ตอนที่ 129 สูงศักดิ์

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 129 สูงศักดิ์
นางมุ่งตรงไปยังโถงทำพิธีในตอนนี้อาจพบกับสถานการณ์สองแบบที่อาจเกิดขึ้น…

สถานการณ์แรก บุตรอนุอยู่ที่โถงทำพิธี บางทีเรื่องนี้อาจไม่ใช่ฝีมือของท่านย่าแต่เป็นฝีมือของมารดาแท้ๆ ของบุตรอนุนั่น หรืออาจเป็นเพราะหัวหน้าหมู่บ้านซึ่งเป็นบิดาของอวี้เหลียนกลัวว่าจี้ถิงอวี๋จะรับรู้เรื่องการตายของจี้หลิ่วซื่อจึงจ้างวานหญิงรับใช้ชราทำเรื่องต่ำช้าเช่นนี้ หากเป็นเช่นนั้นนางจะใช้ดาบปลิดชีพบุตรอนุผู้นี้แล้วค่อยตามไปคิดบัญชีมารดาของเขาและหัวหน้าหมู่บ้าน

อีกสถานการณ์คือบุตรอนุผู้นั้นไม่ได้อยู่ในโถงทำพิธี เช่นนั้นก็แสดงว่าท่านย่าทราบเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนที่นางสั่งให้คนไปสืบเรื่องของหมอผู้นั้นแล้วพาบุตรอนุนั่นหนีไปก่อนแล้ว เมื่อปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดเข้าด้วยกัน ทุกอย่างก็ชัดเจนแจ่มแจ้งว่าท่านย่าต้องการชีวิตของจี้ถิงอวี๋

โทสะเดือดปะทุอยู่ในใจของไป๋ชิงเหยียน มีความรู้สึกเย็นวาบเข้าไปถึงขั้วกระดูกปะปนอยู่ด้วย ที่มากกว่านั้นคือความรู้สึกเจ็บปวดอย่างลึกซึ้งที่เกิดจากความผิดหวังที่นางมีต่อท่านย่า ทว่า นางไม่อาจเสียสติจนทำทุกอย่างเกินขอบเขตได้ นางได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง นางต้องทำทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง ตอนจบยังไม่มาถึง นางจะทำทุกอย่างพังไปในตอนนี้ไม่ได้!

ไป๋ชิงเหยียนลูบมือไป๋จิ่นถงเบาๆ กำดาบในมือแน่นพลางเดินก้าวฝีเท้ายาวตรงไปยังโถงรับรองด้านหน้าและก้าวเข้าไปในโถงทำพิธี

บุตรอนุผู้นั้นไม่อยู่จริงๆ ด้วย

ทว่า นางนึกไม่ถึงว่าผู้ที่รอนางอยู่ในนั้นจะเป็นองค์หญิงใหญ่ที่น้ำตาคลอและเจี่ยงหมัวมัว

ใจของไป๋ชิงเหยียนหนักอึ้ง

“คุณหนูใหญ่…” เจี่ยงหมัวมัวเอ่ยเรียกนางออกมาคำหนึ่งแล้วร้องไห้ออกมา

หากยังไม่เห็นหน้าองค์หญิงใหญ่ ต่อให้บุตรอนุผู้นั้นจะไม่อยู่ในโถงทำพิธี ในใจของนางก็ยังมีความหวังเล็กๆ อยู่ว่าคนที่ต้องการชีวิตของจี้ถิงอวี๋ไม่ใช่ท่านย่า ท่านย่าเพียงแค่ต้องการช่วยบุตรอนุผู้นั้นปกปิดเรื่องนี้เท่านั้น!

