บทที่ 56: นี่ฉันกำลังเดินผิดทางหรือเปล่านะ

ดวงตาของหลินซัวเซียเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยขณะที่เธอมองไปที่มือของหวังเต็งที่กำลังยื่นเข้าหาเธอ

หลินซัวหานเองก็ตกใจกับการกระทำที่กะทันหันของหวังเต็งเช่นกัน เธอเป็นคนที่เข้าใจสภาพของน้องสาวของเธอดีที่สุด ใครก็ตามที่อยู่ในรัศมีหนึ่งเมตรจากเธอต่างก็จะได้รับผลกระทบ

เธอต้องการหยุดหวังเต็ง แต่หลินซัวเซียก็เปิดปากของเธอก่อน “ ไม่กลัวฉันหรอ?”

“ กลัวอะไร?” หวังเต็งถาม

“ กลัวหน้าฉันไง! กลัวบรรยากาศรอบตัวฉัน!”

“ มองฉันสิ เธอคิดว่าฉันดูเหมือนคนที่ได้รับผลกระทบอย่างงั้นหรอ?” หวังเต็งยิ้มและถาม

หลินซัวหานที่ยืนอยู่ข้างๆพวกเขารู้สึกประหลาดใจ เธอจ้องไปที่หวังเต็งอย่างไม่อยากจะเชื่อ

พูดกันตามตรง เมื่อใครก็ตามเข้าไปใกล้เธอแล้วสูดอากาศหายใจรอบๆนั้น หน้าของพวกเขาก็จะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียว

อย่างไรก็ตาม หวังเต็งก็ดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย

“ หวังเต็ง นาย…”

“ อาจเป็นเพราะฉันดื่มชาโกจิเบอร์รี่อยู่เสมอ ดังนั้นภูมิคุ้มกันของฉันจึงดีมาก” หวังเต็งกล่าวอย่างจริงจัง

หลินซัวหาน: …

นายหมายถึงอะไร ภูมิคุ้มกันของนายแข็งแรงขึ้นเพราะนายดื่มชาโกจิเบอร์รี่? คิดว่าฉันโง่หรอ?

ทำไมนายถึงยังมาล้อเล่นในเรื่องร้ายแรงแบบนี้กัน?

หลินซัวเซียสังเกตเขาเป็นเวลานาน และในที่สุด ดวงตาของเธอก็สว่างขึ้น และเธอก็พูดต่อ “ พี่ดูดีจริงๆ~”

เธอค่อยๆเอื้อมมือออกไป ในตอนแรกเธอลังเลเล็กน้อย แต่เธอก็ยังคงจับฝ่ามือของหวังเต็ง

วินาทีถัดมา หลินซัวเซียก็รู้สึกงุนงง

เธอไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกนี้อย่างไร กระแสอากาศเย็นเยียบกำลังก่อตัวขึ้นในร่างกายของเธอ มันเริ่มไหลไปรอบๆแขนขาและกระดูกของเธอ และทำให้เธอรู้สึกกระปรี้กระเปร่า

ขณะที่เธอกำลังจะถามเรื่องนี้ เธอก็เห็นหวังเต็งกำลังขยิบตาให้เธออย่างลึกลับ

และนั่นก็ทำให้คำพูดที่ติดอยู่ที่มุมปากของเธอหยุดอยู่แค่ตรงนั้น

หวังเต็งยิ้มออกมาเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ปล่อยมือของหลินซัวเซียไป จากนั้นเขาก็ยืนขึ้น ในเวลาเดียวกัน เขาก็ยังไม่ลืมที่จะรวบรวมฟองสบู่รอบๆตัวเธอ

ร่างปีศาจดอกบัวพิษ*7

พลังฟอร์สธาตุพิษ*15

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจำนวนฟองสบู่รอบๆตัวเธอนั้นมีจำนวนมากที่สุด

หลังจากเก็บทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หวังเต็งก็รู้สึกว่าร่างปีศาจดอกบัวพิษภายในตัวเขานั้นมีความสมบูรณ์มากขึ้นเรื่อยๆ และพลังฟอร์สธาตุพิษในร่างกายของเขาเองก็เพิ่มขึ้นมากเช่นกัน

