ตอนที่ 44 ประลอง
หู่จื่อพาเฉียวเวยเข้าไปในเรือนของอู๋ต้าจิน

เรือนหลังเล็กแห่งนี้เชื่อมอยู่กับที่พักอาศัยของพวกเฉินต้าเตา ทว่ามันไม่ใช่บ้านของอู๋ต้าจิน แต่เป็นเพียง ‘ที่ทำงาน’ เท่านั้น ภรรยาของเขาแวะมาทำความสะอาดเป็นครั้งคราว มันจึงสะอาดกว่าเรือนของเฉินต้าเตามาก

เฉินต้าเตาผู้ถูกมัดทั้งตัวกำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นกลางห้องโถง ไม่กี่วันก่อนตอนพบกัน เขาท่าทางฮึกเฮิมยิ่งนัก แต่ตอนนี้ใบหน้ากลับเขียวช้ำ เนื้อตัวเต็มไปด้วยคราบสกปรก

เฉียวเวยละสายตาจากเขาอย่างรวดเร็ว แล้วมองชายฉกรรจ์รอบด้าน พวกเขามีทั้งหมดยี่สิบเก้าคน เป็นคนของเฉินต้าเตาสิบคน อีกสิบเก้าคนเป็นคนของอู๋ต้าจิน หากมีการต่อสู้เกิดขึ้นแทบไม่มีโอกาสชนะ

ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ตรงตำแหน่งเจ้าบ้านคงเป็นอู๋ต้าจิน เขาดูกำยำกว่าที่คิดไว้มาก รูปหน้าสี่เหลี่ยม ผิวสีดำคล้ำ หน้าตาดุร้าย

เฉียวเวยเพิ่งถามหู่จื่อจนเข้าใจว่าเหตุใดอู๋ต้าจินจึง ‘เคียดแค้น’ ตน ที่แท้เป็นเพราะถนนที่ตั้งแผงขายของเส้นนั้นเป็นถิ่นของพรรคชิงหลง ร้านแผงลอยที่นั่นทุกร้านต้องจ่ายค่าคุ้มครองให้พรรคชิงหลง มีแต่นางที่ไม่จ่ายเงิน

ความตั้งใจเดิมของอู๋ต้าจินคือให้อันธพาลสามคนไปสั่งสอนนาง แล้วค่อยออกมารีดไถค่าคุ้มครองจากนาง ผู้ใดจะคิดว่ายังไม่ทันถึงขั้นนั้นก็ถูกนางฟ้องร้องจนถูกจับเข้าคุกของศาลาว่าการ

อู๋ต้าจินใช้อำนาจบาตรใหญ่อาละวาดมาหลายปี ไม่มีผู้ใดกล้าแจ้งทางการ เฉียวเวยเป็นคนแรก

มิหนำซ้ำนายอำเภอผู้นั้นก็เป็นขุนนางหัวแข็งอีก อู๋ต้าจินอยู่ในคุกต้องลำบากสารพัด ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาไม่แค้นเฉียวเวยได้หรือ

เมื่อถูกปล่อยจากคุก กลับมารู้ว่าพี่น้องที่ตนไว้ใจไม่เพียงไม่แก้แค้นให้ตน แต่ยังขโมยรถม้าไปให้เฉียวเวยอีก จะให้เขากล้ำกลืนความแค้นนี้ได้เช่นไร

เขาไม่แทงเฉินต้าเตาตายทันทีก็นับว่าเขาปรานีมากแล้ว!