มือที่ถือดาบของหญิงสาวสั่นเทา ความหนาวเหน็บจากก้นบึ้งของหัวใจแผ่ซ่านออกมา แม้ตัวนางเองยังไม่รู้เลยว่าดวงตาของนางแดงฉานเพียงใด

นางถือดาบเดินมาที่นี่อย่างเปิดเผยเพราะต้องการให้องค์หญิงใหญ่รับรู้ว่านางต้องการฆ่าบุตรอนุผู้นั้น นางต้องการปกป้องจี้ถิงอวี๋

องค์หญิงใหญ่รอนางอยู่ที่โถงทำพิธี ก็เพื่อต้องการแสดงเจตนารมณ์ของท่านให้นางเห็นว่าท่านต้องการปกป้องบุตรอนุผู้นั้นไม่ใช่หรืออย่างไร

“ท่านย่า!”

“องค์หญิงใหญ่!”

ไป๋จิ่นถงและหลูผิงทำความเคารพองค์หญิงใหญ่

องค์หญิงใหญ่มองดาบที่แกว่งไปมาอยู่ในมือของไป๋ชิงเหยียน สีหน้าอบอุ่นอ่อนโยน ส่อแววเมตตาดั่งเช่นเคย ท่านเอ่ยขึ้น “พวกเจ้าออกไปจากโถงทำพิธีก่อนเถิด ออกไปห่างหน่อย ข้ามีเรื่องจะกล่าวกับอาเป่า!”

“เจ้าค่ะ!”

ไป๋จิ่นถง เจี่ยงหมัวมัวและหลูผิงเดินจากไป องค์หญิงใหญ่หยิบธูปขึ้นมาสามดอก มือที่ถือธูปอยู่สั่นเทาจนไม่ว่าอย่างไรก็จุดธูปไม่ติด นางพยายามควบคุมอารมณ์ให้สงบจากนั้นเงยหน้าขึ้น หรี่ดวงตาที่ชื้นไปด้วยน้ำตา ในที่สุดก็จุดธูปทั้งสามดอกได้ “อาเป่า ย่าทำให้เจ้าผิดหวังแล้ว…”

“คำว่าผิดหวังมันยังน้อยเกินไปเจ้าค่ะ!” ไป๋ชิงเหยียนกำดาบยาวในมือแน่น มองดูท่านย่านิ่งๆ นางผิดหวังมากเสียจนสงบนิ่งลงอย่างน่าประหลาด ทว่า ร่างทั้งร่างเหมือนถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็ง เย็นจนรู้สึกชาไปทั้งร่าง “หากจี้ถิงอวี๋ไม่ได้ปกป้องนำม้วนไม้ไผ่กลับมาจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ท่านปู่ต้องโดนตราหน้าว่าดึงดันออกรบ นอนตายตาไม่หลับ วิญญาณผู้จงรักภักดีของตระกูลไป๋คงอยู่ไม่สงบ! เขาคือทหารกล้าที่จงรักภักดีและมีบุญคุณต่อตระกูลไป๋ ทว่า ท่านย่า เพื่อช่วยลูกอนุที่เลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานผู้นั้นปกปิดเรื่องที่เขาทำให้ภรรยาของจี้ถิงอวี๋ตาย ย่ำยีศพของนางจนผู้อื่นรับรู้กันไปทั่ว ท่านย่าถึงขนาดต้องการชีวิตของจี้ถิงอวี๋! เหตุใดบนโลกนี้จึงมีคนที่ไม่รู้จักบุญคุณคน ตอบแทนความดีของผู้อื่นด้วยวิธีที่โหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้เจ้าคะ!”

ร่างขององค์หญิงใหญ่แข็งทื่อเล็กน้อย ค่อยๆ ปักธูปลงในกระถางธูปอย่างช้าๆ

“ชีวิตนี้ย่าติดค้างผู้อื่นไว้มาก! เพื่อราชวงศ์ ย่าติดค้างท่านปู่ของเจ้า ติดค้างลูกชายและบรรดาหลานชายของย่า เพื่อตระกูลไป๋ ย่าติดค้างจี้ถิงอวี๋…” องค์หญิงใหญ่ลำคอตีบตัน รื้อกำแพงฝั่งทิศตะวันออกเพื่อซ่อมกำแพงฝั่งทิศตะวันตก[1] ย่าก็รู้สึกแย่มาก…”