ในทางกลับกัน หลินซัวเซียที่รู้สึกอึดอัดและเหนียวเหนอะในตอนแรกนั้น และในตอนนี้เธอก็รู้สึกราวกับว่าชั้นของเหลวที่กำลังปกคลุมเธออยู่นั้นจู่ๆก็ได้หายไป

อย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม เธอทำเพียงแค่มองไปที่หวังเต็งอย่างสงสัย

ความหวังบานสะพรั่งในใจเธอ…

หลินซัวหานเฝ้าดูหวังเต็งตั้งแต่เริ่มต้น เธอสังเกตเห็นว่าเขาไม่ได้รับผลกระทบเลยแม้หลังจากที่ได้มีการจับเนื้อต้องตัวน้องสาวของเธอ ในขณะที่เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอก็รู้สึกงงงวยมากขึ้นไปอีก

“ หวังเต็ง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน? ทำไมนายถึงไม่ได้รับผลกระทบจากอาการป่วยแปลกๆของน้องสาวฉันล่ะ?”

“ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน มันอาจจะเป็นเพราะภูมิคุ้มกันของฉันที่แข็งแกร่งก็ได้” หวังเต็งไม่ได้บอกความจริงกับหลินซัวหาน

ตอนนี้เขายังไม่รู้วิธีแก้อาการป่วยของหลินซัวเซีย ดังนั้นถ้าเขาพูดเรื่องนี้ออกไป มันก็จะเท่ากับการให้ความหวังลมๆแล้งๆแก่เธอ

เขาจะบอกเธอถึงเรื่องนี้อีกทีเมื่อเขามั่นใจแล้ว

สำหรับหลินซัวเซีย เขาก็ได้แสดงให้เธอเห็นถึงความหวังเล็กๆ หากหญิงสาวอย่างเธอใช้ชีวิตอย่างสิ้นหวังไปวันๆ ไม่ช้าก็เร็วมันก็คงจะมีปัญหาตามมาอย่างแน่นอน

หลินซัวหานมองไปที่หวังเต็งอย่างสงสัย

“ ถ้านายรู้อะไรบางอย่างจริงๆ ฉันก็หวังว่านายจะสามารถบอกฉันได้ นี่เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งต่อครอบครัวของฉันไ เธอกล่าวอย่างจริงจังในท้ายที่สุด

“ พี่สาว อย่าทำให้พี่เขยเขารู้สึกลำบากใจเลย” หลินซัวเซียกล่าว

“ … ฉันบอกไปแล้วนี่ว่าเขาไม่ใช่พี่เขยของเธอ” หลินซัวหานพูดไม่ออก

“ อย่ากังวลไป ถ้าฉันมีวิธีแก้ปัญหาจริงๆ ฉันก็จะบอกเธอในทันทีเลย” หวังเต็งสัญญา

หลินซัวหานพยักหน้า เธอดูหดหู่เล็กน้อยเมื่อเห็นว่าหวังเต็งไม่มีวิธีแก้ปัญหา

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เธอก็ยกจิตวิญญาณขึ้นและนั่งลง จากนั้นเธอก็พูดกับหลินซัวเซียด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ ซัวเซียไม่ต้องกังวลไป ฉันสมัครสอบหลักสูตรศิลปะการต่อสู้ และฉันก็จะเป็นนักสู้ในอนาคตและช่วยเธอค้นหาวิธีการรักษาโรคประหลาดของเธอ”

“ พี่สาว ฉันคิดว่าแม่ไม่อนุญาตให้พี่ฝึกศิลปะการต่อสู้ซะอีก?” หลินซัวเซียอุทานด้วยความประหลาดใจ

หลินซัวหานรีบยกนิ้วชี้ของเธอขึ้นและวางมันไว้ที่ข้างริมฝีปากของเธอ “ ชู่ว.. พูดเบาๆหน่อย เธอจะให้แม่รู้เรื่องนี้ไม่ได้นะ”

