บทที่ 48: รายงานข้อมูล

หลังจากออกจากห้องพักครูแล้ว หวังเต็งและหลินซัวหานก็เดินไปที่ประตูโรงเรียนเคียงข้างกัน

“ หัวหน้าห้อง นี่ก็ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว ทำไมไม่ให้ฉันเลี้ยงข้าวเธอล่ะ?”

“ นั่นไม่จำเป็น แม่ของฉันทำอาหารเย็นเสร็จไว้แล้วและแม่ก็กำลังรอให้ฉันกลับไป” หลินซัวหานปฏิเสธเขาโดยไม่ลังเล

“ ตกลง งั้นเราก็แยกกันตรงนี้แหละ” หวังเต็งยิ้ม เขาไม่สนใจคำตอบของเธอ

“ โอเค ลาก่อน!” หลินซัวหานตอบ

หวังเต็งโบกมือ เขาขึ้นรถของเขาและขับรถออกไปคนเดียว ระหว่างทางเขาโทรหาเจ้าของบ้านและแจ้งเจ้าของบ้านว่าตอนนี้เขากำลังจะเข้าไปที่บ้าน

ประมาณสิบนาทีต่อมา ชายที่ดูหมดอาลัยตายอยากก็ได้ขี่สกู๊ตเตอร์ตัวน้อยของเขาโดยมีสาวสวยนั่งอยู่ข้างหลังมุ่งหน้ามาทางหวังเต็ง

ฉากนี้ดูไร้สาระและไม่สมเหตุสมผลมาก

ชายคนนั้นยังคงดูหยาบกระด้างเหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม สาวงามที่ซ้อนท้ายเขาอยู่นั้นก็ทำให้หวังเต็งแทบจะจำเขาไม่ได้

เขาจอดรถสปอร์ตไว้ข้างถนนแล้วลงไป

“ นายน้อยหวัง ทางนี้” เจ้าของบ้านโบกมือให้เขา

หวังเต็งเดินเข้าไปหลังจากที่เขาถูกเรียก เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่มีนัยยะ “ พี่ชาย เราเพิ่งจะจากกันไปเมื่อตอนบ่าย แต่ตอนนี้ฉันก็เกือบจะจำคุณไม่ได้ซะแล้ว”

เจ้าของบ้านเข้าใจได้ทันทีว่าหวังเต็งหมายถึงอะไร เขาหัวเราะและพูดว่า “ ไม่หรอกๆ”

สาวสวยที่อยู่ข้างหลังเขากลอกตาและยกมือขึ้นบีบเอวอ้วนๆของเจ้าของบ้าน “ ไอ้โง่!”

โอ้ เสียงหวานไปหน่อยสำหรับคำด่า

“ อุ๊ย!” ชายที่ดูหยาบกระด้างอ้าปากค้างด้วยความเจ็บปวด

“ เธอคงจะต้องเป็น ‘นายน้อยหวัง ราชาแห่งสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าจีเตียงใช่ไหม? ตาแก่หวังนี่พูดถึงเธอก่อนหน้านี้แล้ว” สาวงามหันไปหาหวังเต็งและกล่าว

หวังเต็ง: …

เจ้าของบ้านหัวเราะออกมาเมื่อเขาเห็นการแสดงออกที่ดูผิดหวังของหวังเต็ง “ เอาล่ะ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้แล้ว ชื่อนี้มันเป็นชื่อที่ใครได้ยินก็อาจจะขำตายได้นะ”

“ มันเป็นชื่อที่ฉันตั้งตอนเด็กหรอก!” หวังเต็งตอบอย่างช่วยไม่ได้

“ เธออายุเท่าไหร่แล้วหรอ?” สาวสวยเปิดปากแล้วยิ้ม

“ ให้ฉันแนะนำเธอให้นายรู้จัก นี่คือภรรยาของฉัน นายสามารถเรียกเธอว่าพี่สาวหานได้” เจ้าของบ้านกล่าว

