ตอนที่ 313 บิงเมียนวางยาใส่วู่หยานล่ะ!

บันทึกการเดินทางของคุณแวมไพร์ล่ะ

SGS บทที่ 313 – บิงเมียนวางยาใส่วู่หยานล่ะ!

ความกังวลของเฟยเฟฟและลูลู่นั่นไม่ถือว่ามากเกินไปเลย อย่าลืมว่าแม้แต่มดตัวเล็กๆที่อ่อนแอพอรวมตัวกันมากๆเข้าก็ยังสามารถล้มช้างได้ ความจริงข้อนี้ทุกคนเข้าใจดี ไม่งั้นพวกเขาจะหวาดกลัวการโดนลุมเหรอ?

วู่หยานนั่นแข็งแกร่งมากก็จริง แต่ต่อให้เขาแข็งแกร่งยังไงก็ไม่สามารถต้านทานคนที่อยู่ในแรงค์เดียวกันจำนวนมากๆได้ ยกเว้นก็เพียงแต่เขาเป็นแรงค์8 ไม่งั้นเขาได้เหนื่อยตายก่อนแน่!

ที่สองสาวเป็นกังวลก็คือวู่หยานจะไม่มี แรงกาย ลมปราณ และพลังเวทย์มากพอที่จะช่วยสนับสนุนเขาจนจบ

ทว่าลูลู่และเฟยเฟยได้ขบคิดปัญหานี้ขึ้นโดยอ้างอิงว่าเขายังเป็นมนุษย์………

ถ้า True Ancestor ไม่มีเรี่ยวแรงไร้ขีดจำกัด งั้นก็คงไม่มีใครมีอีกแล้วล่ะ

ลมปราณ? พลังเวทย์? อะไร?กินได้มั้ย? โทษทีถึงพี่ชายคนนี้จะไม่มีที่ว่ามาเลย แต่พี่ชายมีร่างกายคงกระพัน! และแค่นี้ก็เหลือเฟือเพียงพอไว้จัดการกับพวกบ้าตรงหน้านี้แล้ว!

วู่หยานที่ได้คาดการณ์ปฏิกิริยาของผู้คนไว้แล้วว่าคงจะมองตนเป็นคนบ้า เขาก็ทำแค่แค่นรอยยิ้มลึกลับ จากนั้นเปิดปากพูดยิ้มๆ “แน่นอนว่าทุกคนก็ทราบดีอยู่แล้วว่าพวกเราเป็นเด็กใหม่ที่เพิ่งเข้ามาจึงจ๊นจนมาก ดังนั้นคงต้องบากหน้ารบกวนทุกคนแล้ว เช่น ขอแต้มเป็นรางวัลอะไรพวกนี้น่ะนะ…….”

สิ้นคำพูดเขา ทุกคนที่หัวเราะอยู่ก็หน้าแข็งทื่อ ในใจก่นด่า ไอ้เด็กใหม่นี่มันจะโลภมากเกินไปแล้ว!

ส่วนผู้นำขุมกำลังต่างๆก็มีสีหน้าเขียวคล้ำราวกับเพิ่งกลืนแมลงวันลงคอ มองดูใบหน้ายิ้มๆของวู่หยาน พวกเขาก็อดทบทวนความคิดตัวเองใหม่ไม่ได้…….

ให้ไอ้บ้านี้เข้าร่วมมันจะ…..เป็นประโยชน์จริงๆเหรอ?….ไม่ใช่ว่าชักนำหายนะเข้าบ้านตัวเองหรอกนะ?………..

ในเวลานี้ทุกคนได้ความประทับใจใหม่ต่อตัววู่หยานนอกจากจองหองไม่เจียมตัวแล้วยังโลภมากด้วย นี่มันเห็นว่าพวกเขาเป็นตู้กดเงินหรือไง?!

วู่หยานทำเป็นตาบอดมองไม่เห็นสีหน้าทุกคนแล้วพูดต่อ “ถ้างั้นก็ขอสรุปว่า พรุ่งนี้เวลานี้ฉันจะไปรอแขกอันมีเกียรติที่หอคอยแห่งการทดสอบ!”

พูดเสร็จวู่หยานก็กวาดตามองผ่านทุกคนอีกครั้ง จากนั้นหันหลังเดินเฉียดตัวบิงเมียนไปหาฮินางิคุกับมิโคโตะ ส่วนคนอื่นต่างก็หันมามองหน้าคนข้างๆ ในเมื่อมันเป็นแบบนี้แล้วพวกเขาจะอยู่ต่อมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร ดังนั้นต่างคนก็พูดอำลาแล้วถอยกลับไป……..

