ภาคที่สอง-หิมะใต้หล้า ตอนที่ 122 รีบร้อนคือยันต์เร่งชีวิต

เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า

ตอนที่ 122 รีบร้อนคือยันต์เร่งชีวิต

ภูเขาแดงหินกระจาย

กระบี่กระดูกสันหลังฟันออกไป ไอชั่วร้ายเงามืดเต็มฟ้ายกทั้งหินยักษ์ขึ้น ภายใต้ปราณดาบของยอดปีศาจหนุ่ม พลันแตกกระจาย

ดาบกระบี่ปะทะกัน ร่างผอมสูงของหานเยวียถูกแรงมหาศาลกระแทกฝังเข้าไปกลางผนังหิน ดาบเรียบทองอมเงินนั้นกดกระบี่สันหลังไว้แน่น รูปแกะสลักคนหยินหยางกัดฟันแน่น ส่งเสียงดังกึก

“กระบี่นี่…” ยอดปีศาจหนุ่มจ้องกระบี่สันหลังที่ต้านการโจมตีของตนไว้ ดวงตาเขาขยับประกายเย้าหยอก “ข้าก็ว่าภูตผีแดนทักษิณจะมีผู้บำเพ็ญขอบเขตที่สิบมาทะเลพลิกผันได้อย่างไร คุณชายน้ำค้างหานเยวียผู้ยิ่งใหญ่ ไม่อยากเชื่อว่าจะหนีออกมาจากหลอดแก้ว ไม่กลัวถูกศัตรูใต้ฟ้าเผ่าปีศาจจับไปดึงเส้นเอ็นลอกหนัง ชดใช้ด้วยเลือดหรือ”

ชื่อเสียงของหานเยวียไม่ได้ดังแค่แดนทักษิณกับแดนบูรพา วางไว้ทั้งใต้ฟ้าต้าสุยก็เป็นมารร้ายที่มีชื่อเสียงเลื่องลือ เลวบริสุทธิ์ ความแค้นโลหิตล้นฟ้า…ส่วนวางไว้ใต้ฟ้าเผ่าปีศาจของยอดปีศาจหนุ่มที่เป็นทายาทกิเลน ความแค้นนี้ กระทั่งไม่ลดน้อยลง แต่กลับรุนแรงขึ้นสามส่วน

ตอนนั้นหานเยวียกลับต้าสุยจากทะเลพลิกผัน ไปเยี่ยมเยือนเจ้าภูเขาศักดิ์สิทธิ์แดนบูรพา ในมือถือศีรษะราชันปีศาจหลายตนใต้ฟ้าเผ่าปีศาจ พลังอำนาจยิ่งใหญ่ สั่นสะเทือนไปช่วงหนึ่ง การกระทำนี้ทำให้เขาได้รับตำแหน่งอันดับหนึ่งวิถีมารแดนบูรพา และยังทำให้เผ่าปีศาจแค้นคุณชายน้ำค้างคนนี้อย่างมาก อยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ หากหานเยวียตกอยู่ในมือผู้บำเพ็ญใต้ฟ้าเผ่าปีศาจ บางทียอดฝีมือปีศาจพวกนั้นอาจจะใช้กลอุบายพลิกฟ้า จับร่างจริงเขามาสังหารได้

บุรุษผอมสูงพูดมีลับลมคมใน “ยอดปีศาจกิเลน ได้ยินว่าโลหิตบริสุทธิ์ชีวิตของเจ้ารักษาบาดแผลสาหัสได้ หากข้าจะนิพพานก็ต้องลองเอาเลือดกิเลนในกระดูกเจ้าออกมาลองสักหน่อย”

ยอดปีศาจหนุ่มยิ้มเยาะ “ยอดผู้หยั่งรู้บอกข้าก่อนเดินทางครั้งนี้แล้วว่าการมาภูเขาแดงครั้งนี้…ข้าอาจจะเจอกับคนที่คาดไม่ถึง ตอนนี้ดูแล้ว เป็นเช่นนั้นจริงๆ”