หวังเต็งพูดไม่ออก ทำไมเธอถึงขอให้น้องสาวของเธอพูดเบาๆกัน? ในที่แห่งนี้มันก็มีเพียงแค่เธอนั่นแหละที่พูดเสียงดัง

อย่างไรก็ตาม ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมหลินซัวหานถึงไม่บอกแม่ของเธอเกี่ยวกับการสมัครสอบหลักสูตรศิลปะการต่อสู้ของเธอ

สิ่งที่เกิดขึ้นกับพ่อของหลินซัวหานนั้นคงจะเป็นสิ่งเดียวกันกับที่ทำให้แม่ของเธอมองศิลปะการต่อสู้ในแง่ลบ

ในฐานะแม่ เธอก็จะยอมปล่อยให้ลูกสาวของเธอเดินตามรอยสามีได้อย่างไร? แม้จะมีความเป็นไปได้เพียงเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่สามารถขจัดปัญหาในเปลได้

อาหารเย็นยังไม่พร้อม ดังนั้นหวังเต็งและหลินซัวหานจึงพักอยู่ในห้องนี้ต่อและพูดคุยกับเธอ

หลินซัวหานมีความสุขที่มีคนอื่นอยู่รอบๆหลินซัวเซีย โดยปกติแล้วมันก็มีเพียงแม่หลินและเธอเท่านั้นที่เข้ามาหาหลินซัวเซีย ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้เธอกังวลเสมอว่าน้องสาวของเธอจะเหงา

หวังเต็งใช้แอบเก็บฟองสบู่ค่าคุณสมบัติอย่างงียบๆในขณะที่เขาก็คุยกับพวกเธอไปพลาง

ร่างปีศาจดอกบัวพิษ*5

พลังฟอร์สธาตุพิษ*12

เขารียกหน้าต่างค่าคุณสมบัติออกมาดู

ความรู้แจ้ง: 90

ค่าพลังวิญญาณ: 26

พรสวรรค์: พรสวรรค์ไฟขั้นเริ่มต้น (11/300) พรสวรรค์น้ำแข็งขั้นเริ่มต้น (13/300), พรสวรรค์ดินขั้นเริ่มต้น (12/300), สายตาแห่งจิตวิญญาณ (ขั้นเริ่มต้น 1.1/10), ร่างปีศาจดอกบัวพิษ (15/10000)

พลังฟอร์ส: ไฟ 64/100 (นักสู้ระดับทหารหนึ่งดาว)

น้ำแข็ง 8/100 (นักสู้ระดับทหารหนึ่งดาว)

ดิน 7/100 (นักสู้ระดับทหารหนึ่งดาว)

พิษ 30/100 (นักสู้ระดับทหารหนึ่งดาว)

คัมภีร์: คัมภีร์เพลิงแดง (รากฐาน 20/100), คัมภีร์เหมันต์เร้นลับ (รากฐาน 12/100), ทักษะปฐพีเหลือง ‘โล่ปฐพี’ (รากฐาน 15/100)

เทคนิคการต่อสู้: เทคนิคการต่อสู้ขั้นพื้นฐาน (ทักษะหมัดขั้นผู้เชี่ยวชาญ ทักษะดาบขั้นผู้เชี่ยวชาญ ทักษะมีดขั้นผู้เชี่ยวชาญ ฟุตเวิร์คขั้นผู้เชี่ยวชาญ), ทักษะกระบองขั้นพื้นฐาน (พื้นฐาน), ทักษะปืน (ผู้สัมฤทธิ์), ทักษะดาบเพลิงคิริน (พื้นฐาน 43/100), หมัดปีศาจเหมันต์ (พื้นฐาน 13/ 100)

ความรู้: วิชาพื้นฐาน (คะแนนเต็ม), ‘ การสอบศิลปะการต่อสู้ห้าปี เอกสารจำลองสามปี’ (80 คะแนน)

พลังการต่อสู้โดยรวม: 218

ค่าคุณสมบัติเปล่า: 0

เขาสามารถเห็น ‘ร่างปีศาจดอกบัวพิษ’ เพิ่มขึ้นมาในแถบของพรสวรรค์ของเขา หวังเต็งรู้สึกว่าร่างกายนี้มีพลังบางอย่างที่น่ากลัว เขามองไปที่ขีดจำกัดของมัน… 10,000!

