บทที่ 153 ห้ามให้นางหนีไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่153 ห้ามให้นางหนีไป

ในห้องหนังสือ

สายตาเย็นชาของเย่แจ๋หยิ่งไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ นิ้วเรียวยาวดูเหมือนเคาะลงบนโต๊ะอย่างไร้ระเบียบ เวลาผ่านไปนานถึงเอ่ยปากขึ้นมาอย่างเย็นชา

“ไปหาคนที่อยู่เบื้องหลังมาให้ข้า ถ้าเป็นคนในพระราชวังก็ไม่ต้องเกรงใจ”

หลังจากพ่อบ้านเหมยรับคำสั่ง คิ้วที่ขมวดอยู่ก็ยังไม่คลายลง

“ท่านอ๋อง แล้วข่าวลือพวกนั้นควรทำอย่างไร?”

ในเมื่อท่านอ๋องก็รู้ว่าเป็นเรื่องใหญ่ ทำไมไม่บอกให้พระชายารู้?

หรือว่าท่านอ๋องกับพระชายามีความขัดแย้งกัน?

“ควบคุมมันหน่อยก็ได้แล้ว!”จะให้หลานเยาเยาสบายใจมากไปไม่ได้ ไม่งั้นถ้าไม่ทันระวังก็จะทำให้นางหนีไปจากข้างกายเขา

“ขอรับ ท่านอ๋อง!”

หลังจากพ่อบ้านรับคำสั่งก็ถอยหลังออกไป ขณะนี้ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากหน้าต่างของห้องหนังสือจากนั้นก็มีผู้ชายวัยรุ่นคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นต่อสายตาของเย่แจ๋หยิ่ง

คนที่มักไม่เดินผ่านประตูห้องถ้าไม่ใช่โม่เหลียงเฉินแล้วจะเป็นใคร?

เขาจะไม่เดินมาทางประตูหลักอยู่เสมอ สำหรับห้องหนังสือของเย่แจ๋หยิ่งก็ยิ่งเหมือนเดินในบ้านตนเองยังไงอย่างงั้น

“มีธุระ?”

เย่แจ๋หยิ่งไม่แม้แต่จะยกหัวขึ้น สำหรับการปรากฏตัวของเขาทำให้ต้องขมวดคิ้ว

“ไม่ต้อนรับข้าขนาดนี้เลย? ข้าเป็นสหายที่ปรึกษาที่ดีของเจ้า ข้ามีบางเรื่องมาเตือนเจ้าโดยเฉพาะ”โม่เหลียงเฉินที่เข้าใจนิสัยของเย่แจ๋หยิ่งอย่างดีมานานแล้ว สำหรับท่าทีตอนนี้ของเย่แจ๋หยิ่งจึงไม่รู้สึกแปลกใจเลยสักนิด

“พูด”

ดูเหมือนรู้ว่าโม่เหลียงเฉินจะพูดอะไร ร่างกายของเย่แจ๋หยิ่งอดไม่ได้ที่จะหยุดนิ่งเล็กน้อย

“วันก่อนเรื่องที่เจ้าสั่งให้ข้าไปตรวจสอบมีเบาะแสใหม่แล้ว”

โม่เหลียงเฉินเทชาให้ตนเอง ยกเท้าเตรียมจะก้าวขึ้นบนเก้าอี้ก็ถูกสายตาเย็นชาของเย่แจ๋หยิ่งมองมาจึงรีบนั่งลงดีๆอย่างเชื่อฟังพร้อมทั้งพูดต่อว่า:

“สำหรับการเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของหลานเยาเยาข้ารู้ว่าเจ้าไม่อยากพูดแต่ก็มีบางเรื่องที่เจ้าควรรู้ นางไม่ธรรมดา อีกทั้งช่วงนี้นางได้ติดต่อกับเซียวซื่อจื่อของพระตำหนักเจ้าพระยาซื่อสัตย์ ตามที่ข้ารู้มาพวกเขาไม่รู้จักกันมาก่อน”

เซียวจิ่นหยูมีพรสวรรค์ที่หาได้ยาก คนทั่วไปประเมินค่าเขาสูงมาก เขาเองก็เก็บตัวไม่สนใจผู้อื่นเสมอไม่เคยได้ยินว่าเคยติดต่อกับหญิงคนไหน

แต่ว่า!

