ตอนที่ 191 หมากัดกัน

สามีข้า คือพรานป่า

สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 191 หมากัดกัน

ตอนที่ 191 หมากัดกัน

ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านตะลึง “ที่เมื่อกี้เจ้าก้มหน้าแล้วแสดงท่าทางเขินอายไม่ใช่เพราะคุณชายจางชอบเจ้าหรอกหรือ?”

“อีกอย่างคุณชายจางเป็นบัณฑิตที่สอบซิ่วไฉเมื่อรอบที่ผ่านมาแต่เพราะเขาปวยจึงไม่ได้เข้าร่วมการสอบ หากเขาเข้าร่วม ด้วยความสามารถขนาดนี้ เขาจะต้องสอบผ่านแน่นอน! หากฝักใฝ่ตั้งใจเขาจะได้ต้องเป็นขุนนางตามที่หวังไว้ แล้วเจ้าก็จะเป็นภรรยาของขุนนาง! มันดียิ่งกว่าครอบครัวพ่อค้าอีกไม่ใช่หรือ”

“ท่านแม่ ท่านเชื่อจริงๆ หรือ? มันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร? การที่เขากำลังจะสอบซิ่วไฉแต่เกิดปวยขึ้นมา เพราะเขารู้ว่าตัวเองต้องสอบไม่ผ่านเลยจงใจแกล้งปวยยังไงล่ะ! ถึงอย่างไรข้าก็ไม่แต่งงานกับคุณชายจาง แม่เคยรับปากว่าจะไม่บังคับข้า!”

คราวแรกภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านมั่นใจนักหนาว่าลูกสาวของตนจะต้องตกหลุมรักคุณชายจางตั้งแต่แรกพบ ดังนั้นนางจึงตอบตกลงกับลูกไปโดยไม่ทันคิด แต่ใครจะรู้เล่าว่าสวรรค์จะไม่เข้าข้างเช่นนี้

อย่างไรเสียหากภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ ชีวิตของนางก็คงจะไร้ค่าไปอีกหลายปีแน่!

หลังจากนั้นไม่นานนัก นายน้อยหลี่เดินเข้ามาในร้านเพื่อบอกว่าที่นี่ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับลูกสาวของนางแม้แต่น้อย ทว่าภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านไม่คิดเชื่อคำกล่าวของเขา!

คราแรกเฉินไฉบอกกับนางชัดเจนว่าไม่ชอบคุณชายจาง ทว่าตอนนี้กลับเผยท่าที่เขินอายและประหม่าอย่างล้นพ้นเมื่อนายน้อยหลี่ปรากฏตัว

เมื่อนางเหลือบไปเห็นลูกสาวกระทำเช่นนั้น คราแรกนางพลันปลื้มปริ่มเพราะคิดว่าลูกสาวกลับใจ ทว่าเมื่อตรวจสอบให้ดีจึงพบว่าลูกสาวของตนส่งสายตาให้นายน้อยหลี่ต่างหาก อีกทั้งราวกับว่าทั้งคู่สนใจกันและกัน!

หากเธอปฏิเสธลูกพี่ลูกน้อง ก็เกรงว่าจะกลายเป็นโดนเย้ยหยัน

“เฉินไฉอี คุณชายจางเป็นอย่างไรบ้าง? ข้าสืบข่าวมาแล้ว หากเขาเข้าร่วมการสอบในปีนี้ เขาจะต้องสอบผ่านแน่นอน แต่หากเขาสอบผ่าน คงไม่มีทางมาชอบสาวชาวนาเช่นเจ้าหรอก”

เมื่อเฉินไม่ได้ยินอย่างนั้นเผยสีหน้ารังเกียจออก “ได้ยินเรื่องอะไรมา? ทั้งหมดเป็นเพียงข่าวลือ แม่ไม่ได้เห็นกับตาสักหน่อย ดูท่าทางของเขาเมื่อครู่สิ ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษสักนิด แม้แต่ความมั่นใจก็ไม่มี!”

