรคที่ยากจะรักษาให้หายขาด

มีเพียงไม่กี่กรณีที่หายขาดและยังไม่มีการระบุสาเหตุที่แน่ชัด

อาการป่วยจะค่อยๆทุเราลงจนสุดท้ายก็หลับไหลไปเหมือนคนนอนตายตามปกติ

อย่างไรก็ตามชิโนะนั้นไม่มีความกลัวตายหรือความเสียใจใดๆ

(อย่างน้อยก็อยากจะคุยกับเจ้ามากกว่านี้ บอกข้าอยากจะสอนทักษะดาบมากกว่านี้)

หลังจากมองโนโซมุที่หลับอยู่กลางอ้อมอก

(สิ่งสุดท้ายที่ข้าอยากจะบอกเจ้า สิ่งที่ข้าอยากจะบอกเจ้าในตอนนั้น….ด้วยกำลังทั้งหมดของข้า)