ลู่เฟิง ซุนฮก และ เจี๋ยสวี่ ได้คิดเห็นเหมือนกันมาก่อน เมื่อเมืองฉิวซานชั้นนอกพังทลาย จางเป็งยี่ และ โฮ่วหลิน จะต้องบุกโจมตีพวกเขาอย่างไม่คิดชีวิตอย่างแน่นอน นั่นก็เพราะ ที่นั่นมีคนในตระกูลของพวกเขาอยู่

แต่ทว่าเห็นได้ชัดว่าทั้งสามคนคิดผิด จางเป็งยี่ และ โฮ่วหลิน เลือกที่จะถอยกลับไปยังเมืองชั้นในซึ่งเกินความคาดหมายของพวกเขา

เจี๋ยสวี่ ได้คร่ำครวญเล็กน้อยและตอบกลับ”ฝ่าบาท จางเป็งยี่ และ โฮ่วหลิน ถอยกลับไปยังเมืองชั้นใน พวกเขาวางแผนจะต่อสู้กับพวกเราอย่างยืดเยื้อพวกเราจะต้องรีบจบการต่อสู้นี้โดยเร็วที่สุด!”

ลู่เฟิง ได้ยิ้มอย่างขมขื่น”ข้าเองก็ต้องการจะจบการต่อสู้นี้โดยเร็วที่สุด แต่มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่จะตีเมืองชั้นในของเมืองฉิวซานที่แข็งแกร่งกว่าเมืองชั้นนอกได้ การบุกทะลวงมันไม่ใช่ปัญหาของพวกเรา แต่หากคิดต่อสู้อย่างยืดเยื้อ อีกฝ่ายจะสามารถยึดที่มั่นได้เป็นระยะเวลาอย่างต่ำอีกหนึ่งปี ดังนั้นมันเป็นเรื่องยากอย่างมาก!”

“ฝ่าบาท ข้าน้อยขอคำสั่งเป็นผู้บัญชาการทหาร ภายในเจ็ดวัน ข้าน้อยจะทำให้เมืองชั้นในของเมืองฉิวซานถูกยึดครองให้ได้”เจี๋ยสวี่ ได้กล่าวอย่างกระทัน

ลู่เฟิง ได้ขมวดคิ้วแน่นและมองไปที่ เจี๋ยสวี่”เหวินเหอ คำสั่งผู้บัญชาการทหารไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย ข้าต้องการทราบแผนการของเจ้า”

“ฝ่าบาท ไม่ต้องกังวล ข้าน้อยมีแผนในใจแล้ว!”เจี๋ยสวี่ มีรอยยิ้มที่มั่นใจบนใบหน้า

ลู่เฟิง มองไปที่ เจี๋ยสวี่ เขารู้ว่า เจี๋ยสวี่ ไม่ใช่คนมั่นใจหากไม่แน่ใจ ดังนั้นหากเขาบอกว่ามีวิธีก็ย่อมต้องมีวิธี

เขาครุ่นคิดเล็กน้อยและกล่าวถาม”เหวินเหอ ก่อนหน้านี้พวกเราไม่มีทางปิดล้อมเมืองฉิวซานได้ และ ตอนนี้เจ้าบอกมีแผน เช่นนั้นข้าคงต้องขอฟังแผนของเจ้าก่อน!”

“ฝ่าบาท โปรดวางใจ ข้าน้อยรับประกันว่ามันจะได้ผลอย่างแน่นอน ภายในเจ็ดวัน เมืองชั้นในจะต้องถูกตีแตก!”เจี๋ยสวี่ ยังคงปิดปากเงียบเรื่องนี้

“เฮ้อ,ดูเหมือนว่าข้าราชบริพารของข้าจะเป็นคนที่มีความลับเก่ง!”

ลู่เฟิง ได้สั่นศีรษะอย่างช่วยไม่ได้”เช่นนั้นก็ได้ เจ้าต้องการให้ข้าให้ความร่วมมือกับเจ้าอย่างไร?”

เจี๋ยสวี่ ได้พยักหน้า และบอกลู่เฟิงเกี่ยวกับสิ่งที่เขาต้องการ

ลู่เฟิงไม่ลังเลที่จะให้คนหยุดขุดร่องน้ำและสั่งให้กองทัพเข้าโจมตีเมือง

เพียงแค่ทหารรักษาการณ์ 20,000 นาย จะสามารถปกป้องเมืองชั้นนอกได้อย่างไร

เพียงเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง เมืองฉิวซาน รอบนอกก็ตกอยู่ในกำมือของ ลู่เฟิง

ตามกลยุทธ์ของ เจี๋ยสวี่ ลู่เฟิง ปล่อยให้กองทัพขนาดใหญ่ล้อมรอบเมืองชั้นในทันที

เมืองชั้นในมีขนาดเล็กกว่าเมืองชั้นนอก กองทัพ 400,000 นายของ ลู่เฟิง สามารถรอบล้อมเมืองชั้นในด้วยรูปแบบสามชั้น และ ชั้นนอกสามชั้น กล่าวได้ว่า แม้แต่แมลงวันสักตัวก็ไม่สามารถบินออกไปได้

ฉากนี้ทำให้ทหารหลายคนในเมืองชั้นในดูสิ้นหวัง

พวกเขาจะสามารถต่อสู้กับการปิดล้อมจำนวนมากอย่างนี้ได้หรือไม่?