“อีกอย่างคือเขาไม่อาจเทียบเทียมกับนายน้อยหลีได้เลย อีกฝ่ายไม่เพียงหล่อเหลา แต่ยังมีสง่าราศีและดูเป็นบุรุษที่แท้จริง”

ในตอนนั้นเองที่ผู้เป็นแม่เริ่มโมโห “ข้างกายของนายน้อยหลี่มีสตรีรายล้อมมากมาย เจ้าจะไปถวายตัวให้คนเช่นนั้นได้อย่างไร? นายน้อยหลี่เคยชายตามองเจ้าบ้างหรือไม่ ลองเปิดตาให้กว้างและมองดู!”

แต่ไม่ว่านางจะกล่าวเช่นไร ลูกสาวตัวดีก็แสร้งทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยินสิ่งใดจนกระทั่งกลับมาถึงบ้าน

หลีชุนเกี่ยวกำลังทำงานอยู่ในทุ่งหญ้าหน้าหมู่บ้านเงยหน้าขึ้นมาพักผ่อน นางเห็นเฉินไฉ่อีแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าชั้นดี เดินมากับผู้เป็นแม่ที่อยู่อย่างสุขสบายในหมู่บ้าน ไม่เคยต้องใช้แรงงานใด ๆ เช่นนี้ความอิจฉาพลันผุดขึ้นในใจอย่างเงียบเชียบ

“อ้าว นายหญิง พาลูกสาวไปดูตัวมาหรือ? ลูกสาวของท่านนะฉลาดหลักแหลมก็จริง แต่ไม่ควรจะส่งนางไปเป็นเมียของพวกขุนนางหรอก พวกเขาจะมาชอบหญิงสาวชนบทอย่างพวกเราได้อย่างไร”

เมื่อได้ยินอย่างนั้น ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านจึงตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “หลี่ชุนเดียว…. เหตุใดจึงกล่าววาจาเช่นนั้น? เอาเวลาที่พูดพล่ามกับข้าไปดูแลลูกสาวตนเองเสียดีกว่า! ไม่รู้ปานนี้มัวไปยั่วยวนชายที่เขาไม่สนใจตัวเองถึงไหนแล้ว เหตุใดจึงกล้าที่จะมายืนเย้ยหยันผู้อื่นเช่นนี้เล่า?”

หลี่ชุนเฉียวเป็นคนเย่อหยิ่ง ชาวบ้านกว่าครึ่งต่างเกรงใจนาง สิ่งที่ทำให้นางเจ็บใจจนถึงทุกวันนี้คือลูกสาวของตนพยายามไปยั่วยวนหยุนเคอ ทำให้นางต้องอับอายขายหน้า!

“แต่อย่างน้อยลูกสาวข้าก็รู้ว่าตนเองเป็นใคร แต่ใครบางคนคล้ายกับว่าต้องการจะเข้าไปเป็นนางบำเรอในบ้านผู้อื่น ช่างหน้าไม่อาย สร้างเรื่องฉาวโฉ่แต่ยังคิดจะแต่งงาน ข้าอยากจะรู้จริง ๆ ว่านายน้อยตระกูลไหนจะตาบอดมาตกหลุมรักสตรีไร้ยางอายเช่นนี้!”

“แต่อย่างน้อยลูกสาวของข้าก็ดีกว่า ลูกสาวของเจ้าใจง่ายและไร้ยางอาย กล้าหาญยั่วยวนบุรุษที่แต่งงานแล้ว!”

เมื่อภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านพูดจบ หลี่ซุนเฉียวที่กลั้นอารมณ์ไว้ก็กระโจนใส่อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว

ทั้งสองเริ่มตลุมบอนกันอย่างขะมักเขม้น ทั้งถีบ ทั้งดึงผม คลุกวงในกันอย่างเอาเป็นเอาตาย!

