[10…9…8]

[การเดินทางเสร็จสำบูรณ์]

หลังจากที่โลกค่อย ๆ ทรุดตัวลงและสร้างขึ้นมาใหม่

ฉันพบว่าตัวเองยืนอยู่ด้านหน้าของวิหารขนาดมหึมา

“นี่…”

[คุณได้กลายมาเป็นนักผจญภัยผู้ที่มาเยื่อนวิหารบาเร็ตเต้]

ทันใดนั้น ฉันได้ยินเสียงดัง ๆ รอบตัวฉัน

มองดูไปรอบ ๆ เมืองสไตด์ยุโรปยุคกลางเข้ามาสู่สายตาฉัน

ถนนที่สวยงานที่ทำจากอิฐ ผู้คนที่ดูมีชีวิตชีวา กำแพงหอคอย และวัตถุแปลก ๆ ที่กำลังบินอยู่

บนพรมที่กำลังบินมีผู้คนนอนลงและเพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศและก็มีเสียงบางอย่างดังมากจากลูกบอกคริสตัลที่ลอยได้ในอากาศ

“บ้าน่า”

โลกใบใหม่

อายธรรมที่มีระดับแตกต่างออกไป

นี้คือปฏิกิริยาตอบสนองแรกของฉัน

เมื่อหันไปมองด้วยสีหน้าสับสนเขาเห็นชายคนหนึ่งกำลังขี่รถเลื่อนที่มีคริสตัลสีฟ้าเป็นตัวขับเคลื่อนแทนม้า

ซอดัมหลบไปด้านข้างโดยสัญชาตญาณ แล้วรถเลื่อนได้ผ่านไป

“นี่แกมายืนอยู่กลางถนนทำไมเนื่ย?”

“…”

รถเลื่อนได้หายไปอย่างรวดเร็ว

“…กำลังมีงานเทศกาลหรือยังไงกันนะ?”

ประทัดและเศษกระดาษกระจายไปทั่วทุกที่แต่ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นเทศกาลสำหรับอะไร

“เหมือนครั้งที่แล้วเลย ทำไมฉันถึงรู้ได้อย่างไรว่าคนพวกนี้กำลังพูดอะไรอยู่”

<มันคือความสามารถของสกิลล่าตัวเอก>

<ภาษาต่างโลกศาสตร์ (B) มอบความสามารถในการเข้าใจภาษาของต่างโลกและร่างกายต่างโลก (S) ทำให้ร่างกายของคุณสามารถปรับสภาพให้เข้ากับระบบนิเวศที่แปลกประหลาดได้>

“…อะไรนะ?”

ทักษะแรงค์ S?

ด้วยปากที่เบิกกว้างมันช่วยไม่ได้ที่ฉันจะคิดว่ามันไร้สาระสิ้นดี

ทั้งชีวิตของฉันฉันได้แต่หวังว่าจะได้อย่างน้อยก็พลังหนึ่งอย่างที่เป็นแรงค์ E แต่ตอนนี้ฉันมีทักษะแรงค์ S และแรงค์ B แต่ฉันกลับไม่รู้สึกตื่นเต้นเลย

“ก็ดี แล้วตัวเอกของโลกนี้อยู่ที่ไหนหละ?”

มันต่างจากครั้งที่แล้วตัวมาปรากฎตัวอยู่ตรงหน้าฉันเองเลย

<เพื่อที่จะฆ่าตัวเอกคุณต้องจัดการมันด้วยโชคชะตาของคุณเอง>

“พอร์ตเรื่องของตัวเอกฉันไม่สามารถไปชัดขวางได้แบบตรง ๆ ใช่ไหม?”

<คุณได้กลายมาเป็นตัวละครในพอร์ตเรื่องแล้ว และการมีตัวตนอยู่ของคุณสามารถขัดขวางการดำเนินของเรื่องราวได้>

“โอ้โห…”

ดี ฉันคิดว่าฉันคงตกใจแน่ ๆ ถ้าตัวการ์ตูนที่ฉันกำลังดูอยู่ อยู่ดี ๆ ก็ตายเพราะหัวใจวาย

ตัวเอกทุก ๆ คนต้องมีเหตุผลที่จะถูกฆ่า(ผู้แปล : คิระนั้นนายใช่ไหม)

ก่อนหน้านี้ ฉันโชคดีที่ได้เป็นผู้ท้าชิงของทัวร์นาเม้นและเผชิญหน้ากับตัวเอกในเวลาที่ถูกต้องแต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าฉันจะกลายมาเป็นนักผจญภัย

“คุณไม่มีแอปบอกต่ำแหน่งของตัวเอกแนว ๆ GPS หรืออะไรทำนองนี้บ้างเลยหรือไง?”