ลู่เฟิง ไม่ได้สั่งให้โจมตีเมือง เพราะ เจี๋ยสวี่ บอกให้แค่ปิดล้อมเมืองชั้นใน และ เขาจะทำให้เมืองชั้นในแตกภายในเจ็ดวัน

ลู่เฟิง ไม่รู้ว่า เจี๋ยสวี่ ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน แต่เนื่องจาก บุรุษพิษคนนี้ มีความั่นใจ เขาไม่สงสัยในความสามารถของอีกฝ่ายและให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่

เขาสั่งให้กองทัพปิดล้อมเท่านั้นห้ามโจมตี ในขณะเดียวกัน ก็ให้ ซุนฮก ประกาศกร้าวถึงโองการของจักรพรรดิ เพื่อซื้อใจชาวเมืองฉิวซาน

ในคืนวันที่สาม คฤหาสน์เมืองชั้นใน ของตระกูล โฮ่ว,โฮ่วหลิน ได้นั่งอยู่ในศาลาและนั่งดื่มไวน์คนเดียวด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย

“สีหน้าของ แม่ทัพ โฮ่ว ไม่ค่อยสู้ดีเลย แสดงว่ามีบางอย่างอยู่ในใจใช่หรือไม่?”ในขณะนี้เองมีเสียงดังเข้ามาในหูของ โฮ่วหลิน

การแสดงออกของ โฮ่วหลิน ได้เปลี่ยนไป เขาได้ลุกขึ้นยืนและชักดาบออกมาก่อนที่จะกล่าวถาม”นั่นใคร?”

“แม่ทัพโฮ่ว ไม่จำเป็นจะต้องตื่นตระหนกเช่นนี้หรอก”

น้ำเสียงที่ยิ้มแย้มแจ่มใสได้ดังขึ้น

มีคนเดินออกมาจากทางด้านซ้ายของศาลา

ใบหน้าของ โฮ่วหลิน ได้เปลี่ยนไป เขาชักด้ามดาบออกมาได้ครึ่งเดียวก่อนที่จะชะงักและยังอยู่ในฝัก

เขาจ้องมองไปที่บุคคลนั้นและกล่าวพูดอย่างเคร่งขรึม”เจี๋ยสวี่!”

ผู้มาเยือนคือ อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายของอาณาจักรหนานหยาน เจี๋ยสวี่!

โฮ่วหลิน ไม่แปลกใจ นี่คือ เจี๋ยสวี่ แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นขุนนางในราชสำนัก แต่ก็มีพลังไม่ด้อยไปกว่าแม่ทัพอย่างเขา ถ้าอีกฝ่ายอยากจะฆ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้

“ไม่ต้องห่วง แม่ทัพโฮ่ว ข้าไม่ได้จะฆ่าเจ้า!”เจี๋ยสวี่ ได้นั่งอยู่บนศลาและมองไปที่โฮ่วหลิน ด้วยรอยยิ้ม

สีหน้าของ โฮ่วหลิน ได้เปลี่ยนไปก่อนที่จะหัวเราะเยาะออกมา”แน่นอนว่าเจ้าจะไม่ฆ่าข้า! เพราะถ้าเจ้าฆ่าข้า กองทัพทั้งหมดของข้าจะตกอยู่ในมือของ จางเป็งยี่ เขาจะสามารถรวบรวมกองทัพทั้งหมดเข้าด้วยกัน และ จากนั้นมันจะยิ่งยากขึ้นไปอีกหากเจ้าคิดจะบุกโจมตีเมืองชั้นใน ดังนั้น เจ้าจึงไม่กล้าฆ่าข้าอย่างแน่นอน!”

ดูเหมือนเขากำลังพูดคุยกับตัวเอง แต่เขาก็พูดกับ เจี๋ยสวี่ ด้วย

เจี๋ยสวี่ ได้พยักหน้า”เจ้าพูดถูกแล้ว ข้าไม่ได้จะฆ่าเจ้า!”

“ถ้าเจ้าไม่ได้จะฆ่าข้า และ เจ้ามาที่นี่เพื่ออะไร อย่าบอกนะว่าต้องการให้ข้ายอมจำนนต่อลู่เฟิง!”โฮ่วหลิน ได้หัวเราะเยาะครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับว่าเขาสามารถมองเห็นการคำนวณของเจี๋ยสวี่ได้

เจี๋ยสวี่ได้พยักหน้าและตอบกลับ”นี่คือจุดประสงค์ในการมาของข้า!”

“งั้นเจ้าก็น่าจะรู้คำตอบของข้าดี!”

ฟวั่บ!

ดาบยาวได้ถูกดึงออกมาจากฝัก โฮ่วหลิน ได้มองไปที่ เจี๋ยสวี่ อย่างเย็นชาและตอบกลับ”ข้าจะไม่มีวันยอมแพ้!”