ทะเลมนุษย์ได้พากันแยกย้ายเดินจากไป ทำให้ไม่นานพื้นที่ที่แออัดคับคังเมื่อกี้ดูโล่งขึ้นทันตา

บิวท์ยิ้มมุมปาก มองดูวู่หยาน “ในเมื่อคุณชายท่านนี้คิดที่จะตัดสินด้วยการประลอง ถ้างั้นพรุ่งนี้แน่นอนว่าพวกเรา ปฐพีสีชาด ของพวกเราย่อมไปแน่ เมื่อถึงเวลานั้นก็หวังว่าคุณชายจะออมมือให้ด้วยนะ……..”

หลังจากหัวเราะฮ่าๆทีหนึ่ง บิวท์ก็โบกมือให้ผู้ใต้บังคับบัญชาด้านหลังตน แล้วเริ่มเดินจากไป………

ทันใดนั้นพื้นที่นี้ก็เหลือเพียงแค่คนของ ป่าแห่งความตาย กับ ธารเหมันต์ ทั้งสองฝ่ายมองกันและกันด้วยแววตาเป็นปรปักษ์อย่างชัดเจน

โดยยังไม่ต้องพูดถึงประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็แข่งขันแย่งชิงกันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เอาแค่เรื่องที่บิงเมียนหน้าแตกต่อหน้าผู้นำขุมกำลังอื่นจำนวนมากก็ทำเขาแทบคลั่งแล้ว!

เมื่อฝูงชนหายไป ลูลู่ก็ผ่อนคลายได้ในที่สุด เธอที่เป็นคนสบายๆจึงรู้สึกกดดันมาเมื่อเหล่าผู้นำจากทั้งเก้าตระกูลที่ทรงพลังที่สุดมาเผชิญหน้ากัน

ลูลู่เดินออกมาจากด้านหลังเฟยเฟยมายืนด้านหน้าบิงเมียน ทันใดนั้นเธอก็ขมวดคิ้วคู่งามแล้วเบ้ปากน้อยๆทีนึงจากนั้นแค่นเสียงด้วยความไม่พอใจ มือไม้โบกไปด้านหน้าราวกับกำลังไล่แมลงวันยังไงยังงั้น

“เฮ้! คนอื่นเค้าไปกันหมดจนหมดแล้วนะ! ทำไมนายถึงยังไม่รีบไปอีกห๊ะ? รู้มั้ยฉันน่ะโครตเหม็นขี้หน้านายเลย!!”

ได้ยินสีหน้าบิงเมียนก็ดำคล้ำดุจถ่านหินทันที เห็นสีหน้าขยะแขยงของลูลู่ ใบหน้าหล่อเหล่าก็บิดเบี้ยว ไม่นานเขาก็หันไปมองวู่หยาน

ผุดเอายิ้มเย็นยะเยือกออกมา บิงเมียนพูดเย้ย “พรุ่งนี้ เห็นที่ฉันคงต้องขอคำชี้แนะจากคุณชายผู้สูงส่งท่านนี้หน่อยนะ!”

ชายตามองบิงเมียนที วู่หยานก็หัวเราะหึๆแล้วหันไปมองทางอื่น ทำหน้าที่บิดเบี้ยวอยู่แล้วของบิงเมียนยิ่งย่นหนักเข้าไปใหญ่

สูดลมหายใจเข้าลึกหลายครั้ง ในที่สุดบิงเมียนก็ยิ้มออกมาได้อีกครั้ง เขาเดินมาตรงหน้าวู่หยานแล้วยื่นมือออกมา “เมื่อถึงเวลานั้นก็หวังว่าคุณชายจะออมมือให้ด้วยนะ……..”

ได้ยินวู่หยานก็ยกคิ้วมองดูมือที่ตรงหน้าตน เขาก็ยิ้มอย่างไม่แยแสออกมาแล้วยื่นมือไปจับตอบ

พริบตาหนึ่งก่อนที่มือทั้งสองจะสัมผัสกัน วู่หยานก็สังเกตเห็นแววตาเยาะเย้ยของมันเข้า วินาทีต่อมาเขาก็ตรวจจับคลื่นลมปราณเบาบางสายหนึ่งได้ไหลจากมือบิงเมียนเข้ามาในตัวเขา!

โห คิดจะลอบกัดอย่างงั้นสิน่ะ?

สีหน้าวู่หยานไม่เปลี่ยนแปลงกทว่าในใจเขากำลังหัวเราะเย้ยหยัน กระแสลมปราณเส้นเล็กจิ๋วนี้ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นคงยากที่จะตรวจพบ แต่ถ้าคิดจะทำให้เขาไม่รู้ตัวล่ะก็…..บอกเลยเอ็งยังไม่คู่ควร!