<ไม่มี>

“เพื่อนคนนี้นี่ไร้ประโยชน์จริง ๆเลย”

<…>

ฉันไม่มีทางเลือกได้แต่ต้องหาตัวเอกด้วยตัวฉันเอง

ตอนนั้นเองก็มีใครบางคนมาแตะที่ไหล่ของฉัน

เมื่อฉันหันหน้าไปเจอกับชายกล้ามโตที่กำลังมองมาที่ฉันด้วยสายตาแปลก ๆ

“ข้าชื่ออคิลไรออน ยามผู้ดูแลวิหาร มีคนรายงานมีว่ามีคนท่าทางน่าสงสัยเดินไป ๆ มา ๆ อยู่แถวนี้ ข้าเลยมาตรวจสอบดู เจ้าเป็นนักผจญภัยใช่ไหม?”

“…ก็คงจะใช่มั้ง?”

“หืม ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ได้เป็นคนที่นี้ดูจากการแต่งตัวของเจ้าแล้วแต่ยังไงก็ตามเจ้าไม่ควรมาเป็นรอบ ๆ วิหารในตอนนี้”

“ทำไมหละ?”

“ในตอนนี้กำลังมีพิธีกรรมจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ดำเนินการอยู่ เพื่อที่จะคัดเลือกจักรพรรดิคนต่อไป นักรบจำนวนมากกำลังท้าทายวิหารศักดิ์สิทธิ์อยู่”

“โฮ้ ว้าววว”

เป็นพอร์ตเรื่องที่น่าสนใจทีเดียว

“ฉันเป็นนักผจญภัยเพราะงั้นฉันเลยมีข้อมูลเพียงเล็กน้อย ว่าแต่มันเป็นพิธีกรรมเกี่ยวกับอะไรหรือ?”

“เหอะ! เจ้านี่มันบ้านนอกจริง ๆ อาศัยอยู่ในจักรวรรดิแต่กลับไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับพิธีกรรมจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์!”

แล้วเขาก็ชี้ไปที่วิหาร

ที่วิหารสูงที่ดูเหมือนว่าจะสูงจนทะลุท้องฟ้าและมันชวนในนึกถึงสนามฟุตบอล

“มี ‘ดาบศักดิ์สิทธิ์’ ปักอยู่ที่นั้นพร้อมด้วย ‘กาเดี้ยน’ ที่ยืนป้องกันดาบนั้นอยู่ตรงกลาง”

“ดาบศักดิ์สิทธิ์หรอ?”

“ใช่แล้ว ดาบศักดิ์สิทธิ์เล่มนี้ถูกเรียกขานว่า บาเร็ตเต้ คนที่ดึงดาบนี้ขึ้นมาได้จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นจักรพรรดิของจักรวรรดิเคววิลลอน”

โอ้

นี้มันนิยายยุคเก่าชัด ๆ เลย

มันเป็นวิธีที่ต่างออกไปจากการคัดเลือกจักรพรรดิจากความรู้ที่ฉันเรียนมา

“ไม่ว่าจะเป็น เศรษฐี ทาส คนธรรมดา พ่อค้า ชาย หญิง คนแก่ เด็กแรกเกิด ไม่ว่าใครก็ตามสามารถเป็นได้แค่ มาและล้มกาเดี้ยนลงให้ได้”

อคิลลอนชี้นิ้วไปที่วิหาร

“รวมไปถึงเมืองนี้ ทั้งโลกนี้จะอยู่ในมือเจ้า”

……………………………………………………..

ในทันใดนั้นเอง ฉันก็ได้กลายมาเป็น ‘ผู้ท้าชิง’ ไปด้วยอีกคน

พิธีกรรมนี้ที่จะต้องดึงดาบ ล้มกาเดี้ยน และรับตำแหน่งจักรพรรดิ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อจักรพรรดิคนปัจจุบันกำลังจะก้าวลงจากตำแหน่ง

และเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่ามันได้ดึงดูดความสนใจของนักรบที่โดดเด่นหลาย ๆ คนจากที่ต่าง ๆ ทั่วทั้งโลก

