บทที่ 171 พระชายาที่ปรับตัวได้ทุกอย่าง

พลิกชะตาหมอยา

ตอนที่เฟิ่งชิงหัวเดินออกมาจากห้อง ชายผู้นั้นถูกกดอยู่บนพื้นอย่างขยับเขยื้อนไม่ได้แล้ว เขาจ้องเขม็งมาที่นางอย่างไม่ละสายตา “ไหนบอกว่าจะปล่อยข้าไปไม่ใช่หรือ”

เฟิ่งชิงหัวยิ้มแล้วกล่าวว่า “ใช่แล้ว ข้าเคยบอกว่าจะปล่อยเจ้าไป แต่ว่าเจ้าตั้งใจเอาศัสตราวุธมาโกงข้า จนเกือบทำให้ฉีเป่าเจต้องเสียหายและสูญเงินหมดตัว เขาจะเอาเรื่องเจ้าคืน เจ้าจะมาโทษข้าไม่ได้นะ”

หลังจากนั้น ไม่รอให้ชายคนนั้นทันพูดอะไรก็ถูกลากตัวออกไป จากนั้นก็เกิดเสียงดังโครมครามแล้วตามด้วยเสียงร้องครวญคราง

จ้านเป่ยเซียวเดินไปหาเฟิ่งชิงหัวแล้วหยุดยืนเคียงข้างนางพลางมองไปที่มุมๆ หนึ่ง “ทำไมต้องไว้ชีวิตเขาด้วย”

เฟิ่งชิงหัวกล่าวว่า “เก็บเขาเอาไว้เพื่อให้เขาช่วยสื่อสารคำพูดแทนข้า เขาเป็นแค่ลูกกระจ็อกคนหนึ่ง ฆ่าเขาตายก็ไม่มีประโยชน์อะไร”

ไม่นานนักโม่เหลิงก็ยกเอาห่อผ้าไหมที่บรรจุของอยู่เข้ามา แล้วส่งให้เฟิ่งชิงหัวอย่างนอบน้อม “พระชายา นี่คือศัสตราวุธที่เพิ่งจะนำกลับมา ท่านช่วยลองดูได้ไหมว่ามีตรงไหนที่ผิดปกติ”

เฟิ่งชิงหัวเปิดผ้าไหมออก จากนั้นหยิบร้อยเข็มพายุสาลี่ขึ้นมาถือในมือ ไม่นานนักก็รื้อทุกอย่างออกเป็นเศษเล็กเศษน้อย ทำเอาโม่เหลิงขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

ฝีมือที่มีความเชี่ยวชาญเช่นนี้ แน่ใจหรือว่าเป็นเพียงคุณหนูที่วันๆ อยู่แต่ในเรือนและทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง?

หากเทียบกันแล้วอารมณ์ของจ้านเป่ยเซียวสงบนิ่งกว่าโม่เหลิงมาก ต่อให้ตอนนี้เฟิ่งชิงหัวกล่าวขึ้นมาว่าของชิ้นนี้นางเป็นคนประดิษฐ์เอง เขาก็คงไม่ประหลาดใจแต่อย่างใด

เฟิ่งชิงหัวหยิบอุปกรณ์ที่คล้ายๆ กันออกมาจากอะไหล่เล็กๆ อีกหนึ่งอย่าง นางยิ้มพลางกล่าวว่า “อันนี้แตกแล้ว”

โม่เหลิงจ้องไปที่วงกลมเล็กๆ อย่างไม่เข้าใจ “นี่คืออะไรหรือ ถ้าแตกแล้วจะมีผลอย่างไรบ้าง”

“ร้อยเข็มพายุสาลี่มีทั้งหมดเก้าร้อยเก้าสิบเข็ม หากปล่อยออกไปแล้วภายในระยะเวลาอันสั้นจะมีแรงทำลายล้างอย่างน่าตื่นตะลึงมาก แต่หลังจากใช้งานไปแล้วหนึ่งครั้งจะต้องรื้ออะไหล่ทั้งหมดออกมาแล้วเปลี่ยนอุปกรณ์ภายในให้เป็นเช่นเดิม หากไม่เปลี่ยนจะทำให้ประสิทธิภายตรงกันข้าม ทำลายตัวเอง อีกอย่างของชิ้นนี้พกพาไม่สะดวก จะต้องเป็นคนที่พลังมากถึงจะควบคุมมันได้ มันสามารถโจมตีคนได้ถึงห้าจั้ง พื้นที่ในการโจมตีกว้างขวาง ว่ากันว่าสามารถโจมตีได้หลายร้อยคน แต่ว่าเมื่อเอาไปใช้งานจริงกลายเป็นว่า ยังไม่ทันจะยกขึ้นมาใช้อีกฝ่ายก็รู้แล้วว่าเรากำลังจะโจมตี ทำให้ศัตรูหนีไปก่อน คงไม่มีใครโง่ถึงขั้นยอมเป็นเป้านิ่งให้พวกเราอยู่ที่เดิม ดังนั้นจะเรียกมันว่าศัสตราวุธก็คงไม่ได้ ผู้ที่ใช้งานมันอาจจะโดนพลังของมันเล่นงานตนเองได้”

เมื่อได้ยินสตรีที่อยู่ตรงหน้าบรรยายโครงสร้างและข้อเสียของร้อยเข็มพายุสาลี่เช่นนี้ โม่เหลิงก็เข้าใจทะลุปรุโปร่งขึ้นมา

