บทที่ 185 เข้าออกบ้านคนอื่น

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 185 เข้าออกบ้านคนอื่น

สวี่ชิงนิ่งงัน หันหน้ากลับไปเหลือบมองนายกองผาดหนึ่ง

เขารู้สึกว่านายกองจะเข้าถึงบทบาทไปหน่อย จะพูดก็พูดออกมาสิ เสียงกระแอมเบาๆ เหมือนเสียงครางนั่น ทำให้สวี่ชิงรู้สึกกระอักกระอ่วนมาก

ทว่าสวี่ชิงเองก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะเขารู้ว่าแม้หลายวันนี้บรรพจารย์สำนักวัชระจะไม่ปรากฏตัวออกมาง่ายๆ แต่จากนิสัยของอีกฝ่าย จะต้องแอบบันทึกภาพเหล่านี้ไว้แน่นอน

ภาพบันทึกที่ล้ำค่าเหล่านี้ สวี่ชิงรู้สึกว่าหลังจากนี้น่าจะนำมาใช้ได้

เขาจึงสูดลมหายใจลึกมองนายกองผาดหนึ่ง หันหน้ากลับไปไม่สนใจอีก

นายกองเลิกคิ้วงามขึ้น พอคิดจะพูดอะไรต่อ แต่ตอนนี้เอง คลื่นพลังวูบหนึ่งก็แผ่เข้ามาแต่ไกล ขณะที่ส่งเสียงครืนครันพลังตรวจสอบของค่ายกลก็แผ่มาบนเรือศึกไม้ดำลำนี้อีกครั้ง

ตอนนี้ปลาหมึกด้านล่างกำลังคลานตัวสั่นอยู่บนพื้น ยอมให้ค่ายกลกวาดผ่าน ส่วนผีเสื้อหน้าผีเหล่านั้นก็บินกระจัดกระจายไปอย่างรวดเร็ว สวี่ชิงจ้องลงไปเบื้องล่างเขม็ง เขาเห็นว่าห่างออกไปมีสิ่งปลูกสร้างขนาดยักษ์อย่างหนึ่งอยู่

รูปร่างสิ่งปลูกสร้างนี้เรียบง่ายมาก เป็นเพียงเสาหินขนาดยักษ์สองต้น ราวกับเป็นประตูที่ไม่มีวงกบด้านบนบานหนึ่ง มีกระแสวนสีดำกำลังโคจรสั่งครืนครันอยู่ด้านใน อัสนีสีแดงหลายสายแผ่ซ่านไปทั่วสารทิศ

นอกประตู มีผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรนั่งขัดสมาธิอยู่บนเห็ดหลินจือสีแดงแต่ละดอกจำนวนแตกต่างกันไป ในนี้มีทั้งชายและหญิง มีทั้งรูปร่างเหมือนเผ่ามนุษย์และรูปร่างต่างเผ่าด้วย มองเผินๆ จำนวนไม่น้อยกว่าพันคน คอยปกป้องสถานที่นี้ไว้อย่างเข้มงวด ใครก็ตามที่คิดจะผ่านสถานที่นี้เพื่อเข้าสู่กระแสวนก็ต้องผ่านพวกเขาไปทั้งสิ้น

และในนั้นยังเห็นได้ชัดว่ามีผู้แข็งแกร่งอยู่ มีสายตาหลายคู่กวาดมองมา ทำให้สวี่ชิงก็สัมผัสถึงอันตรายได้

พลังค่ายกลนี้แผ่ซ่าน ตอนที่มันกวาดมาบนเรือศึกสีดำที่สวี่ชิงกับนายกองอยู่ ตราประทับที่แปลงมาจากเผ่าสิงซากสมุทรสร้างฐานไฟสามดวงคนนั้นเปล่งแสงเจิดจ้า หลังจากตอบรับพลังของค่ายกล คลื่นค่ายกลจึงสลายหายไป

ปลาหมึกตัวนั้นถึงได้เริ่มคืบคลานไปอีกครั้ง เคลื่อนย้ายไปเบื้องหน้าอย่างระมัดระวัง ตอนที่ผ่านเห็ดหลินจือแต่ละแห่ง ผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรด้านบนก็ล้วนลุกขึ้นคารวะไปทางนายกอง