คนที่ดึงดาบออกมาได้จะได้เป็นจักรพรรดิคนต่อไป

หนึ่งพันปีก่อนดาบศักดิ์สิทธิ์บาเร็ตเต้ได้ปรากฏขึ้นอย่างไม่มีที่มาที่ไป

มันจะมอบพลังอำนาจที่แข็งแกร่งเหนือจิตนาการให้ใครก็ตามที่ครอบครอง ทำให้ใครคนนั้นกลายเป็นจักรพรรดิ ตั้งแต่นั้นมาข้อมูลนี้ก็ได้ส่งต่อมาจากรุ่นสู่รุ่น

มีทักษะหนึ่งอย่างที่ทุกคนรู้ดีมากที่สุดเกี่ยวกับบาเร็ตเต้คือมันสามารถเติบโตได้

ถ้าใครก็ตามได้ถือดาบนี้มันจะเปลี่ยนรูปร่างเป็นดาบที่เหมาะสมสำหรับคนคนนั้นเพื่อที่จะเสริมความชำนาญของของคนผู้นั้นไปสู่ศักยภาพสูงสุด

ฉันไม่รู้ว่ามันดีอย่างไรแต่มันไม่มากพอที่จะทำให้น้ำลายฉันไหลออกมาด้วยความโลภหรอก

“บาปอะไรที่ตัวเอกได้ทำให้โลกนี้หละ?”

<หมกมุ่นมากเกินไป>

<ตัวเอกได้ครอบครองร่างกายของจักรพรรดิคนก่อน ๆ และใช้งานร่างกายพวกนี้จนเหนื่อยล้าถึงขีดสุด>

<ในตอนนี้จักรพรรดิคนปัจจุบันได้แก่ตัวลงและสูญสิ้นพลังอำนาจของเขา ดาบศักดิ์สิทธิ์จึงได้ถูกปิดผนึกลง>

“อื้อหือ…ผนึกเลเวล 40?”

นี้ขนาดถูกผนึกแล้วนะ

หลังจากใช้เวลาสองสามวันในการสังเกตก็ได้พบว่าไม่ได้มีผู้ท้าชิงจำนวนมากมายอย่างที่ฉันได้คิดไว้

เพราะว่ากาเดี้ยนได้ฆ่าผู้ท้าชิงทุกคนที่ล้มเหลวโดยไร้ความเมตตา

“อักก ไ-ได้โปรดไว้…!”

ฉับ!

ผู้ท้าชิงได้ล่วงลงไปที่พื้นในขณะที่หัวของเข้าไปบินจากไป

แถ็ด แถ็ด1

ฉันกลืนน้ำลายลงไปในตอนที่มองดูไปที่หลังของกาเดี้ยนที่กำลังเดินกลับไปที่ที่มันจากมา

“อ้า ทำไมผู้ท้าชิงคนนั้นถึงได้กากแบบนี้?”

“ช่ายยย ถ้าใครก็ตามต้องการที่จะฆ่าตัวตายเขาคนนั้นควรที่จะไปลองนะ ข้าคิดว่ามันน่าจะเป็นการแสดงที่ดีสำหรับทุก ๆ คน”

กาเดี้ยนตนนี้สูงเกือบ 5 เมตรและปกคลุมไปด้วยเกราะเงิน

มันเป็นประเภทหนึ่งของ “โกเล็ม” ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะล้มมันลงเพราะว่าแกนหลักของมันอยู่ในตำแหน่งที่ลึกลงไปภายใต้เกราะนั้น

มันอาจเป็นไปได้ที่จะปราบมันถ้าเป็นการร่วมมือกันระหว่างนักเวทย์และนักรบที่มีความสามารถ

อย่างไรก็ตาม สำหรับแต่ผู้ท้าชิงมันเป็นไปไม่ได้เพราะว่ามันต้องจัดการด้วยตัวคนเดียว

นักเวทย์จะอ่อนแอ่เมื่อเป็นการต่อสู้แบบปะทะซึ่ง ๆ หน้า และนักรบก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายผ่านเกราะของกาเดี้ยนได้เพราะพวกเขาไม่สามารถใช้เวทย์มนต์ได้

‘นักเวทย์…’

เวทย์มนต์ดูเหมือนว่าจะมีอยู่ในโลกนี้

ในตอนที่ได้ค้างแรมอยู่ที่นี้ในเวลาไม่กี่วันที่ผ่านก็มากพอแล้วที่จะทำให้ฉันได้ดูเหล่าผู้ท้าชิงที่กำลังนั่งอยู่บนอัฒจันทร์(น่าประหลาดใจเป็นอย่างมาก มีมากกว่า 100,000 ที่นั่งที่ถูกครอบครอง) และเกือบทั้งหมดของพวกเขาทรงพลังเป็นอย่างมาก