“พี่ต้าจิน ข้าจับ…นางคนนั้นกลับมาแล้ว!” หู่จื่อแสร้งทำเป็นนิ่งสงบ

เฉินต้าเตาสะดุ้งโหยง หันกลับไปมองเฉียวเวยที่อยู่ด้านหลังอย่างตกตะลึง

สายตาของอู๋ต้าจินเคลื่อนมาจับบนร่างเฉียวเวย

เสื้อผ้าหนาเตอะ ใบหน้าผ่ายผอม ผิวขาวเช่นหญิงสาวในเมือง แววตาเย็นชา มิใช่สตรีผู้งดงามจนต้องหยุดหายใจ แต่มีลักษณะบางประการที่อธิบายไม่ถูก

ดวงตาของอู๋ต้าจินหรี่ลงเล็กน้อย “เจ้าคือผู้หญิงสารเลวคนนั้นหรือ”

เฉียวเวยถามกลับ “แล้วท่านคือเต่าหดหัวคนนั้นใช่หรือไม่”

พรืด!

ไม่รู้ว่าผู้ใดกลั้นไม่ไหว เผลอหัวเราะออกมา

อู๋ต้าจินทำหน้าถมึงทึง กวาดสายตามองผู้คนอย่างเย็นชา ทุกคนต่างปั้นหน้าเคร่งขรึมจนสังเกตุความผิดปกติอย่างใดมิได้อีก

เขามองเฉียวเวยอีกครั้ง แล้วพูดอย่างดูแคลน “เจ้ากล้ามาก กล้ามารนหาที่ตาย”

เฉียวเวยเอ่ยตอบอย่างไม่ยี่หระ “ข้าคนนี้น่ะ เคยหาทองได้ เคยหาเงินได้ แต่ไม่เคยหาที่ตายเจอเสียที ไม่รู้ว่าพี่ต้าจินจะมีความสามารถพอหรือไม่”

“ปากดี!”

“มิกล้า มิกล้า” เฉียวเวยแสยะยิ้ม “พี่ต้าจินเป็นชาวยุทธภพ ข้าเป็นเพียงสตรีตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ก่อนนี้หากเคยมีที่ใดล่วงเกิน หวังว่าพี่ต้าจินจะใจกว้างไม่ถือสา”

“เพิ่งมาขอโทษตอนนี้หรือ สายไปแล้ว!”

“พี่ต้าจินฟังไม่ออกหรือว่าข้าเพียงพูดตามมารยาท”

ฮ่าๆ !

หลายคนที่ยืนอยู่ด้านล่างกลั้นเสียงหัวเราะไม่อยู่

อู๋ต้าจินโทสะอัดแน่นเต็มอก เขาฟาดฝ่ามือใส่โต๊ะน้ำชาจนโต๊ะแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย คนทั้งห้องเงียบกริบ

สีหน้าของเฉียวเวยไม่เปลี่ยนสักนิด นางเอ่ยอย่างสุขุม “ข้าจะพูดสั้นๆ ข้ามาวันนี้เพราะต้องการสะสางความแค้นกับพี่ต้าจิน ในเมื่อพี่ต้าจินเป็นชาวยุทธภพ พวกเราก็ทำตามกฎของยุทธภพ ไม่ทราบว่าพี่ต้าจินคิดเห็นเช่นไร”

สาวน้อยหน้าละอ่อนนางหนึ่งมาพูดถึงกฎของยุทธภพกับเขา อยากจะขำให้ฟันร่วงจริงๆ!

อู๋ต้าจินกล่าวตอบ “สาวน้อย อย่าหาว่าพี่ต้าจินไม่เตือนเจ้า หากเจ้ายอมโขกศีรษะให้พี่ต้าจินสักสองสามหน นอนเป็นเพื่อนพี่น้องทั้งหลายสักคืน ความแค้นก่อนหน้านี้ข้าจะถือว่าไม่เคยเกิดขึ้น แต่หากเจ้ารั้นจะทำตามกฎของยุทธภพจริงๆ…จะมาเปลี่ยนใจทีหลังไม่ได้แล้วนะ”

เฉียวเวยตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน “คำพูดขู่เด็กน้อยเช่นนี้ พี่ต้าจินพูดให้น้อยหน่อยเถิด ตกลงว่ากล้า หรือไม่กล้า ตอบมาคำเดียว”