“ พี่สาวหาน!” หวังเต็งเรียกเธอ จากนั้นเขาก็พูดต่อ “ ฉันชื่อหวังเต็ง เรียกชื่อฉันแบบนี้ก็ได้”

“ เธอกับตาแก่หวังมีนามสกุลเหมือนกันเลยนะ” พี่สาวหานยิ้มและตอบ

“ อย่างงั้นหรอ พี่เองก็ใช้นามสกุล ‘หวัง‘ ด้วยอย่างงั้นหรอ อ๋อใช่ ฉันยังไม่รู้จักชื่อพี่เลยนี่” หวังเต็งยิ้ม เขารู้สึกว่านี่คือโชคชะตา

“ ไม่จำเป็นต้องพูดถึงชื่อของฉัน ฉันจะเรียกนายว่าน้องหวัง และถ้านายไม่รังเกียจ นายจะเรียกฉันว่าพี่หวังก็ได้” หวังต้าเปาตอบ

หวังเต็งไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม เขาพยักหน้าและถามว่า “ นี่พวกคุณกำลังจะออกไปเที่ยวอย่างงั้นหรอ?”

“ ถูกต้อง เจ้าคนงี่เง่าคนนี่ไม่ได้พาฉันออกไปเที่ยวเป็นเวลานานแล้ว” พี่สาวหานกล่าวอย่างเศร้า

“ พี่หวัง นี่เป็นความผิดของพี่จริงๆ พี่หานสวยจริงๆ พี่จะกักตัวเธอไว้อย่างงี้ได้ยังไงกัน?” หวังเต็งยิ้ม

“ ได้ยินแล้วใช่ไหม? เรียนรู้จากเต็งน้อยซะ ดูซิว่าเขาฉลาดแค่ไหน?” พี่สาวหานบีบหูของหวังต้าเปาขณะที่เธอพูด

การแสดงออกของหวังต้าเปาบิดเบี้ยวไปเนื่องจากความเจ็บปวด เขาจ้องไปที่หวังเต็งด้วยความขมขื่นที่ซ่อนอยู่บนใบหน้าของเขา

“ ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะไม่รบกวนพวกคุณแล้ว พี่หวัง เร็วเข้าไปเถอะ” หวังเต็งผลักหวังต้าเปาออกไปอย่าผลักไสไล่ส่ง

ในเวลาเดียวกัน ณ อาคารสำนักงานของสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซิน

หญิงสาวอายุประมาณยี่สิบปีกำลังเดินไปที่ห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่อย่างเร่งรีบ มันมีกระดาษแผ่นหนึ่งอยู่ในมือของเธอ มันเป็นรายงานข้อมูล

เสี่ยวหมิงเป็นพนักงานของสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซิน และในขณะที่เธอกำลังรวบรวมข้อมูลของศิษย์นักสู้ในวันนี้ เธอก็ได้พบกับอะไรบางอย่างที่ดึงดูดความสนใจของเธอ

ที่ทางเข้าห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่ เสี่ยวหมิงได้ปรับการหายใจที่ลุกลนเล็กน้อยเนื่องจากการเดินเร็วของเธอ จากนั้นเธอก็เคาะประตู

ก๊อก ก๊อก ก๊อก!

“ เข้ามา” เสียงทุ้มลึกดังออกมาจากข้างใน

เสี่ยวหมิงเปิดประตูและเดินเข้าไป

“ มีเรื่องอะไร?”

อาจารย์ใหญ่เป็นชายอายุประมาณ 30 ปี เขามีผมสั้นที่ดูเหมือนเหล็กแหลมบนหัวของเขา เขาแสดงท่าทางเคร่งขรึมและให้ออร่าที่ดูดุร้ายและเฉียบแหลม

พนักงานของสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซิน ทุกคนจะรู้สึกกลัวเล็กน้อยเมื่อต้องเผชิญหน้ากับอาจารย์ใหญ่ และเสี่ยวหมิงเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ในตอนนี้ เธอก็จำเป็นต้องรวบรวมความกล้าก่อนเป็นเวลานานกว่าที่จะกล้าก้าวไปข้างหน้าและวางรายงานข้อมูลไว้บนโต๊ะของอาจารย์ใหญ่

“ อาจารย์ใหญ่คะ มันมีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติเกี่ยวกับรายงานนี้ ฉันคิดว่าคุณควรจะดูมัน”

“ โอ้?”

