บทที่ 175 เปิดโปงจี้หมิงซูสองคนแม่ลูก

ทหารเกราะเหล็กที่กำลังฝึกในค่ายต่าง ๆ เงียบลงทันที หัวหน้าผู้ฝึกสอนสะบัดแส้หนึ่งครั้ง “นิ่งอยู่ทำไมกัน ฝึกต่อไปเดี๋ยวนี้”

ทว่าทหารเกราะเหล็กเหล่านั้นไม่ต้องการฟังคำสั่งจากใคร พวกเขาต่างกลับไปที่ค่าย ค้นชุดเกราะที่เก็บไว้ด้านล่างสุดของหีบออกมา พลางลูบไล้ชุดเกราะสีดำซึ่งแสดงถึงเกียรติยศของกองทัพทหารเกราะเหล็กพร้อมน้ำตา

“เกราะเหล็กยังอยู่” มีคนเอ่ยพึมพำออกมา

“จิตวิญญาณของทหารยังอยู่” เมื่อเงยหน้าขึ้น ก็มีหลายคนเอ่ยรับประโยคดังกล่าว

“กองทัพทหารเกราะเหล็ก จิตวิญญาณของทหารยังอยู่ กองทัพทหารเกราะเหล็กจะคงอยู่ตลอดไป! จิตวิญญาณกองทัพทหารเกราะเหล็กจงเจริญ!”

“จิตวิญญาณกองทัพทหารเกราะเหล็กจงเจริญ!” คำสาบานอันทรงพลังถูกสลักไว้ในร่างกายและวิญญาณของพวกเขาและจะคงอยู่ตลอดไป

ไม่ต้องมีคำสั่งจากใคร ทุกคนเอาชุดเกราะมาสวมทันที และเมื่อพวกเขาออกมาจากกระโจมอีกครั้ง พวกเขาต่างเห็นประกายบางอย่างในดวงตาของกันและกัน

“พวกเจ้าจะทำอะไร! ถอดชุดเกราะออกเดี๋ยวนี้!” ทหารในค่ายวิ่งมาเห็นพวกเขาสวมเกราะเหล็ก ก็หมายจะพุ่งตัวเข้ามาทุบตีพวกเขา

ตอนนั้นที่กองทัพทหารเกราะเหล็กถูกยุบและถูกแบ่งมาที่นี่ ก็ถูกพวกเขาเหยียดหยามด้วยคำพูดไม่หยุด

“แม่ทัพของพวกเจ้าแพ้แล้ว! เขาไม่ต้องการพวกเจ้าแล้ว”

“ต่อไปที่นี่ต่างหากเป็นที่ที่พวกเจ้าควรจงรักภักดี”

“พวกเจ้าจะเป็นทหารหนีทัพอย่างนั้นหรือ!”

และตอนที่คนเหล่านั้นคิดจะใช้คำพูดทิ่มแทงใจมากระตุ้นพวกเขา ก็ไม่มีทหารคนใดยอมทนฟังอีกแล้ว พวกเขาต้องกลับไปหาคนที่พวกเขาภักดี

“กองทัพทหารเกราะเหล็กไม่เคยหนีทหาร” เหล่าทหารที่มีสีหน้าแน่วแน่เงยหน้าขึ้น ตอนนี้พวกเขาไม่ใช่ทหารที่สูญเสียจิตวิญญาณการต่อสู้ ถูกผู้คนทอดทิ้ง และถูกควบคุมตามอำเภอใจอีกต่อไปแล้ว

แต่เป็นวีรบุรุษที่ผ่านการเข่นฆ่า ผ่านการนองเลือดในสนามรบมานับครั้งไม่ถ้วน

“ทหารกองทัพทหารเกราะเหล็กฟังคำสั่ง ตามพวกเราพุ่งออกไป ผู้ใดขวางฆ่าให้หมด!”

“ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!” เหล่าทหารตอบรับโดยพร้อมเพรียงกัน ด้านหลังของพวกเขามีทหารเกราะเหล็กนับไม่ถ้วนยืนอยู่ เหมือนกับเมื่อก่อน

พวกเขาสามารถมอบความไว้วางใจให้กับสหายร่วมรบของพวกเขาได้ ไม่เหมือนพวกคนเลวเหล่านี้ พวกสุนัขจิ้งจอกที่แอบอ้างบารมีเสือตรงหน้าเหล่านี้ ที่ไม่เคยแม้แต่จะออกรบ แต่กลับอ้างตัวว่าเป็นวีรบุรุษ

เป็นกบฏก็เป็นกบฏ แต่จะให้พวกเขาทำงานให้กับคนเหล่านี้ ทำลายเกียรติและความกล้าหาญของตัวเอง แล้วจะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ต่อไปทำไมกัน?

ฆ่าคนก็แค่หัวตกลงพื้นเท่านั้น แต่ใครเหยียดหยามทหารเกราะเหล็ก ตาย!

ทหารในค่ายความจริงแล้วไม่เคยเห็นสนามรบจริง ๆ มาก่อน ถึงต่อให้เคยไปก็ไม่ได้มีผลงานผ่านการต่อสู้นองเลือดอย่างเช่นกองทัพทหารเกราะเหล็ก เมื่อเผชิญหน้ากับความตั้งใจอันแน่วแน่ที่จะไปของพวกเขา บางคนจึงถอยหนีและหลีกทางให้พวกเขาอย่างเงียบ ๆ

กองทัพทหารเกราะเหล็กไม่ลังเลใด ๆ อีกต่อไป พวกเขาขึ้นม้าศึกของตัวเอง และควบไปทางเมืองหลวง ที่นั่นมีความเชื่อของพวกเขาอยู่ ต่อให้วันหน้าติดตามเผยยวนและจะต้องกลายเป็นขุนนางทรยศ พวกเขาก็ยินดี

ในเวลาเดียวกัน ทหารเกราะเหล็กที่ถูกแยกไปอยู่ค่ายทหารอื่น ๆ ต่างก็มุ่งหน้าไปยังเมืองหลวง เพื่อไปตามหาความเชื่อของพวกเขาโดยพร้อมเพรียงเช่นกัน

ประตูจวนจี้กั๋วกง

นับตั้งแต่จี้จือฮวนเอ่ยปากจะเอาแผนภาพกลไก จี้หมิงซูก็ครุ่นคิดหาวิธี นางคิดที่จะเปิดโปงแผนการร้ายกาจของจี้จือฮวนต่อหน้าทุกคน ว่าจี้จือฮวนมาที่นี่เพื่อต้องการแก้แค้น

แต่เมื่อนางมองไปที่กลุ่มโจรที่อยู่ตรงหน้า มีทั้งไท่ซ่างหวงและองค์หญิงใหญ่อู๋ซวงอยู่ด้วย นางพูดอะไรก็คงไม่มีประโยชน์

เป็นไปได้อย่างไร นางจะแพ้ให้กับจี้จือฮวนได้อย่างไร?

นางยังไม่ได้เริ่มต่อสู้กับจี้จือฮวนด้วยซ้ำ เหตุใดจึงถูกข่มเหงจนมีสภาพน่าอนาถเช่นนี้ตั้งแต่เริ่มต้นกัน

จี้จือฮวนหมดความอดทนแล้ว นางใช้นิ้วเคาะลงบนโต๊ะ พร้อมกับเอ่ยเร่ง “ส่งแผนภาพมาซะ หากขาดไปหนึ่งหน้าข้าจะตัดนิ้วเจ้าหนึ่งนิ้ว”

สตรีที่มีความสามารถอันดับหนึ่งของเมืองหลวง ผู้ซึ่งอ้างตนว่าเป็นเลิศทั้งกวีและวาดภาพ รวมถึงด้านกลไกก็ไม่มีผู้ใดเทียบได้ หากไม่มีนิ้วอีกเช่นนั้นก็คงจะยอดไปเลย

