บทที่ 140 เปลี่ยนประเด็น

เจ้าของร้านพิศวง

ไวลด์เด้งตัวลุกขึ้นจ้องเงาบนโต๊ะที่ดูจะมีชีวิตชีวาขึ้นมาครู่หนึ่ง

คนทั่วไปคงไม่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงชั่ววูบแบบนั้น เงานั้นดูจะขยับเล็กน้อยเมื่อหยดน้ำกระเซ็นไปโดนมัน แต่มันก็หายไปอย่างรวดเร็ว

และต่อให้พวกเขาสังเกตเห็นมัน คนส่วนใหญ่รวมไปถึงผู้มีพลังเหนือธรรมชาติส่วนใหญ่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่านั่นคืออะไร

ทว่าในฐานะของนักเวทมนตร์ดำอันรอบรู้ ไวลด์พอจะรู้เกี่ยวกับความลึกลับที่หาได้ยากที่สุดของแดนแห่งเงาอยู่บ้าง

ด้วยระดับความแข็งแกร่งของตัวเอง มีผู้มีพลังเหนือธรรมชาติเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถย่องมาอยู่ใต้จมูกเขาโดยไม่ถูกตรวจพบได้ ต่อให้พวกเขาจะอยู่ในระดับเหนือนภาก็ตามที

และบังเอิญว่าสิ่งมีชีวิตในเงาคือหนึ่งในนั้น

มีใครบางคนใช้ภูตเงามาวางยาพิษในน้ำแก้วนี้ โชคดีที่วันนี้เจ้าของร้านหลินแวะมาหาพอดี ไม่อย่างนั้นเราคงหลงกลแน่

ไม่! ไม่! ไม่เลย!

เจ้าของร้านหลินต้องรู้อยู่ก่อนแล้วแน่ ๆ แล้วมาที่นี่เพื่อช่วยชีวิตเราด้วยตัวเอง ในระหว่างนั้นเขายังช่วยชี้ทางที่ถูกต้องในการทำพิธีบวงสรวงให้เรา แล้วกระทั่งมาเตือนเราด้วย…

ความรู้สึกขอบคุณของไวลด์ต่อหลินเจี๋ยนั้นไม่อาจวัดได้ เมื่อคิดว่าตัวเองถูกช่วยชีวิตไว้สองครั้งแล้ว ความปรารถนาของไวลด์ที่จะตอบแทนหลินเจี๋ยยิ่งรุนแรงขึ้นไปอีก

แต่จากนั้นเขาก็สงสัย แดนแห่งเงาและโลกจริงนั้นควรจะแยกจากกัน แล้วภูตเงาจะถูกพิษในน้ำได้อย่างไร?

แล้วเขาก็จำได้ว่าในตอนนั้นมีกลิ่นเลือดจาง ๆ โชยออกมาจากในเงานั่น เป็นสิ่งที่ภูตเงาที่สร้างจากเงา และไม่มีเลือดเนื้อไม่ควรจะมี

กลิ่นเลือดนั่นมาจากไหนกัน? มันไม่สมเหตุสมผลเลย!

ดวงตาของไวลด์มืดดำลงเมื่อเขาจ้องไปที่เศษแก้ว

นี่หมายความว่าภูตเงานี้ไม่ได้ถูกบงการ แต่ใครสักคนได้ทำการทดลองสังเคราะห์มันขึ้นมา

ในฐานะนักเวทมนตร์ดำที่เจนจัดในศาสตร์การสร้างอยู่แล้ว ไวลด์ย่อมรู้ว่าการสังเคราะห์ร่างนี้อันตรายและชุ่ยแค่ไหน การทดลองนี้ไม่ได้สนใจหลักเหตุผลและคาดว่าผลผลิตก็เป็นเพียงของใช้แล้วทิ้งที่มีอายุขัยสั้น

แต่มันก็เป็นความคิดที่ดีเอาเรื่องอยู่ โดยเฉพาะในด้านการลอบสังหาร…หากของพวกนี้สร้างขึ้นได้ทีละมาก ๆ ละก็ ประสิทธิผลคงน่ากลัว จะเป็นไปได้ไหมว่าการลอบสังหารผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับสูงที่ไม่สามารถอธิบายได้นั้นจะเป็นเพราะพวกเขาตกเป็นเหยื่อภูตเงาสังเคราะห์พวกนี้?

หรือนี่คือตัวตนที่แท้จริงของพวก ‘มือสังหารเงา’ ที่เขาว่ากันนั่น?

ไวลด์จ้องเศษแก้วแตก ๆ พวกนั้นเขม็งเสียจนหลินเจี๋ยอับอายหนักขึ้นไปอีก

อะแฮ่ม…มันเป็นอุบัติเหตุ ผมไม่เกี่ยวนะครับ!

