สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 195 ความอัปยศของเฉินผิงอัน
ตอนที่ 195 ความอัปยศของเฉินผิงอัน
เฉินซ่งได้ยินเช่นนั้นก็รู้แล้วว่าผู้อาวุโสเริ่มไม่พอใจ เขาจึงรีบลุก ดึงภรรยาตัวเองเอาไว้
“อย่าฉันไม่เข้าท่า มันไม่ใช่เรื่องของเรา พวกเขารับได้เ”
ภรรยาของผู้ใหญ่บ้านรู้ว่าต้องไว้หน้าสามี จึงก้มหน้าไม่พูดอะไรต่อ
หลังจากโต้เถียงกันไม่กี่ประโยค ชายหลายคนพาเฉินผิงอันเข้ามาในห้องโถงบรรพบุรุษ
ร่างกายของเฉิงผิงอันเต็มไปด้วยโคลนสกปรก ผมยุ่งเหยิง ในมือยังถือไหเหล้าไม่ยอมปล่อย ปากยังบ่นเกี่ยวกับหยุนจิงเอ๋อไม่ขาดปาก
หยุนเถียนเถียนยิ้มเยาะก่อนจะยกถ้วยน้ําชาขึ้นมาสาดใส่หน้า ของเฉินผิงอัน
เฉินผิงอันลืมตาขึ้นมอง เขาใช้แขนเสื้อสกปรกเช็ดน้ําบนใบหน้า แต่การเช็ดครั้งนี้ทําให้ใบหน้าเปื้อนเหมือนหนวดแมว
“ผู้ใด? ผู้ใดมันกล้าสาดน้ําใส่ข้า?”
อาวุโสทุบไม้เท้าลงพื้นอย่างแรง “เฉินผิงอัน! เจ้ายังมีดวงตาอยู่หรือไม่?”
เฉินผิงอันมองใบหน้าเคร่งขรึมของผู้อาวุโสสูงสุด เขาก้มหน้าลง ริมฝีปากสั่นสะท้านไม่ยอมพูดอะไรต่อ
“ที่จริงแล้ววันนี้เจ้าจะมาหรือไม่ มันก็เป็นเรื่องที่ข้าตัดสินใจแล้ว! เจ้าอย่าหาว่าตาแก่อย่างข้าเรื่องเยอะ เพราะถึงอย่างไร ข้าทําเพื่อเด็กคนนี้ ข้ามีหลานเพิ่มมาอีกคนก็ไม่มีปัญหา การทําความดีเช่นนี้จะไม่สูญเปล่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของตาแก่ผู้นี้ เจ้ามีความคิดเห็นอย่างไรก็บอกข้าออกมาเดี๋ยวนี้!”
เฉินผิงอันก้มหน้าไม่ยอมพูดอะไร หยุนเถียนเถียนบอกถึงประโยชน์ของเด็กคนนี้อย่างแจ่มแจ้งแล้ว หยุนเถียนเถียนบอกเขาชัดเจนหมดสิ้น ต่อให้ไม่เต็มใจเขาก็ไม่ควรทําให้อนาคตลูกชายถูกทําลายไปมากกว่านี้
“เจ้าเคยขายลูกชายแท้ ๆ นี้ไปแล้ว แต่ถึงเจ้าจะไม่ได้บอก เจ้าก็ไม่พูดอะไรอยู่ดี ตอนนี้แค่เห็นเจ้าที่เป็นผู้ให้กําเนิดมา ข้าแค่จะถามความคิดเห็นเท่านั้น มีอะไรก็พูดออกมา แล้วหลังจากนี้หากกล้าหาเรื่องข้าอีก อย่าได้กล่าวโทษว่าข้าเป็นตาแก่ไร้เหตุผล!”
