บทที่ 141 หลี่ฉางชิ่งผู้อำนวยการโรงงานขนมไข่

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 141 หลี่ฉางชิ่งผู้อำนวยการโรงงานขนมไข่

“งั้นทิ้งเซี่ยงหง พี่ใหญ่ รีบทิ้งเธอเลย เก็บไว้แต่คนสำคัญก็พอ” เซี่ยงเหล่าเอ้อร์ครุ่นคิดแล้วรีบพูด

“แกเต็มใจหรือ?”

“ไม่ ฉันไม่เห็นด้วย!”

สองประโยคดังขึ้นพร้อมกัน

เสียงผู้ชายคือเซี่ยงคนโต เสียงผู้หญิงคือสือสวิ่นฟาง

“เพราะให้แกสั่งสอนไงถึงได้เป็นเด็กไร้ค่าแบบนี้ ไม่ถงไม่ถามแต่กลับตามใจจนตอนนี้มันถึงได้วุ่นวายใหญ่โตแบบนี้ไง แล้วแกยังจะปล่อยไว้อีกหรือ?”

“สือสวิ่นฟาง เธอจะรอให้เด็กไร้ค่าแบบนี้ลากตระกูลเซี่ยงลงไปในหลุมใช่ไหม?”

เซี่ยงเหล่าเอ้อร์ผ่อนปรนกับสือสวิ่นฟางมากกว่าที่คิดเสียอีก

ที่ครั้งนี้เขาด่าออกไปก็เพราะโกรธจริง ๆ

“พ่อ หนูไม่อยากทำแบบนั้น หนูไม่คิดจะลากตระกูลเซี่ยงลงไปในหลุม หนูแค่… แค่อิจฉานังปีศาจจิ้งจอกคนนั้นที่เคยแต่งงานมาแล้วต่างหาก!” เซี่ยงหงร้องไห้

ตอนนั้นเองที่เธอเพิ่งโต้กับบิดาที่คิดจะโยนเธอทิ้ง

หากไม่มีตระกูลเซี่ยงแล้ว เซี่ยงหงจะยังมีชีวิตที่ดีในอนาคตข้างหน้าอีกไหม?

“อิจฉา? แกอิจฉาอะไร?” เซี่ยงเหล่าเอ้อร์ตะคอกด้วยแววตาแดงก่ำ “แกเป็นอะไรกับเขา? ตัวเองจัดการผู้ชายคนเดียวไม่ได้ ก็เลยไปอิจฉาผู้หญิงคนอื่น?”

เด็กโง่เง่า ให้โอกาสไปตั้งหลายครั้ง แต่เฉินจื่ออันกลับไม่ชายตามองเลย

แล้วกล้าดีอย่างไรมาบอกว่าอิจฉาคนอื่น!

“พ่อ!” เซี่ยงหงตะโกนด้วยความไม่เชื่อ

“จากนี้ไป แกไม่ใช่ลูกสาวฉันอีก พรุ่งนี้แกต้องถูกส่งตัวไปชนบท!” เซี่ยงเหล่าเอ้อร์ไม่เปลี่ยนใจเลยสักนิด

วันต่อมา

แน่นอนว่าตระกูลเซี่ยงส่งเซี่ยงหงออกเดินทางหลายพันลี้เพื่อไปชนบท และเวลาก็กระชั้นชิดมาก เวลาออกเดินทางคืออีกสามวันให้หลัง

พอได้ข่าวจากครอบครัวนี้ เฉินจื่ออันแค่นยิ้มเล็กน้อย

ผลลัพธ์ไม่เป็นที่น่าพอใจ แต่ก็ยังยอมรับได้อย่างไม่เต็มใจนัก

เขาไม่เคยคิดจะตามติดเรื่องแบบนี้เลย เพราะยังมีสิ่งสำคัญอื่นอีกมากมายที่ต้องทำ

ตัวอย่างเช่น พาซูเสี่ยวเถียนไปพบหลี่ฉางชิ่งผู้อำนวยการโรงงานขนมไข่

เมื่อหลี่ฉางชิ่งเห็นเฉินจื่ออันมาหาก็ประหลาดใจมาก

“หัวหน้าเฉิน ทำไมถึงมาที่นี่ได้ละครับ? ไม่เคยเห็นท่านมาก่อนเลย”

เขาทักทายอย่างสุภาพมาก

เราทั้งคู่ต่างก็คุ้นเคยกันดี แต่เฉินจื่ออันเป็นคนเย็นชา การเข้าหาเขาจึงไม่ใช่เรื่องง่าย

เป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่จู่ ๆ วันนี้ก็มาถึงโรงงานที่เพิ่งเปิดใหม่

ชักเริ่มสงสัยแล้วด้วยซ้ำว่าหัวหน้าเฉินจะเหมือนกับผู้นำคนอื่น ๆ หรือเปล่า ที่มาเพื่อหาคนเข้าโรงงาน?