ยอดปีศาจหนุ่มเงยหน้าชำเลืองตามองไปทางแดนต้องห้ามบุพกาลภูเขาแดงที่อยู่ไม่ไกล นึกถึงเด็กหนุ่มสาวสภาพจนตรอกสองคนนั้น ก่อนหัวเราะเยาะ “ผ่านไปหลายปีขนาดนี้แล้ว คุณชายหานเยวียยังหากายเนื้อที่ดีไม่ได้ ครั้งนี้ออกมืออย่างยิ่งใหญ่ เกรงว่าปลาคงหลุดไปได้อีกแล้วสิ”

หานเยวียหน้าดำมืด “เจ้า…โอหังนัก!”

ยอดปีศาจกิเลนหัวเราะเสียงดัง เขาไม่สนใจเลย มือข้างหนึ่งกดดาบเรียบทองอมเงิน หานเยวียได้แต่ใช้สองมือดันตัวกระบี่สันหลังตรงหน้าอกไว้อย่างยากลำบาก ลุกขึ้นไม่ได้

สำหรับยอดปีศาจหนุ่ม หานเยวียแห่งแดนบูรพาคนนี้ เป็นเพียงผู้บำเพ็ญเผ่ามนุษย์ที่เพิ่งทะลวงขอบเขตที่สิบ อีกทั้งยังบาดเจ็บไม่น้อย ศัตรูพลังบำเพ็ญเช่นนี้ จะเป็นผู้บำเพ็ญภูตผีหรือนักกระบี่ก็ไม่ต่างกัน เขาออกแรงทีเดียวก็กำราบได้สบาย

“กระบี่สันหลังนี่…จิ๊ๆ คือกระบี่รากมรณะที่มีชื่อเสียงโด่งดังในใต้ฟ้าต้าสุยหรือ” ยอดปีศาจหนุ่มใช้มือเดียวกดดาบ มีสีหน้าสบาย เขายื่นอีกมือมาช้าๆ ดีดตัวกระบี่สันหลังนั้นเบาๆ พูดด้วยรอยยิ้ม “เป็นเรื่องดีเหนือความคาดหมาย…ยังไม่เข้าภูเขาแดง จะขอเก็บกระบี่สันหลังเป็นค่าผ่านทางแล้วกัน ถือว่าเป็นดอกเบี้ยที่เจ้าติดค้างไว้”

หานเยวียมีสีหน้าปั้นยาก

เขาไม่นึกเลยว่าผู้บำเพ็ญหนุ่มใต้ฟ้าเผ่าปีศาจตอนนี้จะมีระดับสูงถึงเพียงนี้

ร่างนี้ของเขาจะแย่อย่างไรก็รับกายเนื้อของ ‘กุมาร’ อัจฉริยะภูตผีแดนทักษิณ ถูกเขาใช้วิชาลับฝืนปลุกตื่น หลังยกระดับพลังแล้ว ไม่ขอบอกว่าไร้พ่ายในพลังบำเพ็ญเดียวกัน อย่างน้อยก็ยืนได้อย่างมั่นคงในขอบเขตที่สิบ…ต้องรู้ว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เขาศักดิ์สิทธิ์ส่วนใหญ่ใต้ฟ้าต้าสุยตอนนี้อยู่ระหว่างขอบเขตที่แปดกับเก้า แม้เพื่อเตรียมกับงานราชวงศ์ใหญ่ที่จะมาถึง แต่ไปถึงขอบเขตที่สิบ ทั้งยังมีกำลังรบเช่นนี้ในขอบเขตที่สิบ

เรียกว่าหาได้ยากมาก

หานเยวียพูดเสียงแหบ “สององค์ชายต้าสุยอยู่ในภูเขาแดง เจ้าคิดว่าเจ้าจะถอยออกไปได้ง่ายๆ รึ”

ยอดปีศาจหนุ่มยิ้มหยีตา “หานเยวีย เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ”