สิ่งที่หยุนเถียนเถียนคิดได้คือ ตาแก่คนนี้นําเรื่องทั้งหมดมาผูกไว้ที่นี่ที่เดียว ถึงแม้เฉินผิงอันจะมาหาเรื่อง หยุนเถียนเถียนก็ไม่จําเป็นต้องกลัวอีกต่อไป เพราะมีหนทางรับมือแล้ว
“ข้า
ข้าก็แค่ เขาเป็นลูกชาย…”
หยุนเถียนเถียนหัวเราะเย้ยหยันอยู่ด้านข้าง “ตอนนี้เพิ่งได้รู้หรือว่าเขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียว!? ทําไมข้าไม่เคยเห็นเจ้ากระทํากับเขาเฉกเช่นลูกชายเลย… ทําไมเขาถึงไม่ได้กินอาหาร? การไม่มีเฉินเฉินท่านพอใจแล้วงั้นหรือ? ท่านยอมส่งลูกชายคนอื่นไปเรียนมากกว่าส่งลูกชายตัวเองเรียน! แต่ตอนนี้ท่านกลับบอกว่าเขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียว”
เฉินผิงอันเผยใบหน้าแดงก่ํา เขาไม่รู้เลยว่าควรโต้ตอบด้วยคําใด
แต่หยุนเถียนเถียนไม่ยอมปล่อยไปง่าย ๆ “ในเมื่อขายเขาไปแล้ว แม้แต่สัญญาก็อยู่ในมือของข้า เฉินผิงอัน… เจ้ามีความสามารถที่จะไถ่เขากลับคืนงั้นหรือ?”
“ถึงแม้ท่านจะไถ่เขากลับไป ท่านจะเลี้ยงดูเขาได้งั้นหรือ ท่านยังจะให้เขาร่ําเรียนต่อหรือไม่ ออกไปหาอ่างน้ําแล้วส่องดูหน้าของตัวเองดูซิ คนขี้ขลาดเช่นท่านจะให้ความรู้แก่ลูกชายตัวเองได้อย่างไร ข้าแนะนําให้ท่านพยักหน้าเห็นด้วยเพื่อไม่ให้อนาคตของลูกชาย ท่านล่าช้าไปกว่านี้”
เฉินผิงอันหน้าซีดเผือด… ถูกต้องทั้งหมด! เขายังคงทําตัวเป็นโคลนตมอยู่ข้างเตาผิง ตอนนี้สภาพบ้านไม่เหมือนก่อน ทุ่งนาก็รกร้างไปแล้วสองส่วน แม้แต่บ้านก็พังพินาศจากการถูกเผาจนพังยับเยิน ตอนนี้ทําได้เพียงอยู่อาศัยได้เท่านั้น
การดื่มเหล้าติดต่อกันเป็นเวลานานทําให้เงินแทบหมดไป ตอนนี้ อาหารมื้อต่อไปของตัวเองก็ไม่รู้จะหาจากที่ไหน หากยังดิ้นรนนําเด็กคนนี้กลับมา เขากลัวว่าแม้แต่อาหารก็ไม่สามารถหาให้กินได้
หยุนเถียนเถียนไหนเลยจะไม่รู้สถานการณ์ปัจจุบันของเฉินผิงอัน เพราะรู้แล้วเลยยิ่งดูแคลน ไร้ความสามารถเช่นนี้ความสามารถการใช้ชีวิตห่วยแตกสิ้นดี
หยุนจิงเอ๋อที่คิดถึงก็ตายไปแล้ว หลินชวนฮวาก็นําของเขาหนีออกไป เขาสูญสิ้นทุกอย่าง เขาโกรธแค้น ตอนนี้เขายิ่งทําตัวเหลวไหลจนเหมือนผีเดินได้
“เอาล่ะ! ในเมื่อเจ้ายอมรับแล้ว เช่นนั้นเรื่องนี้ก็จบลง ในอนาคต เจ้าห้ามสร้างปัญหาให้แก่ข้า ถ้าเจ้ายังกล้าข้าจะนําไม้กวาดใหญ่นี่ไล่เจ้าออกไป! จริงสิ ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็เป็นบิดาแท้ ๆ ของเขา แต่ถึงเจ้าหิว… ข้าก็ไม่สนใจหรอกนะ”