เขาจะต้องรวบรวมค่าคุณสมบัตินี้อีกนานแค่ไหนกัน?

ถึงจะพูดอย่างงั้น แต่มันก็สะท้อนให้เห็นถึงความพิเศษและคามน่าทึ่งของร่างปีศาจดอกบัวพิษนี้

จากนั้นเขาก็หันไปมองที่พลังฟอร์สธาตุพิษ มันมาได้ถึง 30 คะแนนแล้ว ซึ่งมันก็สูงกว่าพลังฟอร์สธาตุน้ำแข็งหรือดิน

หลินซัวเซียคนนี้น่าทึ่งจริงๆ!

หวังเต็งอดไม่ได้ที่จะอุทานกับตัวเอง ในตอนนี้ เขาก็มีแผนในการได้รับพลังฟอร์สธาตุพิษแล้ว

ในอนาคต หากเขาจะต้องเข้าปะทะกับศัตรูของเขา เขาก็อาจจะใช้พลังฟอร์สธาตุพิษนี้ในการช่วยสังหารศัตรูของเขาโดยที่ศัตรูคนนั้นไม่ทันได้รู้ตัว!

อ่า.. นี่มันสมบูรณ์แบบ !!

และนี่มันก็ดูเหมือนกับว่าเขากำลังจะเดินไปบนเส้นทางของพวกคนชั่วร้ายเลย

นี่ฉันเดินผิดทางหรือเปล่านะ? หวังเต็งตรวจสอบมโนธรรมของเขาและถามตัวเอง

ผ่านไปครู่หนึ่ง แม่หลินก็ทำอาหารเย็นเสร็จและเรียกพวกเขาให้ไปกินข้าว

เมื่อเธอเห็นหวังเต็งและหลินซัวเซียกำลังพูดคุยกันอย่างสนิทสนม เธอก็มีความสุขเป็นอย่างมาก เธอต้องการที่จะให้หวังเต็งเข้ามาเยี่ยมบ้านของเธอให้บ่อยๆ

บนโต๊ะอาหารค่ำ มันมีเพียงแม่หลิน, หลินซัวหาน และหวังเต็งเท่านั้นที่อยู่ที่นั่น ตอนนี้พ่อของหลินซัวหานกำลังหลับเป็นตายอยู่

หลินซัวเซียไม่สามารถเข้าร่วมกินด้วยได้ แต่แม่หลินก็ได้ถือจานอาหารไปไว้ที่ห้องของเธอแล้ว

บนโต๊ะอาหาร หวังเต็งรู้สึกอึดอัดมากเพราะความกระตือรือร้นของแม่หลิน ชามข้าวที่อยู่ข้างหน้าเขากองสูงด้วยข้าวที่ดูเหมือนเนินเขาเล็กๆ

หลินซัวหานหัวเราะอย่างลับๆเมื่อเห็นการแสดงออกที่น่าอึดอัดใจของหวังเต็ง

หลังจากรับประทานอาหารเย็น หวังเต็งก็เกือบจะวิ่งหนีไปอย่างกระเสือกกระสน

“ อย่าลืมมาเล่นที่นี่บ่อยๆล่ะ” แม่หลินบอกเขาขณะไปส่งเขาที่ประตู

หลินซัวหานและหวังเต็งเดินไปที่ถนนสายหลักด้วยกัน

รถสปอร์ตของหวังเต็งจอดอยู่ข้างถนน เขาหยุดเดินและเปิดประตูรถ “ รีบกลับบ้านกันเถอะ”

หลินซัวหานพยักหน้า เธอพูดว่า “ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างในวันนี้นะ!”

หวังเต็งโบกมือและขับรถออกไป หลินซัวหานยืนหยั่งรากอยู่ที่จุดของเธอ มันไม่มีใครรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เธอเพียงแค่จ้องมองเข้าไปในอวกาศอย่างว่างเปล่าชั่วขณะหนึ่ง….