พูดถึงขนาดนี้ หากอู๋ต้าจินไม่รับสาส์นท้ารบของนางก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว “เจ้าจะประลองอันใด”

หนึ่งเค่อต่อมา ทุกคนก็มาอยู่ที่บ่อนพนันใต้ดินของเมืองซีหนิว

ช่วงวันตรุษ กิจการบ่อนพนันไม่ค่อยดีนัก บรรยากาศเงียบเหงา มีคนอยู่เพียงไม่กี่คน มากกว่าครึ่งเป็นคนที่ยังไม่กลับเพราะเมาค้างจากเมื่อคืนวาน

เห็นชัดว่าอู๋ต้าจินเป็นแขกประจำของที่แห่งนี้ เมื่อก้าวเข้ามาในห้อง นักพนันทั้งหลายก็ทยอยทักทายเขาทีละคน ทว่าเมื่อพวกเขาเห็นหญิงสาวชาวบ้านข้างกายอีกฝ่าย ก็เผยสีหน้าประหลาดใจพร้อมกันโดยมิได้นัด

บ่อนพนันหาใช่สถานที่สำหรับสตรี!

อู๋ต้าจินมาหน้าโต๊ะยาวที่เล่นไพ่เก้า นักพนันที่กำลังจั่วไพ่เห็นเขาก็ตกใจ กระวีกระวาดสละที่นั่งให้ทันที

อู๋ต้าจินนั่งลงอย่างสง่าผ่าเผย แล้วส่งสายตาบอกให้เฉียวเวยนั่ง เฉียวเวยจึงนั่งลงตาม

ทั้งสองไม่รีบร้อนเริ่มเล่น แต่นั่งอย่างอดทนราวกับรอใครบางคน

ไม่นานบริเวณโดยรอบก็เต็มไปด้วยนักพนัน

เฉียวเวยดื่มน้ำชาถ้วยที่สองหมด ในที่สุดคนที่พวกเขารอคอยก็มาถึง เขาเป็นบุรุษรูปร่างสูงผอมอายุราวสี่สิบปี ทุกคนเรียกเขาว่าพี่จ้าว

ก่อนอู๋ต้าจินรับช่วงต่อพรรคชิงหลง พี่จ้าวเคยเป็นลูกพี่ใหญ่ของแถบนี้ ภายหลังเขาบาดเจ็บที่ขา จึงล้างมือในอ่างทองคำแล้วมาเปิดร้านน้ำชาในตัวเมือง หากกล่าวถึงอำนาจ เขาไม่มีอำนาจอีกแล้ว แต่บารมียังอยู่ ยามอู๋ต้าจินพบเขาก็ยังต้องเรียกขานว่าพี่จ้าวอย่างเกรงอกเกรงใจ

“พี่จ้าว” อู๋ต้าจินขยับตัวจะลุกขึ้น

พี่จ้าวกดไหล่ของเขา “นั่งเถอะ”

เขาเหลือบมองสตรีเพียงคนเดียวในบ่อนพนัน ดวงตาฉายแววจริงจัง “ระหว่างทางมาหู่จื่อเล่าเรื่องของพวกเจ้าให้ข้าฟังแล้ว วันนี้ ข้าจะเป็นพยานให้เจ้าทั้งสองคน ไม่ว่าหลังจากนี้จะเกิดสิ่งใดขึ้น เมื่อออกจากบ่อนพนันแห่งนี้แล้ว พวกเจ้าไม่มีความแค้นต่อกันอีก ว่าอย่างไรต้าจิน”

อู๋ต้าจินยิ้มพลางกล่าวว่า “ต้องไว้หน้าพี่จ้าวอยู่แล้วขอรับ”

