บทที่ 152 ส่งท้ายปีเก่า
แค่ชั่วกะพริบตาก็ถึงวันส่งท้ายปีเก่าแล้ว
ปีนี้คือปีที่สองที่ถังหลี่หลุดเข้ามาในนวนิยายเรื่องนี้ ในตอนแรกที่มาถึง นางเอาแต่คิดว่าจะอยู่ให้ห่างจากคนป่าที่ดุร้ายอย่างเว่ยฉิงได้อย่างไร แต่ตอนนี้ชายหนุ่มและลูก ๆ คือหัวใจของถังหลี่ นางรู้สึกว่าทุกอย่างได้ถูกกำหนดมาแล้ว ที่นี่มีคนที่นางรักกำลังรอนางอยู่ เมื่อถังหลี่หลุดเข้ามาจึงได้เจอกับผู้ชายที่รักนางและลูก ๆ ที่น่ารักถึงสี่คน แม้จะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากบ้างในบางครั้ง แต่โดยรวมแล้วถังหลี่ก็มีความสุขดี
เมื่อเห็นว่าในวันพรุ่งนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่า ถังหลี่จึงออกไปนอกบ้านพร้อมกับเด็กทั้งสี่คน วางแผนจะซื้อเสื้อผ้ารวมถึงข้าวของต่าง ๆ มาฉลองในวันปีใหม่
บนท้องถนนมีผู้คนมากมายบรรยากาศดูมีชีวิตชีวาไปทุกที่ เอ้อร์เป่าและซานเปามีความสุขมาก ถังหลี่จะซื้อของให้พวกเขาทันทีเมื่อเห็นว่าพวกเขาชอบอะไร ในขณะที่ต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยมีท่าทีนิ่งขรึม ได้แต่มองดูแท่นฝนหมึกเท่านั้น เอ้อร์เป่ามักชอบดูของแปลก ๆ แต่สำหรับซานเป่านั้น…
ในมือของเด็กหญิงเต็มไปด้วยของกินและของเล่น หากนางถือเองไม่ได้ก็จะโยนไปให้พี่ ๆ ช่วยนางถือ
“ท่านแม่ พวกเราฉลองปีใหม่ทุกวันได้หรือไม่?” ซานเป่าถามอย่างตื่นเต้น เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นถาม
“ถึงไม่ใช่ปีใหม่ แม่ก็จะซื้อของที่เจ้าชอบให้ได้” ถังหลี่บีบจมูกเล็ก ๆ ของเด็กหญิงก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ
“ข้าอยากให้ท่านแม่อยู่กับข้าในวันปีใหม่” ซานเป่าพึมพำด้วยน้ำเสียงน่าเอ็นดู
ถังหลี่ได้ยิน แน่นอน…เด็ก ๆ ย่อมอยากให้มารดาอยู่ข้างกายตลอดเวลา
นางรู้สึกขมฝาดในหัวใจ ดังนั้นหญิงสาวจึงเพิ่มรายการที่ต้องทำลงไปอีกอย่างหนึ่งในปีหน้า คือการหาเวลาอยู่กับลูก ๆให้มากขึ้น
หญิงสาวเดินอยู่ที่ตลาดพร้อมกับเด็กทั้งสี่คน ทันใดนั้นขอทานสกปรกคนหนึ่งก็ได้กระโดดออกมาจากมุมตึก เข้ามาขวางพวกนางไว้
“นายหญิง สงสารข้าเถิด ขอเงินให้ข้ากินหน่อยเถิด ข้าหิวจะตายอยู่แล้ว!” ขอทานคนนั้นอ้อนวอน
ถังหลี่มองขอทานคนนั้นก่อนที่จะขมวดคิ้ว นางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ทุกคนต่างพากันหลีกเลี่ยงขอทานผู้นี้ หญิงสาวตัดสินใจเดินถอยหลังกลับไปกับเด็กทั้งสี่คน พยายามที่จะหลีกเลี่ยงขอทาน
แต่แล้วก็มีผู้หญิงคนหนึ่งใส่ชุดสีชมพูมายืนขวางหน้าถังหลี่ไว้
“เถ้าแก่เนี้ยถัง เหตุใดเจ้าถึงขี้เหนียวเช่นนี้? เปิดร้านขายของได้เงินตั้งเยอะไม่ใช่หรือ ขอทานผู้นี้กำลังจะอดตาย เจ้าจะไม่สงสารเขาหน่อยหรือ?”