ในช่วงไม่กี่วันนี้ เซียวจิ่นหยูมีการติดต่อกับหลานเยาเยาสองสามครั้งซึ่งทุกครั้งดูเหมือนเป็นความบังเอิญ

แต่บังเอิญมากไปก็ไม่บังเอิญ

“นางไม่ใช่สายลับ!”น้ำเสียงหนักแน่นไม่อาจปฏิเสธ

พอนึกถึงตอนนึงที่หลานเยาเยากับเซียวจิ่นหยูเจอกันตอนอยู่ที่จวนแม่ทัพ ฉากที่นางหัวเราะอย่างเบิกบาน ทันใดนั้นความไม่พอใจก็ผุดขึ้นในใจ

“แต่นางรู้จักกับคนของราชวงศ์เก่า ในมืออาจจะยังมี……”

คำพูดด้านหลังโม่เหลียงเฉินไม่ได้พูดให้จบ แต่เขาก็รู้ว่าเย่แจ๋หยิ่งรู้ว่าเขาพูดอะไร

“สรุปเจ้าอยากพูดอะไร?

เย่แจ๋หยิ่งอดขมวดคิ้วไม่ได้ โม่เหลียงเฉินพูดกับเขาไม่เคยพูดครึ่งไม่พูดครึ่งแต่วันนี้กลับไม่ชี้แนะคำพูด

“อะแฮ่ม ในฐานะที่เป็นสหายที่โตมาด้วยกัน ได้เห็นเจ้าเอาใจใส่ผู้หญิงข้าก็ดีใจ แล้วก็รู้ว่าเจ้านี้ไม่อ่อนไหวง่ายๆถ้าได้อ่อนไหวแล้วก็จะไม่ล้มเลิก

แต่ในฐานะที่ปรึกษาก็มีคำที่ต้องขอชี้แนะ ความคิดนึงเป็นสวรรค์,ความคิดนึงเป็นนรก เจ้าไม่ได้เป็นแค่เจ้า”

ความหมายที่แท้จริงของประโยคนี้ มีเพียงแต่เขาและผู้ที่ติดตามเย่แจ๋หยิ่งอย่างซื่อสัตย์เท่านั้นถึงจะเข้าใจ

ได้ยินดังนั้น!

เย่แจ๋หยิ่งก็ไม่ได้แสดงออกอะไรมาก หลังจากเงียบไปนิดนึงก็เอ่ยปากพูด

“นางจะไม่กลายเป็นภาระของข้า!”

ในเมื่อเขาแน่ใจขนาดนี้ โม่เหลียงเฉินก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่พอคิดถึงหลานเยาเยาเคยคุยโม้โอ้อวดไว้ว่าต้องการยึดอำนาจจวนอ๋องเย่และต้องการกวาดเย่แจ๋หยิ่งออกไปก็อดเบะปากไม่ได้

ผู้หญิงแบบนี้ประมาทเลินเล่อเกินไป เย่แจ๋หยิ่งชอบอะไรในตัวนาง?

ทั้งสองคนคุยกันบางเรื่องก็ถึงเวลาที่โม่เหลียงเฉินจะอำลา เสียงของเย่แจ๋หยิ่งดังขึ้นมาอย่างเอ้อระเหย:

“สาวใช้ข้างกายนางที่เพิ่งมาใหม่เป็นคนของชาวหยินไห่ ในช่วงปีนี้ชาวหยินไห่เกิดการขัดแย้งภายใน เจ้าไปสืบจุดประสงค์การมายังเมืองหลวงของนาง”

“ได้!”

เรื่องเล็กอย่างนี้ไม่ต้องใช้เวลาสามวันก็รับรองได้ว่าจะสืบได้อย่างชัดเจน

สำหรับสิ่งนี้ โม่เหลียงเฉินเต็มไปด้วยความมั่นใจในตนเอง

……

ห้องโถง,จวนอ๋องเย่

คุณหนูของแต่ละตำหนักต่างมารอกันนานแล้ว วันนี้พวกนางมีความสุขเป็นพิเศษ

ถ้าเป็นเมื่อก่อน อย่าพูดถึงการเข้ามาในจวนอ๋องเย่เลยแม้แต่เข้าใกล้จวนอ๋องเย่ยังไม่กล้า อย่างไรเสียอ๋องเย่ผู้กระหายเลือด เลือดเย็นไร้ความรู้สึกนั้นทุกคนก็รู้แล้ว

จะรู้ได้ที่ไหนกันว่าอ๋องเย่นั้นรูปงามราวกับเทพบุตร

เพียงจุดนี้ กระหายเลือดแล้วยังไง?

