ตอนที่ 56 ทางเลือก

ขณะที่หยางเย่ก้าวขึ้นไปยังชั้นยี่สิบเอ็ด เขาเห็นชายชรากำลังจ้องมองมา ชายชราผู้นั้นหาได้มีรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าไม่ หากเทียบกับรูปลักษณ์ที่เห็นตอนนี้ ชายชราผู้นั้นสามารถกล่าวได้ว่าเป็นชายวัยกลางคน แต่ด้วยเคราสีเทาที่ยาวจนถึงหน้าอก ทั้งยังผมสีขาวบนหัว มันทำให้อายุของเขาชัดเจนขึ้น

ชายชรามองไปที่หยางเย่พร้อมรอยยิ้มที่เป็นมิตร มันราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ

“นี่คือศัตรูของข้างั้นหรือ?” หยางเย่สับสนเล็กน้อยขณะมองไปที่ชายชรา ก่อนหน้านี้ หยางเย่คิดว่ามันคงเป็นผู้รับใช้แห่งดาบที่รอเขาอยู่ แต่ไม่คาดคิดว่าจะเป็นเพียงชายชราคนหนึ่ง ยิ่งกว่านั้นท่าทีของชายชรายังดูมีชีวิตชีวาเกินไป

“ไม่เลว เจ้ามาถึงชั้นนี้ได้ด้วยความแข็งแกร่งระดับเก้าขั้นปราณมนุษย์ ทั้งเจ้าและหญิงสาวคนนั้นนับว่าไม่ธรรมดาเลย!” ขณะที่หยางเย่กำลังสับสน ชายชราได้กล่าวบางอย่างออกมา

“ท่าน…” หยางเย่เปิดตากว้าง เขากล่าวด้วยความตกตะลึง “ท่านสามารถพูดได้?”

ชายชรายิ้มพร้อมพยักหน้า “ข้าทราบดีว่าเจ้ามีคำถามมากมาย แต่ตอนนี้ไม่มีเวลามาอธิบาย ข้ามาที่นี่เพื่อบอกเจ้าว่าไม่จำเป็นต้องไปต่อ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หยางเย่ไม่ได้ใส่ใจกับคำถามอีก ทั้งยังตกตะลึงในใจกับสิ่งที่ชายชรากล่าว “ทำไมกัน?”

“เนื่องจากชั้นยี่สิบเป็นจุดสูงสุดของคนที่อยู่ขั้นต่ำกว่าขั้นปราณสวรรค์!” ชายแก่อธิบาย “จากการมาถึงชั้นนี้ด้วยความแข็งแกร่งระดับเก้าขั้นปราณมนุษย์ มันก็พิสูจน์ความสามารถและพรสวรรค์ของเจ้าชัดเจนแล้ว เมื่อออกจากหอคอยไป สำนักดาบราชันจะเกื้อหนุนเจ้าอย่างดี ด้วยความยากลำบากของชั้นนี้ มันไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะต้านทานได้”

หยางเย่เงียบไปชั่วครู่ก่อนจะกล่าว “ผู้อาวุโส ข้าทราบว่าท่านบอกความจริง แต่ข้าอยากจะถามท่านได้หรือไม่หากต้องการจะทดสอบต่อ?”

ขณะมองไปยังหยางเย่ที่มีท่าทางมั่นคง ชายชรายิ้มพร้อมกล่าว “เจ้าก็ไม่ต่างจากหญิงสาวในวันนั้น พวกเจ้าทั้งสองปรารถนาการต่อสู้ แต่ข้าต้องการจะบอกว่าชั้นนี้มันยากเกินกว่าที่จะจินตนาการได้ เจ้าต้องเข้าใจว่าหญิงสาวคนนั้นมีพรสวรรค์และความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าเจ้ามาก แต่นางก็ไม่อาจต้านทานมันไหว”

หยางเย่ทราบดีว่าหญิงสาวที่ชายชราเอ่ยถึงเป็นใคร ตั้งแต่นางมาถึงที่นี่ พรสวรรค์และความแข็งแกร่งของนางก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลย แต่หยางเย่ไม่ได้สนใจสิ่งนี้ เพราะเขาไม่คิดที่จะไปเทียบตนเองกับใคร เขาเพียงต้องการจะสู้ ดังนั้นจึงตอบกลับอย่างหนักแน่น “ผู้อาวุโส ข้าต้องการจะลองดูก่อน!”