“ดูจากตอนนี้เจ้านั้นคงไม่เหลืออะไรแล้ว แม้แต่อาหารก็ไม่รู้จะไปกินที่ไหน อันนี้เงินสิบตําลึงถือว่าเป็นเงินเดือนแล้วกัน”
หยุนเถียนเถียนโยนแท่งเงินทิ้งไป ชาวบ้านที่เห็นอย่างนั้นถึงกับเบิกตากว้างอย่างตื่นตระหนก
เฉินผิงอันไม่สนใจว่าหยุนเถียนเถียนจะใช้ท่าทางเช่นใดในการโยนแท่งเงินลงบนพื้น เขารีบย่อตัวลงคว้าแท่งเงินนั้นไว้แน่นแล้วยัดใส่อกเสื้อตัวเองอย่างเร่งรีบ
เมื่อเห็นฉากตรงหน้า หยุนเถียนเถียนเผยรอยยิ้มดูแคลน นางเปือนหน้าหนีไปทางอื่นราวไม่ต้องการมองขยะ
“วันนี้ข้าขอบคุณท่านปู่มาก เงินสิบตําลึงนี่เป็นความกตัญญูของเฉินเอื้อมอบให้ท่าน”
หลังพูดจบ นางก็วางเงินสิบตําลึงลงบนโต๊ะข้างห้องโถงบรรพบุรุษอย่างนอบน้อม จากนั้นคว้ามือเฉินเอ๋อและเดินออกไปอย่างใจเย็นภายใต้สายตาของชาวบ้านทุกคน
ตั้งแต่ต้นจนจบ เฉินเฉินมีเพียงสีหน้าเรียบเฉย เขาไม่พูดอะไรสักคํานอกจากเรียกผู้อาวุโสว่าท่านปู่
ขณะกําลังจะเดินออกไป หยุนเถียนเถียนหยุดฝีเท้าลงก่อนจะหันมากล่าวทิ้งท้าย “เฉินผิงอัน ครั้งหน้าถ้าเจอเฉินเอ๋อ ท่านต้องเรียกเขาว่าลุง… มันไม่ได้ยากหรือง่าย แต่ข้าคิดว่าไม่น่าจะเป็นปัญหาของท่าน”
ชาวบ้านที่นั่งอยู่แถวนั้นก็หัวเราะกันอย่างคึกคักเมื่อได้ยิน
เมื่อครู่พวกเขาสังเกตเห็นว่าลูกชายคนเดียวของเฉินผิงอันถูกพาตัวไป พวกเขาไม่ได้สังเกตว่าเป็นคนใคร แต่หลังจากที่ได้ยินหยุนเถียนเถียนพูดเช่นนี้ ยิ่งเฉินเฉินเรียกผู้อาวุโสว่าท่านปู่แล้ว ตอนนี้มีใครไม่เข้าใจบ้าง?
เฉินเฉินตกอยู่ภายใต้ชื่อของลูกชายคนโตที่ตายไปแล้วของผู้อาวุโส ตามลํากับตระกูลแล้ว เฉินผิงอันต้องเรียกลูกชายตัวเองว่า ลุง!
หลังจากวางระเบิดหนักเสร็จสิ้น หยุนเถียนเถียนก็เดินจากไป
ดวงตาขุ่นมัวของเฉินผิงอันจ้องเขม็งไปที่ร่างเล็ก ๆ นั่น เห็นได้ชัดว่าช่วงนี้ชีวิตของเด็กนั่นดีขึ้นมาก จู่ ๆ ก็ปีกกล้าขาแข็ง ถึงแม้จะยังสู้ความแข็งแรงกับเด็กคนอื่นไม่ได้ แต่ก็แข็งแรงขึ้นมากกว่าแต่ก่อน
สิ่งที่ทําให้เขาเศร้าที่สุดก็คือเฉินเฉินไม่มองเขาเป็นพ่ออีกแล้ว อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะชายตามอง ถึงมองก็เพียงมองผ่านไปเท่านั้น
เมื่อเห็นสภาพที่น่าสังเวชของเฉินผิงอัน ทุกคนทําได้เพียงถอนหายใจออกทั้งที่เมื่อก่อนนี้พวกเขาต่างพากันเย้ยหยันอีกฝ่ายอย่างเมามัน เฉินผิงอันที่เคยดูดีกลับกลายเป็นชายวัยสี่สิบที่เต็มไปด้วยผมหงอกขาวเต็มศีรษะ!