“สององค์ชายนั่นไปภูเขาแดง บอกว่าแย่งชิงอำนาจกัน ประชันกัน” เขาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะยิ้ม “เข้าไปตอนนี้จะกลายเป็นอีกโลกหนึ่ง ถ้าบอกว่าจะปฏิบัติต่อกันอย่างเกรงใจก็เหมือนจะเป็นไปไม่ได้เท่าไร แต่ถ้าหวังให้สองคนนั่นวิวาทกัน ไม่มีหวังหรอก”

“ราชวงศ์ต้าสุยปกครองมาหมื่นปี แม้ในเขตต้องห้ามปราชญ์ปฐมเก้าวิญญาณจะไม่มียอดผู้บำเพ็ญสามกรม แต่สถานที่สำคัญอย่างเขตต้องห้ามบุพกาลภูเขาแดงก็ต้องวางไข่มุกเชื่อมสวรรค์ไว้แน่นอน จะได้สะดวกมองดูจากแดนกลาง ควบคุมเมฆลม”

ยอดปีศาจหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “องค์ชายสองแดนบูรพากับประจิม ข้าได้ยินในใต้ฟ้าเผ่าปีศาจมานานแล้ว ไม่ใช่คนดีอะไร เพียงแต่ไม่ว่าข้างนอกจะฉีกหน้ากันอย่างไร แต่เมื่ออยู่ใต้สายตาของจักรพรรดิ พวกเขาก็ต้องไว้หน้ากัน”

หานเยวียหรี่ตาลง

ยอดปีศาจหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบต่อ “ไปทางเข้าปกติ ในเขตต้องห้ามภูเขาแดงจะมีดวงตาของจักรพรรดิ ข้าแค่ก้าวไปก้าวเดียว คงจะเลี่ยงไม่ให้คนนั้นเคลื่อนไหวจากเมืองหลวงมาสังหารข้าที่ภูเขาแดงได้”

หานเยวียกลั้นขำไว้ไม่ไหว พูดเย้ยเยาะ “เจ้าประเมินตัวเองไว้สูงจริงๆ”

ยอดปีศาจหนุ่มหัวเราะเสียงดัง ก่อนพูดเบาๆ “มดปลวกก็ยังมีชีวิตรอดไปวันๆ ได้ แล้วนับประสาอะไรกับข้า ระวังไว้จะแล่นเรือได้หมื่นปี ระวังไว้ไม่มีผิด ข้ากล้ามาภูเขาแดงก็มีวิธีออกจากภูเขาแดงเป็นหมื่นวิธี…ต่อให้ร่างจริงเจ้านิพพานแล้ว ข้ามปราการทะเลพลิกผันมาที่นี่ ข้าก็มีหนทางออกไป”

หานเยวียหน้าเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่างไม่แน่นอน

ผนึกยักษ์ของทะเลพลิกผันจะขวางผู้บำเพ็ญขอบเขตราชันดาราไว้…คือความจริง หากตนก้าวสู่ขอบเขตนิพพานจริงๆ เช่นนั้นวันนี้คงไม่ต้องเสียเปรียบเช่นนี้

“กระบี่สันหลังนี่ ข้าจะเก็บรักษาไว้ให้เจ้าเอง” ยอดปีศาจหนุ่มยื่นมือมาข้างหนึ่ง กดหลังดาบ พลังซ้อนทับกัน ผนังหินโดยรอบแตกเป็นใยแมงมุมยักษ์ เขามองหานเยวียที่หน้าซีดขาวอย่างเฉยชา มองบุรุษผอมสูงเลือดสีแดงสดไหลจากมุมปาก ในดวงตามีความไม่ยอม

“หากอยากได้กระบี่รากมรณะคืน ก็ยินดีต้อนรับเจ้ามาใต้ฟ้าเผ่าปีศาจ” ยอดปีศาจหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น เขาหัวเราะเบาๆ “แน่นอน รอวันนั้นที่ร่างจริงเจ้านิพพาน คงจะอีกนานเลย ถึงตอนนั้นข้าจะตัดสินกับเจ้าอย่างยุติธรรม แต่ว่าตอนนี้…”