เขาแค่ดีดเหรียญและบังเอิญว่ามันร่วงไปโดนแก้วน้ำ แล้วใครจะรู้ว่าแก้วจะเปราะบางเสียจนมันแตกเป็นเสี่ยง ๆ ไปอย่างนั้นกัน นี่เหรียญมันแข็งเกินไปหรือแก้วมันเปราะเกินไปกันแน่?

แล้วตอนนี้ ดูสิว่านายทำอะไรลงไป…หลินเจี๋ยคิดกับตนเอง

แต่เดิมเขาอยากจะคุมแรงแล้วดีดให้หน้า ‘เคราะห์ร้าย’ หงายขึ้นเพื่อกล่อมเฒ่าไวลด์ไม่ให้ไป ทว่าสถานการณ์เกินคาดนี้ได้เกิดขึ้นแล้ว หน้า ‘เคราะห์ร้าย’ หงายขึ้นจริง แต่มันก็ไปโดนแก้ว เพราะอย่างนั้นเลยถือจริงจังไม่ได้

ยิ่งไปกว่านั้น หลินเจี๋ยยังไม่ค่อยได้ออกไปไหนด้วย แต่พอชายหนุ่มออกมาเยี่ยมลูกค้าแล้วลองดีดเหรียญทำนายแล้วดันไปทำแก้วเขาแตก สถานการณ์นี้นี่มันน่ากระอักกระอ่วนเกินไปแล้ว!

เฒ่าไวลด์ดูไม่ชอบใจเท่าไหร่ เขาคงไม่ได้จะขอให้เราชดใช้…ใช่ไหมนะ?

“แค่ก ๆ เอ่อ เฒ่าไวลด์ครับ มันเป็นอุบัติเหตุนะครับ อ่า…ผมก็ไม่เคยคาดฝันเหมือนกันว่าจะเกิดเรื่องนี้ขึ้น คุณเองก็เช่นกันใช่ไหมครับ?”

“ดูเหมือนว่าเหรียญนี่จะแม่นเอาการ ผมรู้สึกโชคไม่ดีจริง ๆ ด้วย…เฮ้อ ช่างมันเถอะ ผลครั้งนี้ไม่นับนะครับ เราลองใหม่กันดีกว่า”

หลินเจี๋ยที่อับอายเดินเข้ามาจะหยิบเหรียญที่กลิ้งไปด้านข้าง ในขณะที่เขาปัดฝุ่นออกจากมัน เขาก็พยายามเปลี่ยนประเด็น “จะว่าไป เพื่อนเก่าของคุณโจเซฟพบร่องรอยของคุณที่ซอย 52 และตอนนี้กำลังหาตัวคุณอยู่นะ คุณจะยังซ่อนตัวจากเขาอีกหรือเปล่าครับ?”

เราเชื่อว่าเขาคงคิดว่าเรื่องของเพื่อนเก่าน่าสนใจกว่า…อย่างน้อยก็น่าสนใจกว่าแก้วแตก ๆ แหละมั้ง!

ไวลด์ในตอนนี้ยื่นมือของเขาออกไป เผยให้เห็นมีดพิธีกรรมที่แลบออกมาจากในชุดดำของเขา ปลายมีดที่คมกริบแตะเข้ากับน้ำและเงาบนโต๊ะ ทำให้ลวดลายอันละเอียดอ่อนของมันเรืองแสงสีแดงขึ้นขณะที่มันดูดซับร่องรอยของยาพิษในน้ำเข้าไป

มีดพิธีกรรมนั้นเป็นอุปกรณ์เวทมนตร์ที่จำเป็นสำหรับนักเวทมนตร์ดำ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ในพิธีบวงสรวง การโจมตี การใช้คาถาหรือเวทมนตร์อื่นใด

เขาใช้มีดพิธีกรรมเป็นสื่อเพื่อวิเคราะห์พิษในน้ำและเข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่านี่คือฝันร้ายของใครก็ตามที่ใช้เวทมนตร์ ‘เสียงแห่งกรรม’

ผู้ใช้เวทมนตร์มักจะใช้อีเธอร์เพื่อเสริมปัญญาของตน จิตใจของพวกเขาก็ตื่นตัวและอ่อนไหวกว่าผู้มีพลังเหนือธรรมชาติคนอื่น ๆ หลายเท่า หากถูก ‘เสียงแห่งกรรม’ สัมผัสเข้า ผู้ใช้เวทมนตร์นั้นแทบจะต้องตายอย่างแน่นอน และเป็นการตายที่อเนจอนาถที่สุดอีกด้วย

โหดร้ายจริง ๆ

ไวลด์ต้องกลายเป็นเสี้ยนหนามขวางทางใครสักคนแน่ ๆ การพยายามลอบสังหารแบบนี้จึงถูกส่งมาหาเขา เขากบดานเงียบ ๆ มานาน ชนวนเหตุที่เป็นไปได้ก็มีแค่การเคลื่อนไหวของเขาที่ทำลายเฮริส หมาป่าขาวและลัทธิสีชาด