จี้หมิงซูตัวสั่นเทาและกำลังคิดที่จะเชิดหน้าถามว่า เจ้ากล้าอย่างนั้นหรือ? ทว่าไม่นานนางก็ตระหนักถึงความเป็นจริงได้ว่า หากตอนนี้ใช้ไม้แข็งกับจี้จือฮวน คนที่เสียเปรียบก็คือตัวนางเอง

จี้หมิงซูหลุบตาลงแล้วเอ่ยขึ้นมา “แผนภาพอยู่ในห้องหนังสือของข้า หากท่านอยากได้ก็ตามข้ามา เพราะนอกจากข้าก็ไม่มีใครรู้ว่าแผนภาพที่สมบูรณ์อยู่ที่ใด”

เผยจี้ฉือขมวดคิ้วแล้วเอ่ยขึ้นมา “ท่านแม่ ระวังนางใช้แผนชั่วนะขอรับ”

ในที่สุดใบหน้าไร้อารมณ์ของจี้จือฮวนก็เผยความสนใจออกมา ใช่แล้ว นี่ต่างหากคือนางเอกที่ทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมาย นางจะดูสิว่าจี้หมิงซูจะเล่นลูกไม้อะไรอีก

“หืม? เจ้าอยากให้ข้าไปกับเจ้าหรือ?”

จี้หมิงซูมองจี้จือฮวนด้วยสายตายั่วยุ “พี่หญิงอยากได้ ข้าย่อมเอาให้อยู่แล้ว เพียงแต่พี่หญิงจะยอมลดตัวลงมาหรือไม่”

จี้จือฮวนยกยิ้มมุมปาก ทว่านางเลือกที่จะปฏิเสธ “ไม่ไป”

จี้หมิงซูชะงักไป ในใจโมโหเป็นอย่างมาก “พี่หญิง ท่านไม่อยากได้แล้วหรือ?”

“ฆ่าเจ้าทิ้งซะ จากนั้นข้าค่อยรื้อจวนจี้กั๋วกงให้หมด แผนภาพก็มาอยู่ในมือของข้าอยู่ดี”

หากนางตายไป บนโลกนี้ก็ไม่มีคนที่เคยเห็นแผนภาพอย่างละเอียดแล้วไม่ใช่หรือ

ไม่ถูกตรงไหนกัน?

จี้หมิงซูคิดไม่ถึงว่าจี้จือฮวนจะตอบเช่นนี้ จึงกัดริมฝีปากทันที ทว่ากลับสะเทือนไปถึงแผลบนใบหน้าของนางเข้า

จี้จือฮวนมองดูท่าทางน่าอับอายของจี้หมิงซูแล้วก็อยากจะหัวเราะออกมา

จี้จือฮวนชี้ไปทางจี้หมิงซู แล้วเอ่ยกับเผยจี้ฉือ “แม่จะสอนหลักการให้เจ้าข้อหนึ่ง เมื่ออยู่ต่อหน้าอำนาจที่แท้จริง การต่อสู้ทั้งหมดล้วนไร้ความหมาย”

นางไม่สนใจว่าจี้หมิงซูจะมีแผนการชั่วร้ายอะไร เพราะเหมือนนางกำลังมองดูตัวตลกกระโดดไปมาก็เท่านั้น

เผยจี้ฉือจดจำคำพูดนี้เอาไว้จนขึ้นใจ

เมื่อเวลาผ่านไป สมุดบัญชีของจวนจี้กั๋วกงก็ถูกสะสางจนมาถึงเล่มสุดท้ายแล้ว บวกกับบัญชีส่วนตัวที่ได้จากคำรับสารภาพหลังถูกทรมาน ก็พบว่าคนที่ทุจริตมากที่สุดก็คือไป๋อี๋เหนียง และทรัพย์สินส่วนใหญ่ถูกนางโยกย้ายไปไว้ที่บ้านตัวเอง และมอบให้พี่ชายไปจัดการ