หลังหยุดชะงักไปเล็กน้อย ลายสีทองอมดำก็ปกคลุมทั้งใบหน้ายอดปีศาจหนุ่ม เขาพูดด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก “หานเยวีย ไว้พบกันใหม่”

ปราณดาบพุ่งไป

กระบี่รากมรณะไม่อาจแสดงอานุภาพได้ทั้งหมด ระหว่างที่ต้านดาบเรียบทองอมเงิน ก็เกินกำลังไปแล้ว

เสียงร้องแหลมเล็กดังขึ้น

……

ฝนตกหนักบนภูเขาแดงโหมกระหน่ำลงมา

ที่ราบนอกภูเขาแดง ไอดำหลายสายลอยขึ้นจากรอยแยกบนพื้น กระจายไปช้าๆ เงาคนแขนเสื้อยาวที่เฝ้าอยู่นอกรถม้าดอกบัวดำนั้น เงยหน้ามองท้องนภา

พวกเขาหน้าซีดขาว เลือดซึมออกมาจำนวนมาก โคลงเคลงจะล้มลง ยังไม่ทันหันกลับมา เดินหน้าไปสองก้าวก็ล้มลงอย่างรวดเร็ว ตอนที่ล้มลงถึงพื้นก็เหลือเพียงหมอกกระจายบางๆ อาภรณ์กองซ้อนกันบนพื้น ควันดำลอยโขมง ขยับเป็นคลื่นช้าๆ กลางไอฝน

เลือดกับเนื้อสลายหายไป

ไอชั่วร้ายที่ค้ำจุนกายเนื้อพวกเขาถูกหลุดลอก สลายไป

เจ้าของที่ที่คุมไอชั่วร้าย ร่างตายตกในภูเขาแดง กระดูกบนที่ราบภูเขาแดง ภายใต้เสียงที่เหมือนมีและไม่มี กระดูกกลิ้งไปทางเส้นขอบฟ้าหินผา ทว่าชนเข้ากับผนึกภูเขาแดง จึงสลายเป็นเถ้าถ่าน

กายเนื้อในหลอดแก้วแดนบูรพามีไม่น้อย แต่ไม่ถือว่าเยอะ หานเยวียลำบากรวบรวมมาเกือบสิบปี ติดที่กฎต้าสุย อัจฉริยะทุกแห่งหน คนที่ถูกตาต้องใจคนใหญ่คนโตเขาศักดิ์สิทธิ์ รับศิษย์ได้ก็รับ คนที่เหลือที่ดูเหมือนมีคุณสมบัติธรรมดาพวกนั้น แต่ความจริงมีความสามารถสูง จะด้วยการหลอกล่อก็ดี ชักชวนก็ดี ล้วนเข้ามาอยู่ในหลอดแก้ว

มาภูเขาแดง มารร้ายคนนี้เดิมทีจะเดินไปตามซอกของกฎ แอบจับปลาติดตาข่าย ให้ดีที่สุดคือกินหนิงอี้ที่เป็นเป้าหมายใหญ่ที่สุดในครั้งนี้ มีอันดับหนึ่งรายนามดาราคนนี้เข้าร่วมหลอดแก้ว โอกาสนิพพานจะสูงขึ้นหลายส่วน ส่วนล่วงเกินเขาสู่ซานหรือความหมายในวัง เทียบกับนิพพานแล้วล้วนไม่ถือว่าสำคัญ

เพียงแต่เรื่องมาจนถึงตอนนี้ก็ได้แต่ใช้คำหนึ่งมาบรรยาย

“คิดเอาเปรียบคนอื่นแต่กลับโดนเสียเอง”