ถังหลี่มองไปยังคนที่พูดจาฉาดฉานตรงหน้า ที่แท้นางคือเซี่ยฟางเฟยนั่นเอง
“เมิ่งจื้อกล่าวไว้ว่า เมื่อผู้คนมีเงินมากเท่าไรก็ยิ่งสูญเสียความเมตตามากขึ้นเท่านั้น..จุ๊ ๆ ๆ เงินนี่ช่างกัดกินศีลธรรมของผู้คนได้อย่างที่ว่าไว้ไม่มีผิด ”
เซี่ยฟางเฟยเหน็บแนมด้วยน้ำเสียงเศร้า ๆ
“พวกคนรวยก็เป็นเช่นนี้นั่นแหละ!”
เสียงของเซี่ยฟางเฟยดังมากจนทุกคนในบริเวณนั้นพากันหยุดฝีเท้าแล้วหันมามอง
นางไม่เข้าใจว่าเลยว่าเหตุใดเว่ยฉิงจึงตกหลุมรักสตรีที่เป็นคนเห็นแก่ตัวอย่างเถ้าแก่เนี้ยถังด้วย?
หลังจากนางพูดจบ ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาก็ชี้มาที่ถังหลี่ราวกับนางไร้มนุษยธรรมจริง ๆ
“ใช่แล้ว เจ้าก็มีเงินมากเพียงนั้น เหตุใดถึงไม่ให้เงินเขาไปซื้อซาลาเปาหน่อยเล่า?”
“ว่ากันว่าคนยิ่งรวยก็ยิ่งขี้เหนียว เห็นท่าจะจริง”
“พวกคนรวยไร้ความเมตตา!”
“ใช่แล้ว หญิงสาวอีกคนใจดีกว่ามาก นางต้องได้รับสิ่งดี ๆ ตอบแทนเป็นแน่”
“คงจะดีมากหากทุกคนใจดีได้อย่างคุณหนูผู้นี้”
เมื่อได้ยินบนสนทนาที่เกิดขึ้น เซี่ยฟางเฟยรู้สึกว่าตนเองได้กลายเป็นบุคคลสำคัญขึ้นมา นางถึงกับลิงโลดอยู่ในใจ
ถังหลี่พูดไม่ออก
การเรียกร้องความสนใจรวมไปถึงการเทศนาเรื่องศีลธรรมของเซี่ยฟางเฟย ก็เปรียบเสมือนนักรบหลังคีย์บอร์ดที่คอยกล่าวหาต่อว่าผู้อื่นโดยไม่รู้ข้อเท็จจริงใด ๆ
“แม่นางน้อย การจะตัดสินใจให้เงินหรือไม่ให้มันเป็นเรื่องส่วนตัวของข้า ในเมื่อเจ้ามีใจกรุณาสงสารเขา เจ้าก็ให้เงินเขาเถิด เงินของข้าหามาได้ด้วยตัวข้าเอง ข้าจะใช้เช่นไรก็ย่อมเป็นเรื่องของข้า”
เซี่ยฟางเฟยมองถังหลี่อย่างดูถูก
“ข้าย่อมให้เขาแน่นอน ข้าไม่ได้เห็นแก่ตัวเช่นเจ้า”
พูดจบนางก็หยิบถุงเงินออกมาจากแขนเสื้อยื่นเงินสิบตำลึงให้ขอทานผู้นั้น
“เจ้าเอาเงินจำนวนนี้ไปซื้อของกินเสีย ข้าคิดว่าออกมาขอทานเช่นนี้คงมีมารดาหรือภรรยาที่ป่วยไข้ อย่างไรก็นำเงินนี้ไปรักษาครอบครัวเจ้าด้วยล่ะ” เซี่ยฟางเฟยกล่าวกับขอทานอย่างอ่อนโยน
ในขณะนั้นเองความโลภก็วาดผ่านมาในดวงตาของขอทาน เขารีบฉวยเงินจากมือของเซี่ยฟางเฟยราวกับปล้นมาจากหญิงสาวพร้อมกับวิ่งหนีไปในพริบตา
เซี่ยฟางเฟยขมวดคิ้วเข้าหากัน เหตุใดคนผู้นี้ถึงไม่กล่าวขอบคุณนาง ช่างหยายคายเสียจริง
“แม่นางท่านใจดีจริง ๆ” ถังหลี่ยิ้มเสียดสี
“ใช่สิ หากข้ามีเงิน ข้าก็จะทำบุญทำทานให้กับคนยากไร้ให้มากขึ้น” น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความสุข
แน่นอนว่าเซี่ยฟางเฟยนั้นแตกต่างจากสตรีเห็นแก่ตัวอย่างถังหลี่! นางเป็นคนจิตใจดี ดังนั้นคุณหนูเซี่ยย่อมไม่ยึดติดกับเงินจำนวนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