“คารวะองค์หญิงสาม”

“คารวะองค์หญิงสาม”

สวี่ชิงสีหน้าเรียบสงบ แต่ในใจระแวดระวังอย่างยิ่ง การถูกคนมากมายจับจ้อง ถ้าไม่ระวังแล้วเผยร่องรอยออกมาแม้แต่น้อย ที่ทำมาก่อนหน้าก็พังหมด

ขณะเดียวกันกลิ่นอายของผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรที่รวมๆ กันก็ทำให้ที่นี่มีแรงกดดันมหาศาล สวี่ชิงก็รู้สึกว่าความเร็วในการระเหยของขวดเล็กในอกของตนเองเร็วขึ้นอย่างชัดเจน ถ้าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปเกรงว่าไม่นานนักคงจะสิ้นฤทธิ์แล้ว

และนายกองทางนั้นก็เช่นกัน ต่อให้ปลอมตัวได้เหมือนแค่เพียงใดก็ยังเผชิญหน้ากับความเสี่ยงอยู่ ดังนั้นในใจเขาจึงตึงเครียดขึ้นมาเช่นกัน ล้วงเอาไข่มุกสีดำออกมาคลึงเล่นในมือไม่น้อย เผยใบหน้ารำคาญออกมา

จนตอนที่เกือบจะไปถึงประตูหินขนาดยักษ์บานนั้น จากการที่สายตารอบๆ จับจ้องมากขึ้นเรื่อยๆ จู่ๆ นายกองก็โยนไข่มุกสีดำเม็ดหนึ่งออกไปด้านข้าง

เสียงครืนครันระเบิดขึ้นฉับพลัน กลิ่นอายเผ่าสิงซากสมุทรรอบๆ ทั้งหมดทยอยผันผวน

“มองพอแล้วหรือยัง”

สีหน้านายกองเปลี่ยนจากรำคาญก่อนหน้าเป็นรอยยิ้มหวานหยดย้อย แม้ใบหน้าขาวซีดของเขาจะปรากฏความอ่อนแอจนถึงขีดสุด แต่ความอ่อนแอนี้ก็ทำให้รอยยิ้มของเขาดูเหมือนยิ่งมีความงดงามจับใจมากขึ้นเล็กน้อย

เผ่าสิงซากสมุทรรอบๆ พากันนิ่งงัน ก้มหน้าลงทันที

“ประคองข้าเข้าไปด้วย” นายกองยิ้ม ลุกขึ้นเดินไปด้านหน้าเรือศึก ยกมือให้สวี่ชิง

สวี่ชิงรู้สึกเลื่อมใสการแสดงของนายกองเหลือเกิน ตอนนี้จึงก้มหน้าเดินมาประคองมือเล็กของนายกองไว้แล้วก้าวไปเบื้องหน้า ออกห่างเรือศึกไม้ดำ ออกห่างจากปลาหมึกด้านล่าง ตรงไปยังกระแสวนสีดำขนาดยักษ์เบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว

เมื่อสวี่ชิงกับนายกองเทียบกับกระแสวนนี้ก็เหมือนกับมดปลวกอย่างไรอย่างนั้น เล็กจ้อยไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง

ขณะเดียวกันคลื่นพลังน่ากลัวที่มาจากกระแสวนก็ทำให้สวี่ชิงกับนายกองจิตใจสั่นสะท้าน

แต่พวกเขาทั้งสองคนก็เตรียมตัวมามากพอ ตอนนี้ยังคงเดินเข้าใกล้อย่างไม่อิดออด หลังจากเข้าไปใกล้ พวกเขาก็มองตากัน ขณะเดียวกันก็เดินเข้าไปในกระแสวนโดยไม่มีแม้แต่ความลังเล

เมื่อเดินเข้าไป ในสมองทั้งสองคนก็ส่งเสียงครืนครันขึ้นในพริบตา ราวกับว่าเดินเข้าไปอีกมิติ ตอนปรากฏตัวก็มาอยู่ในโลกสีแดงแห่งหนึ่ง!