เฉินไม่อีถึงกับยืนอึ้ง นางไม่รู้เลยว่าควรจะทำอย่างไรเมื่อเห็นว่าแม่ตนเองกำลังตบตีอยู่กับผู้อื่น หญิงสาวหันซ้ายขวาอย่างกระวานกระวายอย่างไม่รู้จะช่วยอย่างไร

นานนักกว่าจะมีคนมาพบ เพราะทุ่งนาแห่งนี้ค่อนข้างไกลจากหมู่บ้าน โดยปกติแล้วภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านนั้นเรียบร้อยอ่อนหวาน แต่ในวันนี้นางถูกหลี่ชุนเฉียวตบตีจนใบหน้าเปื้อนฝุ่น เส้นผมเต็มไปด้วยโคลนตม

ขณะนั้น หยุนเถียนเถียนกลับมาจากในตัวเมือง นางเห็นฉากต่อสู้อันเผ็ดร้อนตอนลงจากเกวียน

ทั้งสองคนนอนกองอยู่บนพื้นด้วยสภาพที่น่าสมเพช ส่วนเฉินไฉ่อียืนอยู่ใกล้ ๆ ด้วยเสื้อผ้าขาวสะอาด

หยุนเถียนเถียนยืนพิงกายกับต้นไม้ นางกำลังรับชมหญิงวัยกลางคนที่กำลังตบตีกันอย่างสนุกสนาน

หลี่ชุนเกี่ยวตะโกนด่าอีกฝ่ายไม่หยุดปาก “เจ้านี่ช่างยอดเยี่ยมเสียจริง สั่งสอนลูกสาวมาอย่างไรจึงไม่อาจสู้ลูกสาวของข้าได้! ดูซิว่าลูกสาวของเจ้าน่ะอยากเป็นนางบำเรอของนายน้อยหลี่จนตัวสั่นแต่ใครเขาก็รู้ว่านายน้อยหลีไม่มีทางตกลงปลงใจกับนางแน่นอนหากพูดว่านางฉลาดรู้หนังสือ แล้วหนังสือเล่มนั้นไปอยู่ที่ใดแล้ว? คงจะไม่ใช่สมองหรอก เพราะตอนนี้ข้าไม่เห็นแม้แต่มารยาทใด มีแต่ความไร้ยางอาย!”

ส่วนภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านหอบหนักอย่างเหนื่อยล้า นางเริ่มหายใจไม่ทัน แต่ก็ยังตะโกนด่าอีกฝ่ายอย่างไม่ยอมแพ้

“อย่างไรลูกสาวข้าก็ยอดเยี่ยมกว่าเป็นไหน ๆ แม้นางจะชื่นชอบใครก็ดูดีมีสกุลรุนชาติ แต่ลูกสาวเจ้าไม่สนว่าชายผู้นั้นจะตัวหอมหรือเหม็น แค่คนป่าเถื่อนบนภูเขาก็จับจ้องเขาเสียตาเป็นมัน!”

หญิงวัยกลางคนทั้งสองยังคงก่นด่ากันไม่หยุดหย่อน ยิ่งทะเลาะกันนานเท่าไหร่ ชื่อเสียงของลูกสาวทั้งคู่ยิ่งย่ำแย่ลงไปมากเท่านั้น

เฉินไฉอีไม่อาจทนฟังได้อีกต่อไป น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองพร้อมกับรีบวิ่งกลับบ้านไปอย่างรวดเร็ว

มุมปากของเถียนเถียนยกยิ้มเล็กน้อยอย่างพึงพอใจ เพราะที่แห่งนี้ใกล้กับบ้านของนางมาก นางจึงรับชมเหตุการณ์ได้ไม่มีสะดุด ส่วนหยุนเคอก็เดินออกมาจากบ้านเช่นกันเมื่อได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย

ฝูงชนมากมายกำลังรับชมเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างสนุกสนานส่วนหยุนเคอไม่ได้สนใจสิ่งใดเลยนอกจากใบหน้าสนอกสนใจของเถียนเถียน…

ผ่านไปสักครู่หนึ่ง การวิวาทนี้ก็ยังไม่หยุดลง ทั้งสองไม่สนใจเสียงห้ามปรามของผู้อื่นและพยายามกระโจนเข้าหากันอย่างต่อเนื่องราวกับว่าต้องการฉีกอีกฝ่ายให้แหลกเป็นพันหมื่นชิ้น!

ในที่สุดหัวหน้าหมู่บ้านก็มาถึง ขณะที่อยู่ไกล ๆ เขาได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังลั่น แต่เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าคนที่กำลังทำตัวเสื่อมเสียจะเป็นภรรยาของตน!