นางจะใช้มันเพื่อคนยากไร้ให้มากขึ้น
เซี่ยฟางเฟยหันหลังกลับจะเดินจากไป แต่แล้วกลับถูกกลุ่มขอทานกลุ่มหนึ่งขวางทางไว้
“แม่นางช่วยข้าด้วย ข้าไม่ได้กินข้าวมาหลายวันแล้ว”
“แม่นาง มารดาข้าป่วยหนัก ตอนนี้นางกำลังจะตายอยู่แล้ว ได้โปรดช่วยมารดาของข้าด้วยเถิด”
“สาวน้อยเมตตาข้าด้วยเถิด ข้าอดอยากจนผอมโซไปหมดแล้ว”
กลุ่มขอทานห้าถึงหกคนที่ยืนขวางทางเซี่ยฟางเฟย ต่างพากันยื่นมือสกปรกของพวกเขาเข้ามาใกล้ นางมากับสาวใช้เพียงสองคนเท่านั้นจะไปห้ามขอทานเหล่านี้ได้อย่างไร? เซี่ยฟางเฟยรู้สึกอับอายมาก
“พวกเจ้าเข้าแถวทีละคน ข้าจะช่วยเหลือพวกเจ้าแน่นอน” นางพูดเสียงดังหยิบเงินออกมาจากถุง
ขอทานตรงหน้าก็รีบยื่นมือออกมาฉวยเงินไปจากมือนาง ขอทานพวกนี้มีเล็บที่ยาวมาก ทำให้เกิดรอยข่วนขึ้นที่ฝ่ามือของเซี่ยฟางเฟย
“คุณหนู ไม่เป็นไรนะเจ้าคะ” สาวใช้รีบคว้ามือของนางมาดูถามไถ่อย่างเป็นห่วง
เซี่ยฟางเฟยรู้สึกเศร้าเสียใจ นางกำลังช่วยขอทานเหล่านี้แท้ ๆ เหตุใดจึงทำร้ายนาง? พวกเขาควรกล่าวขอบคุณนางอย่างสุภาพไม่ใช่หรือ? อีกทั้งควรยกย่องสรรเสริญนางราวกับเป็นผู้ช่วยชีวิตพวกเขา เหตุใดมันถึงไม่ใช่แบบที่นางคิด!
“คุณหนู เหตุใดเจ้าถึงให้เงินเขาสิบตำลึง แต่ให้พวกข้าเพียงแค่นี้เล่า?”
“ใช่ ! ข้ามีมารดารออยู่ที่บ้านเพื่อจะเอาเงินไปหาหมอ แม่นางใจดีโปรดให้เงินข้าเพิ่มอีกได้หรือไม่?
“แม่นางภรรยาข้าป่วยหนักกว่ามารดาของเขา! หากเจ้าให้เงินเขาสิบตำลึง เจ้าต้องให้เงินข้ายี่สิบตำลึง!”
“คุณหนู เจ้าบอกจะช่วยพวกข้า พูดแล้วไม่ทำไม่ได้นะ!”
พอถึงตอนนี้ถังหลี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ เมื่อเห็นเซี่ยฟางเฟยถูกขอทานรุมล้อมจนแทบขยับกายไม่ได้
ที่จริงถังหลี่ผิดสังเกตเมื่อเห็นขอทานที่เดินเข้ามาหานางแต่แรกแล้ว
ขอทานผู้นี้ดูเป็นคนแข็งแรง ไม่ได้พิกลพิการ จะไม่สามารถหากินได้หรือ? เขาเป็นพวกขี้เกียจสันหลังยาวเสียมากกว่า ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อขอทานผู้นี้กำลังอ้อนวอนขอเงิน พวกขอทานเหล่านั้นต่างก็พากันจับจ้องอยู่เช่นกัน
ขอทาน ‘มืออาชีพ’ ก็เป็นเช่นนี้ คนเหล่านี้พอมีผู้คนใจดีให้ทาน ก็จะพากันเข้าไปรุมล้อมเพื่อขอเงิน
เซี่ยฟางเฟยเป็นคนโง่โดยแท้
“ผู้หญิงโง่งม เจ้าแยกขอทานจริงกับขอทานปลอมไม่ออกหรือ?” สวี่เจวี๋ยเยอะเย้ย
กล้าพูดว่าพี่สาวของเขาเป็นคนไร้คุณธรรมได้อย่างไร? สวี่เจวี๋ยเองก็เคยเป็นขอทาน ต่อมาก็ได้ถังหลี่เก็บเขามาเลี้ยงดู
หากนางไม่ใจดีไร้คุณธรรมสวี่เจวี๋ยจะได้มีบ้าน ได้เล่าเรียนหนังสือหรือ?
พี่สาวของสวี่เจวี๋ยเป็นคนที่ใจดีมากแล้ว..
—————————–