ถ้าหัวหน้าเฉินพูดจริง ๆ จะต้องทำหน้าแบบไหนให้ไปดีล่ะ

ได้ยินมาว่าสมาชิกในครอบครัวของภรรยาหัวหน้าเฉินต่างอยู่ในชนบท บางทีหัวหน้าเฉินคงมาที่นี่เพื่อเรื่องนี้

“ผมก็แค่มาดู แต่โรงงานขนมไข่ของคุณเล็กไปหน่อยนะ!” หลังจากที่เฉินจื่ออันมองไปรอบ ๆ ก็พูดแทงใจออกมา

หลี่ฉางชิ่งอยากจะกลอกตาเหลือเกิน ตาแก่คนนี้อยากจะพูดจริง ๆ เลยว่าก่อตั้งโรงงานไข่ไก่น่ะมันง่าย แต่ที่ไม่ง่ายคือวัตถุดีหรือเปล่าต่างหาก?

แป้ง น้ำมัน น้ำตาล สิ่งพวกนี้บอกเลยว่าง่าย แต่ที่ยากที่สุดคือไข่ไก่

ไข่เป็นของดีหายาก ซื้อยากด้วย

“หัวหน้าเฉิน มันช่วยไม่ได้นี่ครับ ไข่ไก่ที่อำเภอเราผลิตมันน้อยเกินไปจริง ๆ” หลี่ฉางชิ่งพูดอย่างขมขื่น

“ถ้ามีไข่มากพอ คุณสามารถปรับให้ใหญ่ขึ้นได้ไหม?”

หลี่ฉางชิ่งทุบอกทันทีแล้วตอบด้วยท่าทีมั่นใจ “ได้อยู่แล้วครับ พวกเราไม่ขาดคน ไม่ขาดทักษะ และไม่ขาดสถานที่ ขาดก็แต่ไข่ไก่เท่านั้น!”

“ชุมชนการผลิตหงซินมีฟาร์มเลี้ยงไก่ และไข่จะผลิตในอีกไม่กี่เดือน ใกล้ถึงปีใหม่คุณก็ไปติดต่อพวกเขาได้นะ” เฉินจื่ออันว่า

“ชุมชนการผลิตหงซิน? หัวหน้าเฉินพูดจริงหรือครับ? ทำไมผมไม่ได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย”

ข่าวสำคัญขนาดนี้ทำไมถึงไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยล่ะ?

ทั่วทั้งอำเภอไม่มีฟาร์มไก่เลยสักแห่ง ถ้ามีการเลี้ยงขึ้นมา ปัญหาทุกอย่างจะถูกแก้ไขไม่ใช่หรือ?

ถึงจะมีแค่ไก่และยังไม่มีไข่ ก็ถึงเป็นข่าวที่สำคัญมากอยู่ดี

ไม่ได้การแล้ว ต้องสั่งตอนนี้เลย ถ้าเกิดมีใครได้ยินเข้าแล้วตัดหน้าสั่งไปก่อนล่ะจะทำอย่างไร?

ต้องรู้ก่อนว่าในอำเภอนอกจากโรงงานขนมไข่แล้ว ยังมีโรงงานติ่มซำด้วย ไข่จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก

“เด็กคนนี้ของบ้านผมก็มาจากหงซินด้วย!” เฉินจื่ออันพยักพเยิดให้เสี่ยวเถียน

จากนั้นหลี่ฉางชิ่งก็สังเกตเห็นว่ามีสาวน้อยอยู่ข้างหลังหัวหน้า

“อั๊ยหย่า นี่เป็นลูกสาวของท่านใช่ไหมครับ? สวยเชียว ดูเฉลียวฉลาดมาก” หลี่ฉางชิ่งรีบพูดเชยชม

แต่หลังจากนั้นก็คิดขึ้นได้ ได้ยินว่าหัวหน้าเฉินเพิ่งมีลูกยังไม่เต็มเดือนดีเลย งั้นสาวน้อยคนนี้ต้องไม่ใช่ลูกหัวหน้าเฉินแน่นอน

เขาคิดจะพูดเปลี่ยนคำ แต่ใครจะรู้เล่าอีกฝ่ายเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน!