โลกนี้ไม่ได้ใหญ่มากนัก บนพื้นมีของเหลวสีแดงราวกับเป็นบ่อเลือดอย่างไรอย่างนั้น รอบๆ มีเสาหินอยู่ถึงเจ็ดสิบแปดสิบต้น

และบนเสาทุกต้นล้วนมีผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรคนหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่!

นอกเหนือจากนี้ สิ่งที่สะดุดตาที่สุดของโลกนี้คือเทวรูปขนาดยักษ์องค์หนึ่ง เทวรูปนี้ตั้งตระหง่านโดยเท้าแช่อยู่กลางบ่อน้ำ สูงกว่าสามพันจั้ง ราวกับเป็นตัวตนค้ำสวรรค์ก็มิปาน

ทั่วทั้งร่างเป็นสีแดง ขณะที่มีรอยกระดำกระด่างเต็มไปหมด รูปร่างก็ดูเหมือนกับโครงกระดูกเผ่ามนุษย์เงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า ท่าทางมือก็ประหลาดอย่างมาก

มือข้างหนึ่งยกขึ้นเหมือนจะคว้าท้องนภา ส่วนอีกข้างหนึ่งกลับวางทาบไว้บนหน้าอก

ขณะเดียวกันบนเทวรูปนี้ยังมีรยางค์งอกออกมาอีกมหาศาล รยางค์เหล่านี้แผ่ออกไปรอบๆ ราวกับเส้นผ้าที่พลิ้วไหวไปตามลม มีดวงตาหลายดวงปรากฏขึ้นบนรยางค์นั้น หากมองดวงตาเหล่านั้นในความประหลาดนี้อย่างละเอียด ก็มองออกว่าด้านในมีโลกสะท้อนออกมาอยู่

โลกที่ต่างกันสะท้อนอยู่ในดวงตาเหล่านั้น ทำให้กลิ่นอายเทวรูปนี้สะเทือนฟ้าสะเทือนดิน แรงกดดันสั่นสะเทือนไปทั่วสารทิศ ราวกับร่วมกู่ร้องไปกับเผ่าสิงซากสมุทรทั้งหมดในที่นี้

เช่นเดียวกับเผ่าสิงซากสมุทรเหล่านี้ที่เป็นสิ่งที่เปลี่ยนมาจากกลิ่นอายที่แผ่ซ่านของเทวรูปองค์นี้ และตัวเทวรูปนี้เองที่เป็นต้นกำเนิดของพวกเขา

ขณะเดียวกันแรงกดดันที่นี่ก็มากกว่าโลกภายนอกอย่างเห็นได้ชัด อย่างน้อยก็มากกว่าสิบเท่า ทำให้ขวดเล็กในตัวสวี่ชิงระเหยเร็วขึ้นเช่นกัน

และบนหน้าของนายกองก็ปรากฏรอยแตกขึ้นเหมือนการปลอมตัวจะพังทลาย แต่ไม่รู้ว่าเขาทำอย่างไร รอยแตกถึงสมานกันอย่างรวดเร็ว แต่สวี่ชิงก็สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังที่ไม่มั่นคงบนตัวนายกองเล็กน้อย

เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็ไม่สามารถยืนหยัดอยู่ที่นี่ต่อได้นานนัก

ทั้งสองคนจิตใจสั่นสะท้าน

เทวรูปนี้ก็คือเทวรูปบรรพชนศพอันดับเจ็ดของเผ่าสิงซากสมุทรนั่นเอง

เก้าเทวรูปบรรพชนศพของเผ่าสิงซากสมุทรมีขนาดเล็กใหญ่แตกต่างกัน ลำดับเจ็ดนี้ไม่ถือว่าใหญ่ที่สุด แต่ใช่ว่าจะแข็งแกร่งที่สุด จะอย่างไรในฐานะที่เป็นหนึ่งในเก้าองค์ ฐานะในเผ่าสิงซากสมุทรก็ล้วนสูงส่งอย่างมาก

ต่อให้เป็นราชาเผ่าสิงซากสมุทรก็ตาม ทุกครั้งที่เข้ามาก็ยังต้องคารวะอย่างนอบน้อม

เพราะความลับการให้กำเนิดเผ่าสิงซากสมุทรแฝงอยู่ในเก้าเทวรูปนี้ ขณะเดียวกันของเหลวด้านในบ่อน้ำสีแดงที่ก่อตัวขึ้นใต้เทวรูปก็เป็นสิ่งจำเป็นในการแปรสภาพสมาชิกใหม่ของเผ่าสิงซากสมุทรออกมา ในขณะเดียวกันยังเป็นของเหลวศักดิ์สิทธิ์รักษาอาการบาดเจ็บอีกด้วย