หลานเยาเยาที่เป็นพระชายาเย่ก็ยังมีชีวิตอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

ตอนนี้คนจำนวนมากในห้องโถงแทบอยากจะเลือกความผิดของหลานเยาเยาออกมา ให้อ๋องเย่หย่ากับนางแบบนั้นพวกนางถึงจะมีโอกาส

ในเมื่อเห็นว่าโอกาสดีขนาดนี้ พวกนางจะปล่อยไปได้ยังไงหล่ะ?

เมื่อตอนที่พวกนางกำลังคิดว่าหลานเยาเยาขี้ขลาดไม่กล้าออกมาพบพวกนางนั้น องครักษ์คนนึงที่ป้องกันประตูห้องโถงก็ตะโกนเสียงแหลมว่า:

“พระชายาเสด็จ!”

เสียงแหลมที่ดังขึ้นกะทันหันทำให้เหล่าหญิงสาวด้านในตกอกตกใจยกใหญ่

แต่พวกนางก็รีบดึงสติลุกขึ้น

“คารวะพระชายาเย่!”

แม้หลานเยาเยาจะไม่ได้สวมชุดทางการของพระชายาแต่นางก็สวมชุดสีฟ้าไพลินหรูหรา เดิมทีนางที่ใส่อะไรก็เจ้าอารมณ์ไปหมด แต่หลังจากที่สวมชุดนี้ก็กดเหล่าคุณหนูที่แต่งตัวงดงามเพริศพริ้งไปซะหมด

ในน้ำเสียงที่ฉอเลาะนั้นจะมีสักกี่คนที่เรียกนางว่าพระชายาเย่อย่างจริงใจ?เมื่อมองไปยังทุกคนที่มีสีหน้าต่างกันออกไป หลานเยาเยาก็ยิ้มเรียบๆ

“พวกเจ้าลุกขึ้นเถอะ!”

หลังจากที่ทุกคนลุกขึ้นแล้วนั่งลงจนหมด นางถึงหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบ

พูดคุยกับเหล่าคุณหนูอยู่พักหนึ่ง

ส่วนใหญ่พวกนางก็คุยจ๊อกๆแจ๊กๆ ส่วนหลานเยาเยาจิบชาฟังเงียบๆ

ผ่านไปพักใหญ่

นางก็รู้แล้วว่าในหมู่คุณหนูนี้ดูเหมือนมีลูกสาวภรรยาเอกของจวนเฉิงเสี้ยงเป็นศูนย์กลาง

จวนเฉิงเสี้ยง?!

ก็กะอีแค่น้องรอง ถังมู่หวั่นสาวงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวง

งั้นก็น่าสนใจแล้ว

เมื่อมองน้ำเสียงท่าทางการพูดของนางที่ราวกับที่นี่เป็นจวนเฉิงเสี้ยงบ้านของนางเองแล้วนั้น สำหรับตนเองที่จะพูดไม่พูดนั้นดูเหมือนไม่รู้สึกว่ามีอะไรไม่เหมาะสม

คุณหนูคนอื่นๆก็ยิ่งเข้าใกล้นางเวลาพูดทำให้นางดีใจจนปากแทบจะยกขึ้นบิน

ขณะนั้น!

ในบรรดาคุณหนูจู่ๆก็มีคนร้องดังขึ้นมา

“โอ๊ย ปวด ปวดท้องมาก! ข้าใกล้ตายแล้วใช่ไหม?”

สิ้นเสียง คุณหนูผู้นั้นก็ล้มลงไปกับพื้น ทั้งใบหน้าขมวดยู่ยี่เข้าด้วยกัน

หลานเยาเยาอดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้น

การแสดงก็ไม่รู้จักตั้งใจแสดงสักหน่อย สายตาเจ้านั้นแสดงแล้วหรอหน่ะ!

หลานเยาเยามองเงียบๆไม่ร้อนใจสักนิด แต่คุณหนูคนอื่นๆร้อนใจจนอีนุงตุงนังไปหมดแล้ว

“จู่ๆนางเป็นอย่างงี้ได้อย่างไร? ใบหน้านั่นน่ากลัวมาก!”

“ไม่รู้สิ!รีบให้คนไปเชิญหมอเร็ว!”

“วิชาการรักษาของพระชายาเย่ไม่ใช่ว่าไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้หรือ? ก่อนที่หมอจะมาเชิญให้นางดูก่อนเถอะ!”

“ใช่ๆๆ ให้พระชายาเย่ดูก่อน วิชาการรักษาของพระชายาเย่สูงขนาดนั้น นางต้องวินิจฉัยโรคออกมาได้แน่ บางทีก็ไม่ต้องไปเชิญหมอมาแล้วก็ได้”เมื่อพูดเช่นนั้น ทุกคนก็ทยอยหันมามองหลานเยาเยา