เมื่อก่อนพอได้ยินว่าเป็นของที่ผลิตจากหมู่บ้านศัสตราวุธ ในตอนนั้นเองเขาก็เข้าไปในอาณาเขตของศัสตราวุธอื่น เพราะขอให้เป็นคนที่ผลิตจากหมู่บ้านศัสตราวุธก็สามารถแน่ใจได้ว่าเป็นของที่ประณีต แต่ไม่คิดเลยว่าจะทำให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมารวมทั้งปัญหาในการใช้งานจริงด้วย

ตอนนี้โม่เหลิงแอบชื่นชมอยู่ในใจ โชคดีที่เรียกเก็บของชิ้นนี้กลับมาได้ไว ไม่อย่างนั้นแล้วหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นคนที่ใช้งาน พวกเขาฉีเป่าเจคงจะต้องเกิดเรื่องวุ่นวายตามมาไม่น้อย

เฟิ่งชิงหัวกล่าวว่า “ช่วยข้าหารถม้าหน่อย ตอนนี้ข้าอยากไปนอกเมือง”

โม่เหลิงรีบกล่าวอย่างหัวไวว่า “เดี๋ยวจะไปเตรียมให้เดี๋ยวนี้เลย”

“ข้าจะไปส่งเจ้า” จ้านเป่ยเซียวกล่าว

เฟิ่งชิงหัวได้ยินดังนั้นก็เลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ นางรู้สึกว่าหลังจากผ่านเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ จ้านเป่ยเซียวน่าจะไม่อยากไป

“ท่านไม่อยากไปก็……” คำพูดของเฟิ่งชิงหัวยังไม่ทันจะพูดจบ จ้านเป่ยเซียวก็เดินออกไปข้างนอกแล้ว

ทั้งสองเดินตามกันขึ้นรถม้าไป เป็นเรื่องยากกว่าจะอยู่ในเหตุการณ์ที่สงบเช่นนี้

“เอ่อ คือว่า” เฟิ่งชิงหัวกระแอมคอเล็กน้อย

“อยากพูดอะไรก็พูด เจ้าเป็นอย่างหลิวหยิ่งตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ชอบพูดอะไรครึ่งๆ กลางๆ”

หลิวหยิ่งตอนนี้กำลังแอบอยู่นอกรถม้า

“ข้ารู้สึกว่า พวกเรามาคุยกันดีๆดีกว่า”

“คุยอะไร คุยเรื่องความรักหรือว่าความสัมพันธ์” จ้านเป่ยเซียวเหลือบตาไปมอง

เฟิ่งชิงหัวชะงักไปเพราะคำพูดของเขา คำพูดของนางเตรียมเอาไว้ในหัวเริ่มสับสน เพราะไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรดี

เมื่อครู่นี้นางอยากจะพูดอะไรนะ จะบอกว่าตอนนี้นางคือพระชายาของเขาจะพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อไม่ให้เขาขายหน้า หรือไม่ก็เตือนเขาว่าหลังจากนี้อีกสามเดือน ระหว่างเราทั้งสองคนอาจจะไม่ได้อยู่ในความสัมพันธ์เช่นนี้อีกแล้ว?

ดูเหมือนว่าการขัดคอขึ้นมาของจ้านเป่ยเซียว ทำให้นางรู้สึกว่าพูดอะไรก็ไม่ถูกต้อง

“คือว่า ข้าอยากบอกว่า ข้าอาจจะไม่ได้เป็นพระชายาดั่งใจของท่าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องในห้องนอน หรือว่าการทำงานต่างๆ หากท่านคิดว่าข้าไม่ดี พวกเราไม่สู้……”

“ไม่มีอะไรไม่ดีนี่ การทำงานบ้านมีคนรับใช้ เจ้าไม่ต้องทำก็ได้ ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป เจ้าอยากทำอะไรก็ทำ เจ้ามีความสุขก็พอแล้ว” จ้านเป่ยเซียวเอ่ยขัดเฟิ่งชิงหัวอีกครั้ง

“ห๊ะ?” เฟิ่งชิงหัวจ้องจ้านเป่ยเซียวอย่างตกตะลึง

จ้านเป่ยเซียวกล่าวอย่างหนักแน่น “ข้าบอกว่า เจ้าอยากทำอะไรก็ทำ อยากออกจากจวนก็ออก อยากสืบคดีก็สืบไป อยากก่อเรื่องวุ่นวายก็ก่อได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าอยากมีอิสระไม่ใช่หรือ ข้าให้เจ้าได้”

ตอนนี้เฟิ่งชิงหัวพูดอะไรไม่ออกทั้งสิ้น ได้แต่เหม่อมองจ้านเป่ยเซียวเช่นนั้น

จู่ๆ ก็เกิดจุดพลิกผันเช่นนี้ นางทำอะไรลงไป หรือว่าตอนที่เขาเข้ามาในห้องไปเห็นอะไรมาถึงได้เปลี่ยนความคิดขึ้นมาอย่างฉับพลันเช่นนี้

เรื่องนี้คงไม่มีกับดักอยู่ข้างในกระมัง

เขาคงไม่รอให้นางทำผิดก่อนแล้วค่อยหาเรื่องปลดนางทีหลังกระมัง

ถ้าอย่างนั้นก็ยอดเยี่ยมไปเลย!

เมื่อคิดถึงตรงนี้ จิตใจของเฟิ่งชิงหัวก็เริ่มสงบขึ้น อารมณ์ที่สับสนของนาง จู่ๆ ก็สงบลง ปลดก็ปลด นางไม่สนใจสักนิด เขาเขียนหนังสือปลด นางก็แค่ช่วยเขาฝนหมึก หากเขาให้นางออกจากจวน นางจะออกจากจวนไปอย่างรวดเร็วและห่างไกลทีสุดเท่าที่จะไกลได้ นางสามารถปรับตัวให้เข้ากับทุกอย่างได้อยู่แล้ว