ชายชราถอนหายใจ “ข้าทราบดีว่าเจ้าไม่อยากยอมแพ้ ให้ข้าบอกเจ้าถึงความยากลำบากในชั้นนี้ จากนั้นเจ้าค่อยตัดสินใจว่าจะไปต่อหรือไม่ ในชั้นนี้มันไม่ใช่การต่อสู้กับผู้รับใช้แห่งดาบอีก แต่เป็นการสู้กับค่ายกลดาบแทน ในค่ายกลนี้ ปราณดาบนับร้อยจะโจมตีทุกช่วงห้าลมหายใจ เป้าหมายของเจ้าคือป้องกันตนเองจนค่ายกลดาบไม่สามารถปล่อยดาบได้อีก”

“ข้าต้องการจะลองดู!” หยางเย่มองไปยังชายชราพร้อมกล่าวอย่างหนักแน่น

ชายชราฝืนยิ้มพร้อมส่ายหัว “ข้ายังกล่าวไม่จบ การก่อตัวของดาบไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่คือดาบที่สร้างมันไม่ใช่ภาพมายา กล่าวคือหากเจ้าตายในค่ายกลดาบ เช่นนั้นเจ้าก็จะตายในโลกแห่งความจริง!”

“มันไม่ใช่ค่ายกลภายมายาอีกต่อไปงั้นหรือ? ข้าจะตายจริงงั้นหรือ?” หยางเย่ตกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น ตอนนี้คำเตือนของชายชราดังก้องอยู่ในหัว

ชายชรายังคงกล่าวต่อ “ข้าไม่ได้โกหก หากเจ้าหยุดที่ชั้นนี้ เจ้าจะสามารถออกไปข้างนอกได้ เหตุผลที่ข้ามาปรากฏตรงนี้คือข้าไม่ต้องการให้สำนักดาบราชันสูญเสียอัจฉริยะไป”

“ผู้อาวุโส คนผู้นั้นเลือกที่จะไปต่อในชั้นนี้หรือไม่?” หยางเย่ถามด้วยน้ำเสียงเบา

ชายชราทราบดีว่าหยางเย่หมายความว่าอะไร เขาส่ายหัวในทันที “นางไม่เลือกจะไปต่อ เพราะนางทราบดีว่าปราณดาบร้อยเล่มที่โจมตีมาทุกห้าลมหายใจ มันไม่ใช่สิ่งที่นางจะต่อกรได้ แน่นอนมันไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะต่อกรได้ด้วยเช่นกัน ข้าสามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่านางแข็งแกร่งกว่าเจ้า!”

หยางเย่เงียบพร้อมลังเลอยู่ชั่วครู่ หากค่ายกลดาบเป็นเพียงภาพมายา เขาคงไม่ลังเลเพราะไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจตายได้ ไม่ว่ามันจะน่ากลัวเพียงใด มันก็เป็นเพียงภาพมายาอยู่ดี ดังนั้นเขาจึงไม่กลัว แต่เมื่อชายชราบอกว่ามันไม่ใช่ภาพมายาอีกต่อไป และยังเป็นค่ายกลดาบของจริง ยิ่งกว่านั้นค่ายกลดาบนี้ยังเหนือกว่ายอดฝีมือขั้นปราณสวรรค์และสัตว์อสูรขั้นราชันอีก!

หยางเย่ลังเลอยู่นาน

ทันใดนั้นชายชราขยับมือทำให้ดาบ คัมภีร์ และชุดเกราะปรากฏขึ้นตรงหน้าหยางเย่ ขณะที่หยางเย่กำลังสับสนในสิ่งที่เห็น ชายชราเอ่ยขึ้นมา “หากเจ้าเลือกที่จะยอมแพ้ ดาบขั้นสีดำระดับสูง วิชาขั้นสีดำระดับสูง และชุดเกราะขั้นสีดำระดับสูงทั้งหมดนี้จะเป็นของเจ้า”

“เพราะอะไร?” ขณะมองไปที่ของวิเศษทั้งสาม หยางเย่ถามด้วยท่าทีงุนงง ตั้งแต่ตอนแรกชายชราดูเหมือนจะไม่ต้องการให้เขาไปต่อ ยิ่งกว่านั้นชายชราผู้นี้ยังดูลึกลับอย่างยิ่ง ‘เหตุใดชายชราถึงปรากฏกายที่นี่? เหตุใดเขาถึงมอบของวิเศษทั้งสามชิ้นนี้ให้เพื่อให้เรายอมแพ้’

ชายชรายิ้มพร้อมกล่าว “ข้าทราบดีว่าเจ้ากำลังสับสน ข้าไม่สามารถบอกสิ่งใดได้มากนัก ทำได้เพียงมาขัดขวางเจ้าเพราะข้าเป็นคนของสำนักดาบราชัน ข้าไม่ต้องการให้อัจฉริยะของสำนักต้องมาตาย เจ้าคงจะทราบดีเช่นกันว่าสำนักไม่อาจจะสูญเสียอัจฉริยะได้อีก!”