ฝูเทียนเต๋าเลิกคิ้วขึ้น เขาหยุดสิ่งที่เขาทำและหันความสนใจไปที่รายงาน

เขาหยิบรายงานขึ้นมาและเอนตัวพิงเก้าอี้ เขามองผ่านมันสองครั้ง

“ คนธรรมดาที่กลายเป็นศิษย์นักสู้ชั้นสูงได้ภายในเวลาน้อยกว่าหนึ่งเดือน? อืม น่าสนใจ!” ฝูเทียนเต๋ายิ้มอย่างคลุมเครือ

เสี่ยวหมิงต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ฝูเทียนเต๋าก็ได้กล่าวต่อว่า “ เธอออกไปได้แล้ว แล้วก้อย่าให้เรื่องนี้แพร่งพรายออกไปด้วยล่ะ”

“ รับทราบค่ะ!” เสี่ยวหมิงตอบอย่างรวดเร็ว

เสี่ยวหมิงไม่กล้าที่จะถามอะไรเพิ่มเติม

หลังจากที่หวังเต็งได้รับกุญแจจากเจ้าของบ้าน เขาก็วางไข่อีกาไว้ในห้องนอนในบ้าน จากนั้นเขาก็เปิดตู้ฟักไข่และค่อยๆฟักไข่

จากนั้นเขาก็ขับรถกลับบ้านเพื่อไปทานอาหารเย็น หลังจากนั้น เขาก็ไปที่สถาบันสอนศิลปะการต่อสู้ตามปกติเพื่อรับเก็บค่าคุณสมบัติตามเคย

สองวันผ่านไป ชีวิตของหวังเต็งดำเนินไปอย่างสงบสุข เขาทำทุกอย่างตามกิจวัตรเดิมทุกวัน

ในตอนเช้า เขาจะไปโรงเรียนเพื่อรวบรวมค่าคุณสมบัติ ‘การสอบศิลปะการต่อสู้ห้าปี เอกสารจำลองสามปี‘ และถ้าเขาไม่ต้องการเข้าร่วมคาบเรียน เขาก็จะไปที่ป่าหลังโรงเรียนเพื่อฝึกฝนคัมภีร์ทักษะพลังฟอร์ส

สิ่งนี้ทำให้ความสามารถในการต่อสู้ของเขาเพิ่งสูงขึ้น

ในตอนกลางคืนเขาก็จะไปที่สถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซินเพื่อเก็บค่าคุณสมบัติเพื่อทำให้เทคนิคการต่อสู้ขั้นพื้นฐานของเขาได้เข้าสู่ขั้นสมบูรณ์แบบและเพื่อเพิ่มพลังการต่อสู้ของเขา

แน่นอน เขาไม่ลืมเทคนิคการต่อสู้ด้วยพลังฟอร์สทั้งสองอย่างของเขา ทักษะดาบเพลิงคิรินและหมัดปีศาจเหมันต์

หลังจากฝึกฝนซ้ำแล้วซ้ำเล่า หวังเต็งก็ตระหนักได้ว่าเขาจะสามารถเพิ่ม 1 คะแนนได้ในทุกๆสิบครั้งที่เขาฝึกฝนมัน

นอกจากนี้ เมื่อค่าความรู้แจ้งของเขาเพิ่มขึ้น ความเร็วในการฝึกฝนของเขาก็จะเพิ่มขึ้นตามมาด้วยเช่นกัน

สิ่งนี้ทำให้ความกระหายในค่าคุณสมบัติความรู้แจ้งของเขาเพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้หวังเต็งก็ยังได้ทดสอบพลังการป้องกันของโล่ปฐพีของเขา