“แม่นางเล่า” พี่จ้าวมองเฉียวเวย

เฉียวเวยพยักหน้า

“พวกเจ้าจะเล่นอะไร ลูกเต๋าหรือไพ่เก้า” พี่จ้าวถาม

ทักษะการเล่นพนันของอู๋ต้าจินเป็นที่เลื่องลือในเมืองซีหนิว ไม่ว่าจะเล่นอะไรก็ตาม เขาย่อมชนะ เขามองเฉียวเวยอย่างลำพองใจ “เปลี่ยนใจตอนนี้ก็ยังไม่สาย”

เฉียวเวยคร้านจะสนใจเขา นางนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยขึ้นว่า “ข้าเลือกไพ่เก้า”

เสียงฮือฮาดังขึ้นรอบๆ ไพ่เก้าเป็นสิ่งที่อู๋ต้าจินเชี่ยวชาญที่สุด ห้าปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยพ่ายแพ้ให้แก่ผู้ใด สตรีนางนี้ต้องตายแน่

มีผู้คนมาร่วมชมความสนุกมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่นานบ่อนพนันที่เงียบเหงาก็คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย

อู๋ต้าจินหยิบถุงเงินออกมาจากอกเสื้อแล้วโยนลงบนโต๊ะ “ของเจ้าเล่า แม่นางน้อย”

เฉียวเวยอุ้มเพียงพอนหิมะตัวหนึ่งออกมาจากห่อผ้า แล้ววางลงตรงตำแหน่งของเดิมพัน

ตอนแรกทุกคนตะลึง จากนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะ!

เฉียวเวยกวาดสายตามองทุกคน “บ่อนพนันมีกฎว่าต้องเดิมพันด้วยเงินเท่านั้นหรือ”

แน่นอนว่าไม่มีกฎเช่นนั้น เมื่อคนแพ้เข้าตาจน ไม่ว่าเสื้อผ้า รองเท้า ภรรยาหรือลูก ล้วนนำมาเดิมพันบนโต๊ะพนันได้ทั้งสิ้น

อู๋ต้าจินยิ้มอย่างชั่วร้าย “หลังจากเสียสุนัขตัวนี้ เจ้ายังมีอะไรมาเดิมพันอีกเล่า หากไม่มี คงได้แต่เปลื้องผ้าแล้ว”

เขาพูดจบก็หลิ่วตากับผู้คนอย่างหยาบโลน ทุกคนมองเฉียวเวยราวกับสุนัขป่าหิวโหย แทบอดใจรออู๋ต้าจินชนะจนนางไม่เหลือเสื้อผ้าสักชิ้นไม่ไหว!

สีหน้าของเฉียวเวยไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย นางนิ่งสงบราวกับว่าคนที่พวกเขากำลังพูดถึงมิใช่ตนเอง “มันไม่ใช่สุนัข แต่เป็นเพียงพอน”

พี่จ้าวหยิบไพ่สำรับหนึ่งขึ้นมา “เริ่มกันเถิด”

ไพ่เก้าแบ่งออกเป็นสองประเภท พวกที่ทำจากกระดูกสัตว์และไม้ไผ่เรียกว่าไพ่กระดูก ส่วนที่ทำจากงาช้างเรียกว่าไพ่งาช้าง

ไพ่งาช้างราคาแพง บ่อนพนันส่วนใหญ่ซื้อไม่ไหว สำรับที่พี่จ้าวสับไพ่อยู่ในมือก็คือไพ่กระดูก

การเล่นไพ่เก้ามีหลายวิธี วิธีที่ง่ายที่สุดคือจั่วไพ่สองตัว จากนั้นแข่งแต้มว่ามากหรือน้อยกว่าเจ้ามือ แต่วันนี้ไม่มีเจ้ามือ เฉียวเวยกับอู๋ต้าจินแข่งแต้มกันสองคนก็พอแล้ว

หากไพ่สองตัวเป็นคู่กัน ให้วัดจากลำดับของไพ่คู่ จากใหญ่ไปเล็กได้แก่ คู่ฟ้า คู่ดิน คู่คน คู่ประสาน คู่ดอกเหมย คู่ยาว คู่ม้านั่ง คู่ขวาน…[1]