หยางเย่เงียบไปอีกครั้งเมื่อได้ยิน เวลาผ่านไปนาน สายตาของเขามองไปยังของวิเศษทั้งสามชิ้น ดวงตานั้นเต็มไปด้วยความลังเลอย่างเห็นได้ชัด

หยางเย่ลังเลใจอยู่เป็นเวลานาน ทันใดนั้นมีสองเสียงปรากฏขึ้นในความคิดเขา เสียงแรกคือ ‘รับมันและออกไปแน่นอนอยู่แล้ว! เจ้าจะลังเลเพื่ออะไร? มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่จะเอาชีวิตไปเสี่ยงในค่ายกลดาบ หากออกไปตอนนี้ ชื่อของเจ้าจะโด่งดังไปทั่วสำนักดาบราชัน ทั้งยังได้ของวิเศษอีกสามชิ้น มันไม่ดีงั้นหรือ? เหตุใดยังต้องลังเลอีก?’

อีกเสียงหนึ่งคือ ‘อย่ารับมัน เส้นทางแห่งเต๋าต้องการหัวใจที่ไร้ซึ่งความกลัว หากเจ้ายอมแพ้ในชั้นนี้เพียงเพราะความยากลำบากที่ยังไม่ได้เจอและของวิเศษ เช่นนั้นจิตใจที่มีต่อเส้นทางแห่งเต๋าคงไม่สมบูรณ์ ในอนาคตเจ้าจะทำได้เพียงหนีปัญหาเมื่อมันเข้ามา…’

ทันใดนั้นเอง เสียงจากทางเลือกแรกเข้ามารบกวนเสียงที่สอง ‘หนีปัญหางั้นหรือ? หนีปัญหาเมื่อเจอกับคู่ต่อสู้ที่ไม่อาจเอาชนะได้งั้นหรือ? มันสมเหตุสมผลที่สุดแล้ว! ไม่ต้องกล่าวถึงว่าจะผ่านค่ายกลดาบได้หรือไม่ หากผ่านแล้วเจ้าได้อะไรนอกจากเพิ่มความแข็งแกร่งเพียงเล็กน้อย หากเจ้าพลาดล่ะ? เจ้าได้นึกถึงมารดาและน้องสาวบ้างหรือไม่? พวกเขาจะทำอย่างไรหากเจ้าตาย? ตระกูลหลิวจะปล่อยพวกนางไปงั้นหรือ?’

เสียงที่สองเงียบไป เห็นได้ชัดว่าน้องสาวและมารดาของเขาสำคัญที่สุด

ชายชรายิ้มและมองไปที่หยางเย่ เขาไม่กล่าวอะไรต่อไป มีเพียงแสงแปลกประหลาดปรากฏขึ้นในดวงตา

หลังจากผ่านไปนาน หยางเย่เผยรอยยิ้ม “ถูกต้อง หากข้าตายแล้วมารดากับน้องสาวข้าจะเป็นยังไง? เพื่อความปลอดภัยของน้องสาวและท่านแม่ ข้าไม่สามารถตายได้ ดังนั้น…” ขณะกล่าวมือของเขายื่นจับไปที่ของวิเศษตรงหน้า แต่เวลานี้หยางเย่ไม่ได้สังเกตว่าคำกล่าวก่อนหน้านั้น ได้ทำให้ประกายแห่งความผิดหวังปรากฏขึ้นในดวงตาของชายชรา

ทันทีที่หยางเย่กำลังจะจับคัมภีร์ เขาดึงมือกลับพร้อมเงยหน้ามองชายชรา จากนั้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ดังนั้นแล้วผู้อาวุโส ข้าต้องการจะไปต่อ!”

ชายชราชะงักพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ “เจ้า… เจ้าต้องการจะไปต่อ?”

หยางเย่พยักหน้าพร้อมดวงตาที่หาได้มีซึ่งความลังเลไม่ มันมีเพียงความมั่นคงปรากฏในดวงตาเขา “หนทางแห่งเต๋านั้นยากลำบาก หากข้าไม่มีความมั่นคงและความกล้าหาญเพียงพอ ข้าคงไม่สามารถเดินบนเส้นทางนี้ได้ไกลนัก!”