ถ้าใช้การจัดอันดับค่าของแรงค์ฮันเตอร์ค่าเฉลี่ยจะอยู่ระหว่าง B และ A

บางครั้งก็จะมีนักรบที่มีแรงค์เทียบเท่า S โพล่มาแต่มันก็หาได้ยาก

พูดตามตรงพวกเขาไม่มีทักษะที่แข็งแกร่งอะไรเลย

ฉันคิดว่าแรงค์ S ที่โลกยังแข็งแกร่งกว่าอีก

อย่างไรก็ตามทักษะนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ

มันอยู่ที่การควบคุม

มีนักรบ คนที่ใช้เทคนิคที่คล้ายกับการทำให้ร่างกายแข็งขึ้นเหมือนของคนจากโลก เขารู้ว่าทำอย่างไรจะพลักดันร่างกายของเขาไปสู่ขีดจำกัดได้

และพวกเขาก็ใช้อาวุธของเขาในแนวทางที่พิเศษเป็นอย่างมากที่มันไม่สามารถพบเห็นได้บนโลก

พวกเขาการแกว่งดาบได้ราวกับดอกไม้ที่กำลังแบ่งบาน ใบไม้ที่กำลังร่วงโรย และ พายุที่กำลังโหมกระหม่ำ

มันไม่ใช่แค่จินตาการหรือแค่คำบรรยายของฉัน

สิ่งทีคล้ายจินตนาการดังกล่าวปรากฏออกมาจริง ๆ และก็หายไป

วิชาดาบในโลกปัจจุบันดูหยาบกระด้าง ทุก ๆ คนแค่ยกมันไปรอบ ๆ คล้ายกับว่าพวกเขากำลังเต้นรำ กระพือปีกคล้ายผีเสื้อ จับดาบอย่างหลวม ๆ และโพสท่า

แล้วถ้าพูดถึงในเรื่องเวทย์มนต์หละ?

ถ้าในหมู่คนเหล่านั้นมีคนที่มี “หลายพรสวรรค์” คนที่ไม่ควรจะมีอยู่บนโลก พวกเขาเหล่านั้นมีอิสระที่จะใช้ ไฟ,น้ำ,ลม,และ เวทย์มันอื่น ๆ

คนเหล่านี้ความสามารถใช้พลังของพวกเขาเองได้ถึงขีดสุดในการควบคุมมานาเพื่อที่จะปกป้องร่างการของเขาโดยไม่ต้องใช้เกราะอีเทอร์ในตอนที่บัพตัวเองและดีบัพเป้าหมายไปด้วยได้

ถ้ามันเป็นที่โลกคงต้องใช้ผู้พวกเหนือมนุษย์สัก 3 ถึง 5 สำหรับทำอะไรก็ตามที่นักเวทย์สามารถทำได้ที่นี้ด้วยตัวคนเดียว

“นี่มันบ้าจริง ๆ”

การล่าทั้งหมดที่ฉันเคยเห็นมาบนโลกตอนนี้มันดูเหมือนเรื่องตลกไปเลย

ชาวโลกมีทักษะที่ดีกว่าผู้คนในโลกนี้แต่พวกเขารู้แค่ว่าจะเหวี่ยงดาบอย่างไร้เหตุผลเท่านั้นเองและพวกเขาไม่เคยเข้าใจเลยว่าจะควบคุมมันได้อย่างไร

เวทมนตร์

ฉันต้องการที่จะเรียนมันจริง ๆ

ช่างน่าเศร้า ถึงแม้ว่าฉันจะสามารถเข้าใจภาษาของโลกนี้แต่ฉันกลับอ่านตัวหนังสือมันไม่ออก

นอกจากนี้มันเป็นไปไม่ได้ที่จะหยิบไอเทมจากที่นี่และนำมันกลับไป ดังนั้นฉันเลยไม่สามารถแม้กระทั้งที่จะขโมยหนังสือเวทมนตร์ได้

และเมื่อฉันถามไปรอบ ๆ ฉันได้พบว่ามันต้องใช้เวลาเกือบจะ 20 ถึง 30 สำหรับใครสักที่มีสติปัญญาแบบฉันที่จะกลายมาเป็นนักเวทย์ได้ในระดับนั้น