ในบ่อน้ำสีแดงเวลานี้มีผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรนับสิบคนกำลังนั่งขัดสมาธิรักษาอาการบาดเจ็บอยู่

คนที่อ่อนแอที่สุดในนี้ก็ยังอยู่ระดับดวงไฟสองดวงทั้งสิ้น ดวงไฟสามดวงมีอยู่หนึ่งคน บนตัวล้วนมีบาดแผล เห็นได้ชัดว่าเพิ่งกลับมาจากแนวหน้า

พวกเขายังไม่เท่าไร สิ่งที่ทำให้สวี่ชิงกับนายกองจิตใจผันผวนแรงกล้าอย่างแท้จริงคือเด็กในชุดคลุมสีแดงทีนั่งขัดสมาธิอยู่บนมือซ้ายตรงหน้าอกเทวรูปนั่นต่างหาก!

สวี่ชิงเคยพบเด็กคนนี้แล้วที่หมู่เกาะไข่มุกก่อนหน้า

อีกฝ่ายก็คือผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรระดับแก่นลมปราณที่เดินทางมาหมู่เกาะไข่มุกในทะเลวันนั้น!

พอมาเห็นที่นี่ สวี่ชิงก็หันหน้าไปมองนายกอง

นายกองก็ตกตะลึงเช่นกัน ยิ้มขืนตอบกลับสวี่ชิง

เห็นได้ชัดว่าข่าวของเขาผิดพลาด บางทีที่นี่ผู้คุ้มกันคนก่อนคงถูกส่งออกไป แต่มีผู้คุ้มกันคนใหม่เข้ามา

สวี่ชิงนิ่งงัน เขารู้สึกว่าตนเองบ้าคลั่งเหลือเกิน ถึงได้ยอมเชื่อนายกองแล้วมาที่นี่ด้วย

สถานที่นี้ไม่เพียงแต่มีไฟสองดวงอยู่นับสิบคน ด้านนอกยังมีผู้บำเพ็ญอีกนับพัน ขณะเดียวกันยังมีแก่นลมปราณที่ตบตนเองให้ตายได้ด้วยฝ่ามือเดียวอยู่อีกในระยะห่างที่ใกล้แค่นี้

แม้อีกฝ่ายจะกำลังนั่งสมาธิ แต่ก็นึกภาพว่าถ้าอีกฝ่ายลืมตาแล้วมองพวกเขาอย่างละเอียด ไม่แน่ว่าอาจมองเส้นสนกลในออกได้ ถึงอย่างไรแรงกดดันที่นี่ก็ทำให้การอำพรางของพวกเขาค่อยๆ สึกหรอไปแล้วกว่าครึ่ง

ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าที่นี่คือเกาะดินแดนเผ่าสิงซากสมุทร ตำแหน่งที่ฐานที่มั่นอีกฝ่ายตั้งอยู่ จะปรากฏผู้แข็งแกร่งแบบใดก็ล้วนเป็นไปได้ทั้งนั้น…

สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก สะกดความตึงเครียดในใจเปลี่ยนเป็นความเด็ดขาด เขากัดฟันกรอด ในเมื่อมาแล้วก็ต้องเอาของดีกลับมาบ้างให้ได้

ขณะเดียวกันเขาก็สังเกตเห็นถึงความบ้าคลั่งที่เอ่อล้นขึ้นมาจากดวงตานายกอง ทั้งสองคนมองตากัน พุ่งไปเบื้องหน้าพร้อมกัน

จากจุดที่พวกเขาปรากฏตัวจนถึงบ่อน้ำมีระยะห่างอยู่ประมาณหลายร้อยจั้ง เวลานี้พอเดินไป ก็มีมือศพเน่าเปื่อยหลายข้างลอยขึ้นมาจากบนพื้นดิน