องค์หญิงใหญ่หันกลับมา ผมขาวโพลนถูกแสงเทียนส่องสะท้อนจนเห็นอย่างชัดเจน นางไม่คิดจะปกปิดใบหน้าที่อ่อนล้าและชราภาพของตัวเองแม้แต่น้อย เอ่ยเสียงแหบพร่า “อาเป่า เดิมทีย่าไม่อยากให้เจ้าเห็นด้านที่เลวร้ายที่สุดของย่า ไม่อยากให้เจ้าเห็นมือที่เปื้อนเลือดของย่า! ทว่า สำหรับย่าแล้ว สายเลือดของตระกูลไป๋สูงศักดิ์มากกว่าบ่าวรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ ย่าจำต้องสละชีวิตของบ่าวรับใช้ผู้ซื่อสัตย์เพื่อรักษาชีวิตลูกอนุผู้นั้น”

สูงศักดิ์อย่างนั้นหรือ!

ได้ยินสองคำนี้ โทสะที่ไป๋ชิงเหยียนพยายามควบคุมไว้เดือดพล่านขึ้นมาทันที

หญิงสาวเงยหน้าขึ้น สายตาที่มองไปยังองค์หญิงใหญ่เต็มไปด้วยความเย็นชาอาฆาต “ความสูงศักดิ์ของตระกูลไป๋ไม่เคยวัดกันที่สายเลือดเจ้าค่ะ เราวัดกันที่เกียรติยศของตระกูลที่ได้มาจากการสละชีพเพื่อปกป้องชาวบ้านและบ้านเมืองที่สืบทอดต่อกันมาในทุกชั่วรุ่น เราสูงศักดิ์เพราะความจงรักภักดีและความกล้าหาญสละชีพเพื่อบ้านเมือง! ลูกอนุผู้นั้นมีสิทธิ์อันใดเรียกตัวเองว่าเป็นคนตระกูลไป๋เจ้าคะ! จี้ถิงอวี๋คือทหารกล้าที่จงรักภักดียอมแลกได้แม้กระทั่งชีวิตของตัวเองเพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้ตระกูลไป๋! นั่นถึงจะเรียกว่าสูงศักดิ์! ลุกอนุผู้นั้นเคยทำสิ่งใดเพื่อตระกูลไป๋บ้างเจ้าคะ! แค่เพราะในตัวของเขามีสายเลือดของตระกูลไป๋ แค่เพราะเขาแซ่ไป๋ ชีวิตของเขาจึงมีค่ามากกว่าผู้อื่นอย่างนั้นหรือเจ้าคะ!”

“เช่นนั้น…เจ้าต้องการสิ่งใด” องค์หญิงใหญ่ยืดแผ่นหลังตรง บารมีของการเป็นองค์หญิงใหญ่ค่อยๆ แผ่ออกมาข่มไป๋ชิงเหยียนไว้ “บัดนี้ภรรยาของจี้ถิงอวี๋เสียชีวิตไปแล้ว เจ้าต้องการฆ่าสายเลือดคนสุดท้ายของตระกูลไป๋เพื่อชาวบ้านธรรมดาคนเดียวอย่างนั้นหรือ”

ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้หวาดกลัวองค์หญิงใหญ่สักนิด นางกำหมัดแน่นพลางก้าวเท้าไปด้านหน้าหนึ่งก้าว ดวงตาของหญิงสาวเป็นประกายจากแสงสะท้อนของเปลวไฟ “สายเลือดคนสุดท้ายของตระกูลไป๋เช่นนั้นหรือเจ้าคะ เด็กในท้องของท่านอาสะใภ้ห้ามิใช่สายเลือดของตระกูลไป๋หรือเจ้าคะ! ข้ามิใช่สายเลือดของตระกูลไป๋หรือเจ้าคะ! ไป๋จิ่นซิ่ว ไป๋จิ่นถง ไป๋จิ่นจื้อ ไป๋จิ่นเจา ไป๋จิ่นหวา ไป๋จิ่นเซ่อ พวกนางคนใดมิใช่สายเลือดของตระกูลไป๋บ้างเจ้าคะ!”