ถ้าเขาใช้มันอย่างเต็มศักยภาพ โล่ปฐพีก็จะสามารถบล็อกพลังโจมตีแบบเต็มที่ของเขาได้ประมาณ 80%

นั่นถือว่าไม่ได้แย่ ต้องรู้ว่าพลังการต่อสู้โดยรวมของเขานั้นอยู่ที่ 201 คะแนนในตอนนี้ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าโล่ปฐพีนั้นสามารถต้านทานการโจมตีแบบเต็มรูปแบบของนักสู้ระดับหนึ่งดาวขั้นสูงได้

ซึ่งนี่มันก็เพียงพอแล้วที่จะใช้ช่วยชีวิตเขาในยามวิกฤต

ยิ่งไปกว่านั้น ตราบใดที่เขามีพลังฟอร์สธาตุดินเพียงพอ ความสามารถในการป้องกันของพลังฟอร์สธาตุดินของเขาก็จะยังสามารถเพิ่มขึ้นได้อีก

ความรู้แจ้ง: 90

ค่าพลังวิญญาณ: 22.8

พรสวรรค์: พรสวรรค์ไฟขั้นเริ่มต้น (11/300) พรสวรรค์น้ำแข็งขั้นเริ่มต้น (13/300), พรสวรรค์ดินขั้นเริ่มต้น (12/300), สายตาแห่งจิตวิญญาณ (เริ่มต้น 1.1/10)

พลังฟอร์ส: ไฟ 64/100 (นักสู้ระดับทหารหนึ่งดาว)

น้ำแข็ง 8/100 (นักสู้ระดับทหารหนึ่งดาว)

ดิน 7/100 (นักสู้ระดับทหารหนึ่งดาว)

คัมภีร์: คัมภีร์เพลิงแดง (รากฐาน 20/100 ), คัมภีร์มันต์เร้นลับ (รากฐาน 12/100), ทักษะปฐพีเหลือง ‘โล่ปฐพี’ (รากฐาน 15/100)

เทคนิคการต่อสู้: เทคนิคการต่อสู้ขั้นพื้นฐาน (ทักษะหมัดขั้นผู้เชี่ยวชาญ ทักษะดาบขั้นผู้เชี่ยวชาญ ทักษะมีดขั้นผู้เชี่ยวชาญ ฟุตเวิร์คขั้นผู้เชี่ยวชาญ), ทักษะกระบองขั้นพื้นฐาน (พื้นฐาน), ทักษะปืน (ผู้สัมฤทธิ์), ทักษะดาบเพลิงคิริน (พื้นฐาน 43/100), หมัดปีศาจเหมันต์ (พื้นฐาน 13/100)

ความรู้: วิชาพื้นฐาน (คะแนนเต็ม), ‘การสอบศิลปะการต่อสู้ห้าปี เอกสารจำลองสามปี’ (80 คะแนน)

พลังการต่อสู้โดยรวม: 201

ค่าคุณสมบัติเปล่า: 0

หวังเต็งพยักหน้าด้วยความพึงพอใจเมื่อเขามองดูการเปลี่ยนแปลงในหน้าต่างค่าคุณลักษณะของเขา มันพัฒนาในอัตราเร็วที่สามารถมองเห็นได้ ซึ่งนี่มันก็ทำให้เขารู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก

นอกจากการฝึกฝนแล้ว หวังเต็งก็ยังคงคิดเกี่ยวกับกลุ่มนักสู้

นักสู้สามคนที่เสียชีวิตไปอาจเป็นเพียงส่วนหนึ่งของกลุ่มนักสู้เท่านั้น ดังนั้นการหายตัวไปของพวกเขาก็อาจจะสร้างความสงสัยให้กับสมาชิกในกลุ่มได้

เขาหวังว่าคนเหล่านั้นจะไม่สามารถค้นพบเขาได้…

วันศุกร์ ร้าน ‘มาสเตอร์ลู’ ที่หวังเต็งได้สั่งโลงศพบรรทจุอาวุธของเขาในที่สุดก็ติดต่อเขากลับมา