เรื่องนี้ต้องซับซ้อนกว่าที่เห็น และมีใครสักคนอยู่เบื้องหลังมันแน่นอน

แค่โชคร้ายที่มือสังหารเงาถูกเปิดโปงโดยเหรียญแห่งโชคชะตาของเจ้าของร้านหลินและถูกผลของ ‘เสียงแห่งกรรม’ เสียเอง

มือสังหารนั่นคงเสียจิตใจของมันไปแล้ว ไม่งั้นอย่างน้อยที่สุดเราคงอาจจะสอบสวนสักหน่อยได้…

ดวงตาของไวลด์หรี่ลง ราวกับลูกปัดสีเขียวเข้มที่สะท้อนแสงเย็นเยียบ

เมื่อได้ยินสิ่งที่หลินเจี๋ยพูด มุมปากของไวลด์ก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเล็กน้อย “โจเซฟ…นั่นเป็นชื่อที่ผมไม่ได้ยินมาสักพักแล้ว ผมไม่ได้ซ่อนตัวจากเขาเลยครับ เขาเป็นเพื่อนเก่าที่เจอกันอยู่บ่อยจริง ๆ แค่ว่าช่วงนี้ผมไม่ค่อยว่างเท่าไหร่…”

“ถ้าผมมีเวลา ผมจะให้เขาต้องชดใช้สำหรับช่วงเวลาทั้งหมดนี่…”

สุดท้ายแล้วเฒ่าไวลด์ก็ยังผูกใจเจ็บกับโจเซฟอยู่จริง ๆ ด้วย

ถึงเราจะไม่รู้ก็เถอะว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างพวกเขา แต่ดูมันจะร้ายแรงอยู่ถ้าเฒ่าไวลด์จะเคืองอยู่นานขนาดนี้

แต่ที่สำคัญกว่านั้น…คือเราเปลี่ยนประเด็นได้แล้ว!

หลินเจี๋ยถอนหายใจโล่งอกแล้วกลับไปยังที่นั่งของตน มองไปรอบ ๆ แล้วเขาก็พบผ้าที่วางอยู่ใต้ถ้วยชาแล้วใช้มันหยิบเศษแก้วโยนลงถังขยะไปอย่างระมัดระวัง

“ผ่านมาหลายปีแล้ว เรื่องบางเรื่องก็ควรจะลืมไปได้แล้วนะครับ เพราะถึงอย่างไร เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือการทำให้ตัวเองมีความสุขเข้าไว้”

ไวลด์เก็บมีดพิธีกรรมของเขาไปแล้วพยักหน้า “เข้าใจแล้วครับ คุณพูดถูก ผมจะไม่ไปหาเขาก่อนตราบใดที่เขาไม่มาหาผม แต่ถ้าเขามา ผมจะไม่ทำแค่นั่งรอเฉย ๆ นะครับ”

เจ้าของร้านหลินไม่อยากจะเสียลูกค้าจริง ๆ ด้วย เพราะถึงอย่างไร วิญญาณของแคนเดลาที่ถูกอัญเชิญมาในตอนนั้นก็คงจะมาจากดาบปีศาจของโจเซฟ แต่คนที่เรียกใช้มันไม่น่าใช่เขา หอพิธีกรรมต้องห้ามพบร่องรอยของเราแล้ว และคงไม่นานก่อนที่เรากับเจ้าเพื่อนเก่านี่จะได้เจอกันอีกครั้ง

หลินเจี๋ยเองก็เข้าใจว่าความเข้าใจผิดระหว่างเพื่อนเก่าคู่นี้คงไม่ถูกแก้ได้ง่าย ๆ แค่เพราะคำพูดสองสามคำแน่ แต่ว่า…ตราบใดที่เปลี่ยนประเด็นได้ก็พอแล้วล่ะ

เขายังมีความสงสัยอยู่ และเพราะเช่นนั้นเขาจึงถาม “โอ้ จริงด้วย คุณไปทำอะไรกันแน่…ตอนที่คุณอยู่ที่ซอย 52 น่ะครับ?”

ก่อนที่หลินเจี๋ยจะทันพูดจบ ไวลด์ก็โพล่งออกมาอย่างตื่นเต้น “ผมจะแสดงผลลัพธ์ของมันเดี๋ยวนี้แหละครับ คุณจะไม่ผิดหวังแน่นอน!”

มีเสียงที่ชวนให้ขนลุกดังมาจากหลังฉากกั้นห้อง ตามมาด้วยเสียงที่เหมือนเสียงหอบและเสียงกัดของสัตว์ป่าตัวหนึ่ง

กรร…กร้วม!