องค์หญิงใหญ่ขึ้นเสียงสูง “พวกเจ้าล้วนเป็นเพียงสตรี ภายภาคหน้าพวกเจ้าต้องแต่งงานออกเรือน จะสืบทอดตระกูลต่อได้อย่างไร จะมีทายาทสืบสกุลให้ท่านปู่ของเจ้าได้อย่างไร”

“หากกลัวว่าสายเลือดของตระกูลไป๋จะจบลงแค่นี้ แต่งบุตรเขยเข้าตระกูลก็ได้นี่เจ้าคะ” ไป๋ชิงเหยียนตวาดถาม “หรือว่าเลือดตระกูลไป๋ในตัวหลานสาวของท่านมันน้อยกว่าลูกอนุผู้นั้นหรือเจ้าคะ!”

องค์หญิงใหญ่เคยสอนนางนับครั้งไม่ถ้วนว่าโลกใบนี้โหดร้ายกับสตรี สตรีเกิดมาพร้อมกับความยากลำบาก ทว่า จวนเจิ้นกั๋วกงไม่เคยแบ่งแยกบุรุษและสตรี แต่ความจริงแล้ว ในใจขององค์หญิงใหญ่หลานชายและหลานสาวยังคงมีความแตกต่างกันอยู่สินะ!

องค์หญิงใหญ่ที่โดนไป๋ชิงเหยียนเถียงจนไปต่อไม่ถูกมองไปทางหลานสาวนิ่งๆ ตวาดออกมาอย่างโมโห “อาเป่า เจ้าต้องการจะทำสิ่งใดกันแน่!”

ไป๋ชิงเหยียนเขวี้ยงดาบยาวในมือทิ้ง กล่าวด้วยเสียงแหลมสูงจนดังกังวานไปทั่ว “ข้าต้องการความยุติธรรมเจ้าค่ะ! ต้องการทวงความยุติธรรมให้จี้ถิงอวี๋บ่าวรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของตระกูลไป๋! ต้องการทวงความยุติธรรมให้จี้หลิ่วซื่อเจ้าค่ะ!”

ภายในโถงทำพิธีเงียบสงัดอยู่พักใหญ่ องค์หญิงใหญ่ถอนหายใจพลางกล่าวออกมาช้าๆ “อาเป่า บนโลกนี้ไม่มีความยุติธรรมไปเสียทุกเรื่องหรอก พวกเจ้าล้วนเป็นหลานชายและหลานสาวขององค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นต้าจิ้น เป็นสายเลือดของจวนเจิ้นกั๋วกง มีชีวิตที่สุขสบายกว่าชาวบ้าน ของตกแต่งในห้องของพวกเจ้าเพียงชิ้นเดียวก็ไม่รู้ว่ามีค่าตั้งเท่าใด บางทีอาจพอประทังชีวิตของครอบครัวที่มีถึงหกชีวิตไปได้อีกเป็นสิบปี หากอ้างถึงความยุติธรรม นี่มันยุติธรรมหรือไม่ คนเราเกิดมาล้วนแบ่งสูงต่ำด้วยกันทั้งสิ้น แม้ลูกอนุผู้นั้นจะเลวทรามเช่นไร แต่เขาก็เป็นสายเลือดของท่านอารองของเจ้า เขาสูงศักดิ์กว่าผู้อื่น!”

[1] รื้อกำแพงฝั่งทิศตะวันออกเพื่อซ่อมกำแพงฝั่งทิศตะวันตก หมายถึงการรับมือการสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เป็นการแก้ปัญหาชั่วคราว ไม่ได้แก้ไขที่ต้นตอ