ฉันไม่สามารถเรียนเวทมนตร์ที่นี้ได้เพราะฉันมีเวลาเหลือเพียงแค่หนึ่งปีเท่านั้น

แต่มันยังมีโอกาสอีกเป็นจำนวนมาก

อย่าพึ่งใจร้อนไป

มุมมองของโลกนี้และการมีอยู่ของเวทมนตร์ได้ถูกพัฒนาและเจริญรุ่งเรื่อง

วันใดวันหนึ่งฉันอาจจะได้กลับมาที่นี้และถ้าฉันโชคที่พอฉันอาจจะสามารถเรียนเวทมนตร์บางอย่างได้

การได้รู้ประโยชน์ของเวทมนตร์มันทำให้ฉันไม่ต้องการที่จะยอมแพ้

แต่สำหรับตอนนี้ฉันควรที่จะตั้งใจในการฆ่าตัวเอก

ฉันต้องการที่ยิงดาบศักดิ์สิทธิ์นั้นด้วยสไนเปอร์ในตอนนี้เลย แต่มันช่างโชคไม่ดีที่มีม่านมานาโปร่งแสงกันอยู่ระหว่างอัฒจันทร์และลานประลอง และฉันก็เกรงกลัวผลที่จะตามมา

บางทีอุปกรณ์โง่ ๆ ของฉันอาจจะไม่แม้กระทั้งเจาะทะลุมันได้

แต่นั้นไม่ใช่ปัญหา

1 สัปดาห์ผ่านไป

เวลาทั้งหมดส่วนใหญ่ฉันใช้ไปกับการจับตาดูการดวลกันระหว่างผู้ท้าชิงและกาเดี้ยน

และฉันก็พร้อมแล้วสำหรับการเตรียมการทั้งหมด

……………………………………………………..

เฮ้!!!!

เสียงเชียร์ดังมาจากบนอัฒจันทร์ในตอนที่ยูซอดัมได้เดินเข้าสู่ลานประลอง

จักรพรรดิก็ยังคงนั่งอยู่และกำลังมองไปที่สนามประลองด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ แต่ถึงยังไงยูซอดัมก็ไม่ได้สนใจเกี่ยวกับพวกมันทั้งหมดอยู่แล้ว

“ชายคนนั้นเป็นใครกัน?”

“ข้าไม่รู้ ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นนักผจญภัยนะ”

“ชุดนั้นช่างแปลกจริง ๆเลย”

ในขณะที่ ผู้คนเริ่มที่จะส่งเสียงเชียร์กาเดี้ยนก็ได้เดินเข้าหาผู้ท้าชิง

บูม! บูม!

แกร๊ก

เสียงที่ดังมากจากเกราะของกาเดี้ยนตนนั้นเมื่อมันเคลื่อนไหวร่างกายและเสียงของซอดัมที่กำลังโหลดกระสุนใส่ปืนของเขาได้สร้างบทเพลงซิมโฟนีของเหล็กขึ้น

มันเป็นเสียงที่เป็นถูกใจสำหรับซอดัมเป็นอย่างมาก คนที่รักในอุปกรณ์ต่าง ๆ

ฟูบ!

กาเดี้ยนได้เล็กดาบยักษ์ของมันไปด้านหน้า

เป็นร่างกายที่ไร้จิตวิญญาณที่เต็มไปด้วยพลังทำลายที่มหาศาล

เป็นสัตว์ประหลาดที่เต็มไปด้วยร่างการที่ปราดเปรียว

เมื่อประชันหน้ากับมัน ยูซอดัมสูดหายใจสุดเฮือกแล้วถามว่า

“กาเดี้ยน ฉันสามารถดึงดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ปักอยู่ด้านหลังของแกได้ตอนที่แกแพ้ใช่ไหม?”

[ใช่]

“แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าฉันลองที่จะดึงศักดิ์สิทธิ์โดยที่ไม่ได้ล้มแกหละ?”

[มันจะไม่ขยับเขยือน]

“หืม….”

การแลกเปลี่ยนธรรมดาเช่นการถามคำถามเป็นหนึ่งในไม่กี่อย่างที่ผู้ท้าชิงได้รับอนุญาตให้ทำได้ในสนามนี้

ไม่มีใครสักคนที่ถามคำถามเช่นนั้น มันเลยทำให้ได้รับเสียงเยาะเย้ยมากจากอัฒจันทร์

“แกถามอย่างนั้นไปเพื่ออะไรหนะ?”

“ศักศรีของแกไปอยู่ที่ไหน….!”

ไม่ใส่ใจเสียงเยาะเย้ย ซอดัมพุ่งไปด้านหน้ากาเดี้ยน

ชริคชริค!

ปืนลูกซองที่ถูกบรรจุกระสุนแล้วและในตอนที่ระยะห่างจากกาเดี้ยนกับเขาได้หดสั้นลง

ซอดัมได้ยิงไปที่ขาหนีบของมัน

เคร็ง!!