ทางด้านบิงเมียนกำลังคิดว่าแผนของตนสำเร็จแล้วแน่นอน เพราะกระแสปราณเส้นนี้มันเบาบางมาก อีกอย่างนี้ก็เป็นเทคนิคลับเฉพาะสำหรับการลอบวางยาพิษด้วย!

คลื่นลมนี้มันยากมากที่จะตรวจจับได้ อย่างน้อยจนกระทั้งบัดนี้บิงเมียนก็ยังไม่เคยเจอใครที่รู้สึกตัวเลย สิ่งนี้สามารถแอบลอบเข้าไปในร่างกายอีกฝ่ายได้ จากนั้นมันก็จะค่อยๆสะสมกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ นานวันเข้าเมื่อสะสมกำลังมากพอได้มากพอมันก็จะระเบิด! ส่งคนผู้นั้นลงนรก!

ในอดีต เขาได้ใช้เทคนิคนี้กับคนที่แข็งข้อต่อตน เมื่อมันผู้นั้นตายไปก็ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วที่บิงเมียนได้เลิกติดต่อกับมัน ดังนั้นผู้คุมกฏจึงไม่มีหลักฐานว่าเขาเป็นคนทำ! เรียกได้ว่าบิงเมียนเคยทดสอบเทคนิคนี้มาแล้ว!

ทว่าครั้งนี้……บิงเมียนได้เตะก้อนเหล็กเข้าให้แล้ว……

ฉากหน้าวู่หยานเฉยเมยทำเป็นไม่รู้อะไร แต่ข้างในเขาได้สั่งการคลื่นไฟฟ้สหลายเส้นให้เข้ามาโอบล้อมเป็นกรงขังพลังแปลกปลอมที่บุกรุกเข้ามานี้!

ราวกับแมลง คลื่นนี้เคลื่อนไหวไปมารอบกรงไฟฟ้าทว่าก็ทำอะไรไม่ได้ จากนั้นภายใต้การสั่งของวู่หยาน กรงไฟฟ้าก็ได้ชักนำคลื่นนี้มาที่มือข้างซึ่งกำลังจับมือบิงเมียน!

ในใจแค่นเสียงหัวเราะอย่างเย็นชา กรงไฟฟ้าได้แยกตัวออกเปลี่ยนเป็นแส้หวดเข้าใส่คลื่นลมปราณจนมันตัวสั่น จากนั้นรีบเคลื่อนตัวหนีออกจากมือวู่หยานเข้าไปยังร่างกายบิงเมียน…..มันกลับไปยังบ้านเกิดแล้ว……..

ส่วนบิงเมียนที่ไม่รู้ตัวอะไรเลยก็กำลังส่งรอยยิ้มให้วู่หยานอยู่!

ปล่อยมือที่จับ บิงเมียนเลิกให้ความสนใจวู่หยาน อีกไม่นานเดียวมันก็ตายแล้ว ในระหว่างนี้เขาก็อยู่ห่างๆมันไว้ก็โอเค เมื่อถึงเวลานั้นมันตายไปแล้วใครจะมาจับเขาได้?……

แน่นอนว่าพรุ่งนี้เป็นข้อยกเว้น ยังไงเขาก็ต้องไปหอคอยแห่งการทดสอบเพื่อสั่งสอนไอ้เวรนี่!

ก่อนจากไปเขาหันไปมองฮินางิคุ มิโคโตะ และอิคารอส อีกครั้งด้วยสายตาไม่เต็มใจ จากนั้นมองเฟยเฟยกับลูลู่ที บิงเมียนถึงเดินนำคนของตนกลับไป……..

จนกระทั้งไม่เหลือใครอีก เฟยเฟยก็เดินมาข้างกายวู่หยาน แล้วพูดด้วยเสียงจริงจัง “พรุ่งนี้นายต้องระวังตัวด้วยนะ บิงเมียนเป็นพวกใจแคบเจ้าคิดเจ้าแค้น มันไม่ปล่อยนายไปแน่ อีกอย่างมันก็เป็นผู้ครองบันลังค์อันดับที่25ด้วย!”

ได้ยิน มุมปากวู่หยานก็โค้งขึ้น……..

พรุ่งนี้ตู….จะรวย….หึๆ

————————–

กลุ่มแปลไป1438 ตอนแล้วครับ ทักแอดมได้ที่เพจ ห้องสมุดคนรักนิยาย