“เป็นครอบครัวผมเอง”

เป็นสมาชิกบ้านหัวหน้าเฉิน?

หลี่ฉางชิ่งสับสน

แต่แล้วเขาก็จำได้อีก ได้ยินคนพูดว่าภรรยาหัวหน้าเฉินแต่งงานมาสองครั้งแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นลูกติดก็ได้?

“สวัสดีค่ะคุณลุงหลี่ หนูมาจากชุมชนการผลิตหงซินค่ะ ชื่อซูเสี่ยวเถียน ชุมชนเราตั้งฟาร์มไก่ได้ไม่นาน แล้วขนาดก็ไม่ได้ใหญ่มากค่ะ” ซูเสี่ยวเถียนพูดจาอย่างชาญฉลาด

“เป็นเด็กที่ฉลาดจริง ๆ เลย งั้นหนูบอกลุงหน่อยซิว่าเดือนหนึ่งได้ไข่ทั้งหมดกี่ฟอง?” หลี่ฉางชิ่งเริ่มสนใจ

แต่พอได้ยินว่าขนาดไม่ใหญ่นักก็ผิดหวังนิดหน่อย แต่ตามหลักแล้วไม่ว่ายุงจะตัวเล็กแค่ไหน อย่างไรก็ต้องคว้าไข่พวกนี้ไว้ให้ได้

“ได้มากถึงสามพันฟองต่อเดือนค่ะ”

สามพันฟองเลยหรือ? อันที่จริงนั่นก็น้อยไปหน่อย

หลี่ฉางชิ่งรู้สึกผิดหวังมากยิ่งขึ้น

“สถานการณ์เหมือนกับโรงงานคุณลุงหลี่เลยค่ะ คุณขาดไข่ ส่วนพวกเราขาดลูกไก่” ซูเสี่ยวเถียนพูดอีกครั้ง

ขาดลูกไก่?

หลี่ฉางชิ่งเริ่มคำนวณอย่างรวดเร็วและในที่สุดก็พบว่าเขามีวิธีที่จะได้ลูกไก่มากจริง ๆ ดวงตาพลันสว่างขึ้น

“ถ้ามีลูกไก่ พวกเธอจะเลี้ยงได้ไหม?”

“ได้แน่นอนค่ะ ชุมชนเรามีฟาร์มไก่ใหญ่มาก แต่ตอนนี้มีไก่แค่สองร้อยตัวค่ะ ต่อให้เลี้ยงอีกพันตัวก็ไม่มีปัญหาค่ะ”

ตอนนั้นเองหลี่ฉางชิ่งไม่ได้มองเสี่ยวเถียน แต่มองไปที่หัวหน้าแทน

เรื่องใหญ่ขนาดนี้ แต่มีแค่เด็กพูดคนเดียว ทำไมรู้สึกพึ่งพาไม่ค่อยได้นะ?

ถึงหัวหน้าเฉินจะพามา แต่ก็รู้สึกไม่น่าเชื่ออยู่ดี

“ผู้อำนวยการหลี่ คุณคุยเรื่องนี้กับเสี่ยวเถียนเถอะ”

“หัวหน้าเฉิน ถ้าเธอพูดจะไม่เป็นไรหรือครับ?” หลี่ฉางชิ่งถามอย่างลังเล

“ถ้าไม่เชื่อ งั้นผมจะไปหาที่อื่น” เฉินจื่ออันพูดอย่างไม่เกรงใจ

สงสัยซูเสี่ยวเถียนงั้นหรือ?

งั้นก็ช่างมัน!

แม่ยายบอกว่าฟาร์มไก่ของเรามีเสี่ยวเถียนเป็นคนก่อตั้ง ไก่ที่เลี้ยงในตอนนี้ก็ใช้วิธีของหลานสาว

เขามองไปที่เด็กหญิงด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า ท่าทางดูตามใจมาก

มันทำให้หลี่ฉางชิ่งสงสัยว่าตัวเองตาฝาดหรือเปล่า

ท่าทางนี้มันอย่างไรกันหัวหน้าเฉิน? ถ้าเป็นลูกตัวเองจะตามใจก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ลูกติดนะ…

ดูเหมือนหลี่ฉางชิ่งเข้าใจไปแล้วว่า ซูเสี่ยวเถียนเป็นลูกติดภรรยาของเขา

แต่หลังจากขบคิดดูอีกทีก็ช่างมันเถอะ เรื่องของบ้านเขา จะตามใจก็ตามใจไปสิ!

ตราบใดที่มันสามารถช่วยเขาแก้ปัญหาไข่ได้แค่นั้นก็พอแล้ว