ปฏิกิริยาที่ได้รับกลับมาเป็นเพียงความตกใจเล็กน้อยที่ผลักซอดัมกลับไปด้านหลัง

ในทันทีหลังจากนั้นซอดัมได้หลบดาบยักษ์ที่เหวี่ยงลงมาก และโยนลูกบอลสีดำจากกระเป๋าเขากลับไป

มันกระจายตัวอย่างรวดเร็วกลายเป็นทรงกลมนับสิบอันและยึดเกาะไปที่ทุก ๆ ส่วนของร่างกายกาเดี้ยน

ทรงกลมพวกนี้คือแม่เหล็กที่ดึงดูดกันเองเป็นการฆ่าโดยการบดขยี้เข้าหากัน แต่กาเดี้ยนดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลยและเหวี่ยงดาบยักษ์ของมันไปที่เขา

‘เป็นดังคาด มันมีระดับความคล่องตัวถึงเพียงนี้เชียว’

ทังงง!!

เกราะอีเทอร์ได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงเมื่อดาบยักษ์ของกาเดี้ยนไถลผ่านไปด้านข้างของซอดัม

เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า การเหวี่ยงนี้อันตรายมาก แต่ซอดัมคุ้นเคยกับดาบนี้ต้องขอบคุณพรสวรรค์ชำนาญดาบระดับ (A+) ของเขา

แค่เพียงมองดูไปที่การตั้งท่า รูปแบบ และวิถีของดาบคู่ต่อสู้ เขาสามารถมองเห็นได้ว่ามันจะมาจากทางไหน

ทำให้เขาสามารถเตรียมการเคลื่อนไหนครั้งถัดไปของเขาได้

ในตอนที่เขากลิ้งไปด้านข้างเพื่อหลบดาบยักษ์มือของขวาของเขาได้กดลงไปที่ปุ่มสีแดง

ทรงกลมเหล่านั้นที่ได้แนบติดบนตัวของกาเดี้ยนได้ระเบิดออกพร้อมกัน

ตูม ตูม!

‘ตอนนี้แหละ!’

เขาพยายามที่จะวิ่งผ่านกาเดี้ยนที่ว่องไวนี้แต่มันกลับทนการระเบิดไว้ได้และได้วิ่งตามซอดัมไปในทันที

เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะโดนมันตีดังนั้นแล้วเขาได้ดึงเอาปืนลูกซองอีเทอร์ออกมาสองกระบอกและยิงไปที่มันอย่างต่อเนื่อง

บูม บูม!

ไหล่ของมันกระตุกและขาของมันเซ แต่กาเดี้ยนไม่ได้หยุดลง

อย่างไรก็ตามพลังของโกเล็มไม่ได้เป็นอนันต์

พลังงานที่มันได้รับในแต่ละรอบการประลองมีขีดจำกัดอยู่

สิ่งที่ซอดัมกำลังทำก็คือการทำให้พลังงานนั้นน้อยลงเรื่อย ๆ

เมื่อใช้กระสุนทั้งหมดจากปืนลูกซอง ซอดัมได้ขว้างมันไปที่พื้นโดยปราศจากความลังเล

แล้วเขาก็วิ่งออกไปด้านข้างแล้วเล็งปืนสั้นของเขาไปตรงจุดที่เขายืนอยู่เมื่อกี้

ประกายไฟออกมาจากปืนสั้นและมันได้ยิงไปโดนพื้น

ในจังหวะที่กาเดี้ยนได้เดินไปอยู่เหนือจุดนั้น

พูฟ!!

แผ่นเหล็กได้ละลายลง พลิกกาเดี้ยนให้คว่ำลง

“อ-อะไรนะ…!”

“นั้นมันเวทมนตร์ห่าเหวอะไรกันหวะ?”

“ชายคนนั้น เขาเป็นนักเวทย์จากโรงเรียนไหนกัน?”

“เร็วเขา ไปหาข้อมูลมา!”

นักเวทย์ทั้งหลายได้บ้าคลั่ง

มันคือรูปแบบของเวทมนตร์ที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน

มันเป็นไปได้จริง ๆ หรอที่จะสามารถร่ายเวทมนตร์ทำลายล้างเช่นนั้นได้โดยไม่มีบทร่าย?