หากไม่ใช่ไพ่คู่ จะแข่งจำนวนแต้มหลังจากนำแต้มมาบวกกัน

สิ่งที่ต้องบอกไว้ก่อนก็คือ ไพ่เก้าไม่ได้นับแต้มรวมทั้งหมด แต่จะนับเฉพาะหลักหน่วยหลังการบวกเท่านั้น

ตัวอย่างเช่น เจ็ดแต้มรวมกับสิบแต้ม จะนับว่ามีเจ็ดแต้มเท่านั้น

สามแต้มบวกห้าแต้มคือแปดแต้ม ฝ่ายที่ได้แปดแต้มจะเป็นผู้ชนะ

ดังนั้นการจั่วไพ่ได้แต้มเยอะใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี และการจั่วไพ่ได้แต้มน้อยก็มิได้แย่เสมอไป

อย่างไรก็ตามนางเป็นเพียงสตรีคนหนึ่ง พี่จ้าวรู้สึกทนดูไม่ได้อยู่เล็กน้อย เขาจึงเพิ่มกฎขึ้นมาหนึ่งข้อ “แต่ละคนมีโอกาสล้มกระดานได้คนละสองครั้ง การล้มกระดานหมายความว่ากระดานนี้เป็นโมฆะ ไม่ต้องรับผลใดๆ จากรอบนั้น”

อู๋ต้าจินมั่นใจมากว่าจะชนะ จึงไม่ถือสาหากจะยอมให้นางสักสองตา เขายิ้มอย่างชั่วร้าย “พี่จ้าวหนอพี่จ้าว ท่านกลายเป็นคนขี้สงสารและหวงแหนหยกงามตั้งแต่เมื่อใด”

เฉียวเวยมองอู๋ต้าจิน “อีกประเดี๋ยวอย่าลืมขอบคุณพี่จ้าวเล่า เขาอุตส่าห์ซื้อโอกาสต่อลมหายใจให้ท่านถึงสองหน”

รอยยิ้มของอู๋ต้าจินแข็งค้าง!

“เอาล่ะ เริ่มกันเถิด” พี่จ้าวหยิบลูกเต๋าออกมาแล้วให้เฉียวเวยและอู๋ต้าจินเลือกว่าเป็นคู่หรือคี่

เฉียวเวยเลือกคี่

พี่จ้าวทอยลูกเต๋าออกมาเป็นจำนวนคี่ เฉียวเวยจึงได้เริ่มก่อน

[1] ชื่อของไพ่คู่ในเกมไพ่เก้า 1.ไพ่ฟ้า คือไพ่ที่มี 6 แต้มกับ 6 แต้ม (ไพ่ในเกมไพ่เก้า มีทั้งตัวที่มีแต้มสีเดียวทั้งหมด หรือตัวที่มีแต้มสองสี เช่นแบ่งเป็นสีขาวกับแดงหรือสีขาวกับดำ กรณีไพ่ฟ้ามีสองสี สีละ 6 แต้ม)

  1. ไพ่ดิน มี 2 แต้ม

3.ไพ่คน มี 8 แต้ม

4.ไพ่ประสาน มี 1 แต้มกับ 3 แต้ม

5.ไพ่ดอกเหมย มี 10 แต้ม

6.ไพ่ยาวหรือไพ่ยาวสาม มี 6 แต้ม

7.ไพ่ม้านั่ง มี 4 แต้ม

8.ไพ่ขวาน มี 11 แต้ม

9.ไพ่หัวแดง มี 4 แต้มกับ 6 แต้ม

10.ไพ่หนึ่งหกหรือไพ่ต่อขา มี 1 แต้มกับ 6 แต้ม

11.ไพ่หนึ่งห้าหรือไพ่หลิงหลินหรือไพ่ค้อน มี 1 แต้มกับ 5 แต้ม