ประกายแห่งการยอมรับปรากฏผ่านดวงตาชายชราก่อนจะเอ่ยถาม “แล้วมารดากับน้องสาวของเจ้าล่ะ? พวกเขาจะทำเช่นไรหากเจ้าตายในค่ายกลดาบ? เจ้าไม่เห็นแก่ตัวไปหน่อยหรือจากการไม่สนใจคนที่รักเพียงเพื่อยึดมั่นในเส้นทางแห่งเต๋า?”

หยางเย่ยิ้มพร้อมกล่าว “ผู้อาวุโส มีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะถูกยอมรับในเขตแดนใต้ มีเพียงความแข็งแกร่งเท่านั้นที่จะควบคุมโชคชะตาตนเองได้ จากนั้นจึงจะสามารถปกป้องคนที่รักไหว หากข้าไม่แข็งแกร่งขึ้น ชีวิตของน้องสาว มารดา หรือแม้กระทั่งชีวิตข้าก็ไม่อาจปกป้องได้ ยิ่งกว่านั้นหากข้าใช้น้องสาว และมารดามาเป็นข้ออ้างเพื่อยอมแพ้ในตอนนี้ เช่นนั้นเมื่อเจอกับปัญหาในอนาคต ข้าจะทำได้เพียงหาข้อแก้ตัวและกลายเป็นคนขี้คลาด ดังนั้นข้าต้องการที่จะไปต่อ!”

อันที่จริงหยางเย่ต้องการจะไปต่อไม่ใช่เพราะเพิ่มความแข็งแกร่ง เขาทำเพื่อพิชิตจิตมารในใจ ดังนั้นเมื่อมีสองเสียงปรากฏขึ้นในความคิด เขาทราบดีว่าตนเองก็มีจิตมารอยู่ หากจิตมารไม่ถูกกำจัด ความมุ่งมั่นของเขาก็ไม่หนักแน่นพอ หัวใจที่มีต่อเส้นทางแห่งเต๋าก็ไม่สมบูรณ์ และมันจะนำพาหายนะมาให้เขาแทน

เพื่อกำจัดจิตมารภายในใจ เขาต้องท้าทายต่อไป เพราะหากเกิดหวาดกลัวจากคำกล่าวของชายชรา ทันทีที่เกิดความลังเลนั่นก็เพราะความกลัว ตัวเขาไม่อาจหลบเลี่ยงความจริงข้อนี้ ดังนั้นเสียงนั่นจึงเอ่ยต่อเขาให้ถอยกลับ

ภายใต้เสียงที่ดังขึ้นมานั้น เขาสร้างมันขึ้นมาเพื่อปกปิดความกลัวที่มี แม้กระทั่งมารดา น้องสาว หรือของวิเศษ ทั้งหมดเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น

ชายชรามองไปที่หยางเย่ด้วยสายตาที่ได้ยอมรับอย่างเห็นได้ชัด เขากล่าว “ทุกคนมีจิตมารเป็นของตนเอง แต่พวกเขากลับหลีกเลี่ยงหรือยอมจำนนต่อจิตมารนั้น หนุ่มน้อย เจ้าได้ตวัดดาบและกำจัดจิตมารของตนเองได้ นับว่าไม่ธรรมดา สุดท้ายนี้ขอแสดงความยินดี เจ้าผ่านการทดสอบแล้ว” ทันทีที่กล่าวจบร่างของชายชราหายไปเหมือนผู้รับใช้แห่งดาบก่อนหน้า ของวิเศษทั้งสามเองก็หายไปด้วยเช่นกัน

‘มันเป็นภาพมายาโดยแท้จริง แต่ภาพมายานี้ช่างเหมือนจริงนัก!’ ขณะที่มองไปยังจุดที่ชายชราหายไป หยางเย่บ่นพึมพำกับตนเอง

หลังจากตัดสินใจที่จะไปต่อ ความคิดของหยางเย่ก็กระจ่างขึ้น เขานึกคิดอยู่หลายสิ่งหลายอย่าง หนึ่งในความคิดนั้นคือตรงหน้ายังคงเป็นภาพมายา แต่ก็ไม่อาจมั่นใจได้ เพราะชายชราผู้นั้นดูเสมือนจริงมาก! แต่ตอนนี้เมื่อมองไปยังชายชราที่หายไปพร้อมกับของวิเศษทั้งสาม เขาได้ยืนยันข้อสงสัยนี้แล้ว

หยางเย่สูดหายใจลึกก่อนจะก้าวไปยังชั้นยี่สิบสองต่อ เวลานี้เขาไม่หวาดกลัวสิ่งใดที่จะเผชิญอีก

เมื่อหยางเย่มาถึงชั้นยี่สิบสอง ผู้คนด้านนอกหอคอยต่างเต็มไปด้วยความตื่นเต้น!