‘ถ้าเราสามารถทำให้นักเวทย์นั้นเข้ารวมกับพวกเราได้หละก็’

รูปแบบการโจมตีของกองทัพนักเวทย์อาจจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

พวกเขาต้องการที่จะโดดลงไปในสนามตอนนี้และหิ้วชายคนนั้นออกมาเลยด้วยซ้ำแต่ติดที่ว่าพวกเขาไม่สามารถทำอย่างนั้นได้เพราะว่ามันม่านบาเรียขวางไว้อยู่

“มันเหมือนกับว่าพวกเขากำลังดูการต่อสู้ของนักเวทย์ที่ถูกพูดถึงแต่ในตำนานเท่านั้น…”

เช่นเดียวกับที่ซอดัมประหลาดใจเมื่อได้เห็นเวทมนตร์ นักเวทย์เหล่านี้จะเนื้อเต้นเช่นกันที่ได้เห็นวิทยาศาสตร์

อย่างไรก็ตามไม่ว่าเขาจะรับรู้มันหรือไม่ก็ตามซอดัมได้พุ่งออกไปสุดตัวด้วยแรงเท่าที่เขาจะทำได้

และเขาก็ไม่ลืมที่จะวางเครื่องหมายขนาดเท่าเม็ดถั่วได้บนพื้นที่เขาวิ่งผ่าน

ฮัทท!

เมื่อกาเดี้ยนได้วิ่งตรงไปที่ทิศตะวันตกของกำแพงด้วยขาที่กระแพกไปข้างหนึ่ง เครื่องหมายบนพื้นก็ได้ระเบิดออกหลังจากที่มันได้ถูกเหยียบลง

แบง แบง!

อย่างไรก็ตามแม้ว่าขาของมันจะได้รับความเสียหายก็ไม่ได้เป็นเหตุผลให้มันหยุดลง

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเจ้าก็เดี้ยนตัวนี้มันก็แค่เร็วกว่าคนทั่ว ๆ ไปเล็กน้อยเท่านั้นเอง ดังนี้แล้วซอดัมจึงเหนือว่ามันอย่างรวดเร็ว

ฉวอง!

ในจังหวะก่อนที่ดาบยักษ์จะฟาดถูกเขา

เขาได้อ่านวิถีของมันและกลิ่งหลบไปด้านข้างอย่างรวดเร็วแล้วยิงระเบิดสีฟ้าขนาดเล็กไปที่ส่วนของกาเดี้ยนในจุดที่คาดการณ์ไว้

‘สนามแม่เหล็ก’

ระเบิดแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีแม่เหล็กอันทรงพลัง และในตอนนั้นเองมันได้ยึดเกาะกับเหล็กและกลายมาเป็นสนามแม่เหล็กขนาดมหึมา

เปรี๊ย เปรี๊ย!!

เมื่อมันชนเขากับดาบยักษ์ของกาเดี้ยน พื้นเหล็กและดาบยักษ์ก็ได้ถูกตรงเข้าได้ด้วยกัน

เมื่อเขาขว้างระเบิดสีฟ้าอีกลูกไปที่ร่างของกาเดี้ยน เกราะของมันได้ถูกบีบทำให้ทั้งแขนและขาของกาเดี้ยนถูกดูดติดเข้าหากัน

โกวววว!

มันเป็นวิธีที่เป็นไปได้ที่จะจัดการกับบางสิ่งที่สร้างขึ้นมาจากเหล็ก

แต่มันก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าวิธีนี้มันก็ส่งผลไม่นานเช่นกัน

มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะล้มมันในช่วงเวลาที่สั้นเช่นนี้

“ช่างเป็นเวทมนตร์เหนี่ยวรั้งที่ทรงพลังอะไรเช่นนี้”

เมื่อได้ยินคำพูดไร้สาระที่นักเวทย์คนนั้นได้ตะโกนออกมา ซอดัมวิ่งไปด้วยความเร็วที่มากที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ตรงไปหาดาบศักดิ์สิทธิ์

“หา…”

“นั้นเขากำลังจะทำอะไรหละ?”

“นี่เขาไม่โจมตีการเดี้ยนแล้วอย่างนั้นหรือ!”

“นี้เขาไม่รู้หรือว่าเขาไม่สามารถดึงมันออกมาได้ถ้าเขาไม่ได้ล้มกาเดี้ยนลงก่อน?”

อย่างไรก็ตาม เป้าหมายของซอดัมตั้งแต่ต้นนั้นไม่ใช่การดึงดาบศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว

ตั้งแต่เริ่มเขาไม่ได้มีความตั้งใจที่จะล้มกาเดี้ยนลง ไม่ว่าเขาจะมีความสามารถพอที่จะทำมันได้หรือไม่ก็ตาม

เขามีแค่จุดมุ่งหมายเดียวตั้งแต่แรกแล้ว

ล่าตัวเอก

บิ๊ป บิ๊ป บิ๊ป!