“อย่าเพิ่งเสียงดังมากไป หากคนอื่นมาเห็น ข้า อยู่กับเจ้าและไปแจ้งต่อ จางเป็งยี่ เจ้านั่นแหล่ะที่จะเดือดร้อน”เจี๋ยสวี่ ยังคงยิ้มตอบกลับ

การแสดงออกของ โฮ่วหลิน ได้เปลี่ยนไป เขาได้วางดาบลงและลดเสียงกล่าวถาม เจี๋ยสวี่”ไปซะ ข้าไม่สนใจที่จะยอมแพ้ หากเจ้าคิดจะโจมตีเมือง ก็เชิญเลย ข้าโฮ่วหลิน จะอยู่ปกป้องเมืองด้วยทุกอย่างที่มี”

“แม่ทัพโฮ่ว อย่าเพิ่งรีบร้อนด่วนสรุปไป!”

เจี๋ยสวี่ ได้ขัดจังหวะของ โฮ่วหลิน และ ตอบกลับ”ข้ามาที่นี่เพื่อชักชวนให้เจ้ายอมจำนนต่อฝ่าบาท นี่ก็เพื่อช่วยชีวิตเจ้าเองด้วย!”

“ช่วยชีวิตข้า?”

โฮ่วหลิน ราวกับได้ยินเรื่องตลกเขาได้หัวเราะเล็กน้อย”เจ้าจะช่วยข้างั้นหรือ?”

“แน่นอน!”

เจี๋ยสวี่ ได้หยิบจดหมายสองฉบับและส่งให้กับโฮ่วหลิน”เจ้าลองดูสิ่งที่เขียนบนจดหมายทั้งสองนี้ก่อนสิ!”

หลังจากลังเลอยู่ครู่นึง โฮ่วหลิน ก็หยิบจดหมายขึ้นมาและเปิดมัน เมื่้อเขาเห็นเนื้อหา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที”นี่มันเป็นไปไม่ได้!”

เนื้อหาในจดหมายระบุไว้ว่า เมื่อหลายวันก่อน จางเป็งยี่ และ กานฉวน ได้พูดคุยกัยว่า โฮ่วหลิน ได้ถูกจัดการ ตระกูล จาง และ ตระกูล กาน ได้รับทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลโฮ่ว

“ฮ่าฮ่า,เจี๋ยสวี่ เจ้าคิดว่าข้าเป็นเด็กสามขวบหรือไม่?”

โฮ่วหลินได้หัวเราะออกมา”ถ้าจดหมายนี้เป็นความจริงจดหมายสำคัญเช่นนี้จะตกอยู่ในมือของเจ้าได้อย่างไร เจี๋ยสวี่ จดหมายฉบับนี้ จะต้องเป็นเจ้าที่เขียนขึ้นมาเอง!”

“มันเป็นของปลอมหรือไม่ เจ้ายังไม่ชัดเจนในเรื่องลายมืออีกงั้นหรือ หรือว่าเจ้าจำลายมือของ จางเป็งยี่ และ กานฉวน ไม่ได้?”เจี๋ยสวี่ ได้ยิ้มเบา ๆ

โฮ่วหลิน ได้เงียบอีกครั้ง อันที่จริง เขาจำลายมือของ จางเป็งยี่ และ กานฉวน ได้ แต่เขาไม่คิดว่าทั้งสองจะวางแผนเพื่อทำลายตระกูลโฮ่วของเขา

เจี๋ยสวี่ ได้กล่าวอย่างเฉยเมย”เจ้าจะไม่เชื่อก็ไม่ใช่เรื่องแปลก! จางเป็งยี่ ได้วางแผนนี้มานานแล้ว หลังจากเข้าสู่เมืองชั้นใน เขาวางแผนจะต่อสู้ด้วยสงครามยืดเยื้อกับฝ่าบาท พูดถึงเมืองชั้นใน เขาสามารถสู้ศึกอยู่ที่นี่ได้เป็นระยะเวลานาน ถ้าพูดถึงเมืองฉิวซานแห่งนี้แล้ว เขายังสามารถติดต่อกับอาณาจักรหงเป่า เพื่อขายเมืองหรือเพื่อความรุ่งเรืองของตระกูลตัวเองได้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เจ้าเป็นอุปสรรคสำคัญของเขา เจ้ามีกองกำลังหนึ่งแสนนายภายใต้บัญชา ถ้าเจ้าไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของเขา เขาก็คงไม่สามารถดำเนินการต่อได้!”

“ดังนั้น เจ้าจึงจำเป็นจะต้องถูกกำจัดออกไป สำหรับตระกูล กาน,กานฉวน นั้นตอนนี้เขามีกำลังพลราว ๆ 600,000 นายในมือ เขาไม่ต้องกังวลเรื่องกำลังทหาร แต่สิ่งที่เขากังวลควรเป็นเรื่องการปันส่วนอละการเงิน เพราะทหารเหล่านี้จำเป็นต้องใช้จ่ายแต่ว่า…”