และเงินของนางเหล่านั้น ทั้งหมดล้วนมาจากตระกูลเซี่ย และอำนาจที่จี้เม่าซวินมอบให้นาง ทำให้นางกลายเป็นปี่เซียะตัวใหญ่ที่กินไม่มีวันอิ่ม

คนของตระกูลจี้ที่ถูกสอบสวนไปแล้วรอบหนึ่ง เมื่อได้ยินที่คนของกรมพระคลังรายงาน ก็ดวงตาแดงก่ำขึ้นมา

ก่อนจะพุ่งเข้าไปตบตีไป๋อี๋เหนียงที่คุกเข่าและตัวสั่นเทาอยู่ที่พื้นทันที

“นางผู้หญิงสารเลว มิน่าเล่าเงินถึงไม่พอมาตลอด เวลาที่จวนของเรามีปัญหาเรื่องเงิน ถึงคะยั้นคะยอให้คนอื่นเอาสินเดิมออกมาใช้ตลอด หากไม่ใช่เพราะตอนนั้นเจ้าเกลียดเซี่ยชิงหรู ทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นแค่สาวใช้ที่ปีนขึ้นเตียง แต่กล้ากำเริบเสิบสานทำร้ายนายหญิง วันนี้พวกเราจะพบกับหายนะเช่นนี้อย่างนั้นหรือ?”

“ปีก่อนในจวนเกิดเรื่อง เจ้ายุยงให้จี้เม่าซวินจับลูกข้าแต่งออกไป เพื่อหาเงินสินสอดกลับมา ดีจริง ๆ ที่แท้เจ้ากับลูกสาวของเจ้าก็เห็นพวกเราเป็นลูกไก่ในกำมือนี่เอง!”

ตอนนี้ตำแหน่งของพวกเขาไม่มีแล้ว จวนกั๋วกงก็คงจะรักษาไว้ไม่ได้เช่นกัน ชีวิตที่เหลือยังไม่รู้ว่าจะอยู่อย่างไร เมื่อคิดว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะสองแม่ลูกตระกูลไป๋ที่มีฐานะต่ำต้อยแต่กลับทำร้ายพวกเขา ความแค้นในครั้งนี้จะกล้ำกลืนเอาไว้ได้อย่างไร

จี้หมิงซูเดิมก็บาดเจ็บอยู่แล้ว เมื่อต้องสู้กับคนพวกนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะน่าเกลียดขนาดไหน

ตอนที่จี้เม่าซวินถูกตีจนเกือบตายและถูกลากออกมา เขาก็พบว่าอนุที่อ่อนโยนและมีเสน่ห์กับลูกสาวที่ฉลาดและมีเหตุผลของตน กำลังสู้กับคนในบ้านราวกับผู้หญิงบ้า

จี้เม่าซวินถูกโยนไปตรงหน้าจี้จือฮวนด้วยความงุนงง เพื่อฟังคำตัดสินสุดท้าย

ยอดฝีมือและพลพรรคตัวเลขก็เข้าไปรื้อหาแผนภาพที่ห้องหนังสือของจี้หมิงซูแล้ว หลังจากสอบสวนสาวใช้ข้างกายของจี้หมิงซูทั้งหมด แม้แต่ห้องลับของนางก็ถูกค้นเช่นกัน

ในนั้นมีของแปลก ๆ มากมาย ยอดฝีมือเป็นคนซื่อจึงยกออกมาทั้งหมด และโยนไว้ที่หน้าประตู

เมื่อเห็นของหน้าตาแปลกประหลาดเหล่านั้นถูกวางอยู่เต็มพื้น องค์หญิงใหญ่จึงเตะขวดยาขนาดเล็กข้างเท้าไปหนึ่งที และเอ่ยถามขึ้นมา “นี่คืออะไร?”