มือเหล่านี้ไม่ได้เข้ามาพัวพันพวกเขา แต่ยื่นออกมารองฝ่าเท้าของพวกเขา ทำให้สวี่ชิงกับนายกองค่อยๆ เดินเข้าใกล้บ่อน้ำได้ จนมาถึงที่นี่ มีผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรบนเสารอบๆ ไม่กี่คนที่ลืมตาหันมามอง

และไม่กี่คนที่ลืมตากวาดมองสวี่ชิงกับนายกอง หลังจากสังเกตเห็นว่าเป็นองค์หญิงสามก็เก็บสายตากลับไป

ส่วนเด็กระดับแก่นลมปราณคนนั้นไม่ได้ลืมตาขึ้นเช่นกัน

สิ่งนี้ทำให้สวี่ชิงโล่งใจ เขาเห็นนายกองเหยียบลงไปในบ่อน้ำอย่างรวดเร็ว หาจุดที่อยู่ใกล้กับสองเท้าของเทวรูป หลังนั่งลงขัดสมาธิ และยังคอยเปลี่ยนตำแหน่งอยู่ตลอด เหมือนคิดจะเข้าไปสัมผัสเทวรูปใกล้ๆ อย่างไรอย่างนั้น

สวี่ชิงไม่พูดจา ย่างลงไปในบ่อน้ำเช่นเดียวกัน พริบตาที่เข้าไปเขาก็สัมผัสได้ว่าในบ่อน้ำมีพลังประหลาดวูบหนึ่งอยู่ ไม่ใช่พลังวิญญาณ และไม่ใช่ไอพลังประหลาด

ดูคล้ายกับสิ่งบำรุงที่บริสุทธิ์มากกว่า และยังมีพลังวิญญาณแฝงอยู่ด้วย ทำให้สวี่ชิงที่แค่เดินเข้าไป ช่องเวทในร่างกายก็สั่นสะเทือนรางๆ ภาพนี้ทำให้สวี่ชิงแน่ใจทันทีว่าบ่อน้ำนี้มีส่วนช่วยเรื่องการเปิดช่องเวทอย่างมหาศาล

ดังนั้นเขาจึงนั่งลงอย่างรวดเร็ว กวาดตามองไปยังเผ่าสิงซากสมุทรที่รักษาอาการบาดเจ็บอยู่รอบๆ ลองสูดรับอย่างระมัดระวัง

สวี่ชิงรู้ว่าจะเปิดช่องเวทในนี้ไม่ได้ ไม่เช่นนั้นถ้าคลื่นพลังแผ่ซ่านจะชัดเจนเกินไป เพียงพริบตาคงถูกคนจับได้ ดังนั้นวิธีการที่ดีสุดคือบรรจุเอาไว้ก่อน

เมื่อบรรจุของเหลววิญญาณที่นี่ไว้ในร่างกายมากเพียงพอ หลังจากออกไป ค่อยทะลวงช่องเวทในพริบตา

ส่วนจะเปิดได้กี่ช่องเวทนั้นก็ต้องดูว่าสามารถบรรจุไว้ได้เท่าไร

สวี่ชิงดวงตาเผยความแน่วแน่ ในร่างกายโคจรพลังบำเพ็ญ กลิ่นอายสีแดงเป็นสายๆ ออกมาจากบ่อน้ำไหลเข้าไปในร่างกายของเขาพริบตา ค่อยๆ ไปรวมยังจุดตันเถียนของเขา

เมื่อของเหลววิญญาณสีแดงนี้ปรากฏขึ้นที่จุดตันเถียน ก็แผ่อานุภาพสั่นสะเทือนจิตวิญญาณออกมา ทำให้ช่องเวททั่วร่างสวี่ชิงที่ยังไม่เปิดออกสั่นสะเทือนขึ้นต่อเนื่องในจุดที่ซ่อนอยู่

ความปรารถนาวูบหนึ่งเอ่อล้นขึ้นอย่างแรงกล้าในใจสวี่ชิง

สวี่ชิงสะกดลมหายใจของตนเอง ตรวจสอบรอบด้านอย่างระมัดระวัง ทำการสูดรับต่อไป ความรู้สึกแอบขโมยของใต้จมูกศัตรูเช่นนี้…ตื่นเต้นเสียเหลือเกิน