หลังจากที่ติดตัง ‘ระเบิด E-4’ จากคลังแสงของเขา เขาวิ่งจากไปอย่างรวดเร็วและทิ้งห่างออกไปมากขึ้น

กาเดี้ยน ในตอนนนี้ได้หลุดออกจากสนามพลังแม่เหล็กแล้ว พุ่งตรงไปยังซอดัม

กว้ากกกก!

กาเดี้ยนได้มองไปที่ซอดัมอย่างน่ากลัว

“ในระหว่างการต่อสู้ที่อันตรายนี้….เจ้าทำอะไรของเจ้าหา?”

โดยไม่มีการตอบข้อสงสัยใด ๆ ซอดัมได้ดึงเอาปืนสไนเปอร์ออกมา

ปืนนี้มีชื่อเรียกว่า EK-49 มันเป็นสัตว์ประหลาดชนิดพิเศษในการโจมตีระยะไกลและกระสุนแต่ละนัดของมันแพงโคตร ๆ แต่อำนาจการทำลายล้างในหนึ่งนัดของมันก็มากมหาศาลเช่นกัน

ปืนได้ถูกเล็งไปอย่างช้า ๆ ที่กาเดี้ยน มันมองมาที่เขาอย่างต่อเนื่องเพราะว่ามันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับปืน

มันอาจจะคิดว่าปืนไม่สามารถหยุดมันได้

ใช่เลยจริง ๆ แล้ว ไม่ว่ามันจะบล็อกหรือโดนยิงแล้วต้านได้มันก็เท่านั้น

เพราะตั้งแต่ในตอนแรกแล้ว ซอดัมไม่ได้กำลังเล็งไปที่กาเดี้ยน

“…!”

ชิคชิค!

ซอดัมที่กำลังเล็งไปที่หัวของกาเดี้ยนไปเปลี่ยนเป้าหมายของเขาอย่างรวดเร็วและยิงไปที่ดาบศักดิ์สิทธิ์

ทันทีทันได้ จักรพรรดิได้รู้สึกสึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและตะโกนออกมา

“หยุดเดี่ยวนี้!”

แต่มันได้สายเกินไปแล้ว

ปัง!

การระเบิดขนาดใหญ่ได้เกิดขึ้น

[คุณประสบความสำเร็จในการล่าตัวเอกเลเวล 40]

[เลเวลของคุณเพิ่มขึ้น 3]

ดาบศักดิ์สิทธิ์หักลงและในเวลาเดียวกันจักรพรรดิก็ได้กรีดร้องออกมาก

“อ้า ม่ายยยยย!!!”

เขาเป็นใครไม่ได้นอกเหนือไปจากจักรพรรดิคนที่ถูกควบคุมด้วยดาบศักดิ์สิทธิ์

“จับมันซะ พามันมาให้ข้าเดียวนี้”

เมื่อจักรพรรดิผู้ที่ได้ดึงสติสตังที่ขาดหายไปของตนเองกลับมาเข้าที่เข้าทางแล้ว เขาก็ตะโกนออกมาสุดเสียง ผู้ท้าชิงทั้ง 100,000 คน ลุกขึ้นจากที่นั่งในเวลาเดียวกันและเริ่มหันไปมองที่ลานประลอง

ในขณะเดียวกัน ยูซอดัมมองกลับมาอย่างสบาย ๆ และสบตากับจักรพรรดิ

ในเวลาเดียวกันเผชิญกันสายตาที่สันไหวอย่างไม่เต็มใจ ‘ลูเร็ต’ ได้ปรากฏขึ้นมาในใจเขา

ลูเร็ตประกอบไปด้วยพรสวรรค์และทักษะของดาบดาบศักดิ์สิทธิ์

ทันใดนั้นข้อความก็ได้ปรากฏขึ้น

[ทักษะของเบเร็ตเต้ เพลงดาบสีขาว (S) ได้รับการดูดกลืน]

เขาชูนิ้วกลางของเขาไปที่จักรพรรดิ เขาพูด

“ฉันจะใช้สกิลนี้อย่างดีเลยหละ”

ในตอนที่นักรบที่เกรี้ยวกราดได้มาถึงลานประลอง ยูซอดัมได้หายไปเหมือนดังสายหมอกเรียบร้อยแล้ว