ยอดปีศาจหนุ่มยิ้มเยาะ คิดคำพูดประโยคนี้ออกมาได้ เขาใช้สองมือยกตรงสองปลาย เพ่งมองกระบี่สันหลังลักษณะแปลก นึกถึงชื่อเสียงชั่วร้ายของหานเยวียแห่งแดนบูรพา น่าเสียดายที่ตนลงมือเร็วเกินไป ไม่ให้โอกาสมารอันดับหนึ่งแดนบูรพาคนนี้ออกมือโต้กลับเลย…น้ำเลือดบนพื้นรวมกันกระจายออก กลิ่นอายเหม็นเน่าแม้แต่สายฝนยังชะล้างไม่ได้ แต่ถูกไอปีศาจของเขาขวางไว้

มือนั้นที่ลากปลายกระบี่ ลูบตัวกระบี่สันหลังอย่างเฉยชา ลูบผ่านทีละข้อต่อ เหมือนมีเสียงแปลกดังข้างหูยอดปีศาจหนุ่ม มีคนกำลังก้มตัวพ่นลมหายใจใส่หลังเขาเบาๆ

เขายิ้ม พูดงึมงำ “มีฝีมืออยู่บ้าง…รอข้านิพพานเมื่อไร มีโอกาสจะไปเยือนภูเขาแดนทักษิณ ผู้บำเพ็ญภูตผีพวกนี้ทำให้ตัวเองกลายเป็นสภาพนี้ ยังหวังจะพิสูจน์มหามรรคอีกรึ”

เหยี่ยวบนบ่าร้องทีหนึ่ง

ปราณหยินของกระบี่สันหลังเก็บในตัวกระบี่ ผู้ถือกระบี่จะถูกปราณหยินกัดกร่อน กายและจิตของยอดปีศาจหนุ่มย่อมไม่เกรงกลัว แต่ด้วยพลังบำเพ็ญของเหยี่ยวนี้ แม้แต่มองกระบี่ภูตผีนี้นานๆ ยังทำไม่ได้

ยอดปีศาจหนุ่มยื่นมือมาลูบเบาๆ ไอปีศาจรุกราน เด้งบนตัวกระบี่ กระแทกดังปึงปัง ตัวกระบี่แทบจะเด้งออกจากมือเขา สุดท้ายยันต์สีทองอมดำแผ่นหนึ่งก่อรูปขึ้น เขาทำผนึกง่ายๆ ผนึกกระบี่โบราณนี้ไว้ ก่อนจะเก็บไว้ข้างเอว

ในที่สุดเหยี่ยวก็พ่นลมหายใจยาว ความรู้สึกแปลกที่เหมือนมีแสงสว่างอยู่ข้างหลังนั้นพลันหายไป

มันบินขึ้นไประยะหนึ่ง ครู่ต่อมาก็กลับมาอีกครั้ง มองยอดปีศาจหนุ่มที่หยุดอยู่ที่เดิมด้วยความไม่เข้าใจ

ลายสีทองอมดำไม่ได้ถอยไป ยอดปีศาจกิเลนยิ้มแป้น มองเหยี่ยวตัวนี้ “เจ้าเร่งรัดข้าเช่นนี้ อยากให้ข้ารีบเข้าภูเขาแดง ไปดึง ‘ราชสีห์ขาว’ เล่มนั้นรึ”

เหยี่ยวร้องเสียงต่ำ

มันมีสติปัญญา แปลงร่างได้ช่วงสั้นๆ แต่ไม่เข้าใจการกระทำหลังจากเจ้านายตนมาถึงภูเขาแดง

ตอนแรกเสียเวลา เล่นกับผู้บำเพ็ญเผ่ามนุษย์ เห็นๆ ว่าดาบเดียวก็ตัดปัญหาได้ แต่ดันถ่วงเวลา และยังให้เด็กสาวมนุษย์นั่นหนีไป…และยังมาเจอกับมารตึงมือแดนบูรพานั่นอีก ดีที่ไม่ได้ถูกขวางอะไรมาก

ตอนนี้ยังไม่รีบเดินทางอีก

เพื่ออะไรกัน

แววตายอดปีศาจหนุ่มมีความไม่แน่ใจเล็กน้อย เขาเหมือนกำลังนึกถึงคำกำชับของคนชรานั้น

ยอดปีศาจกิเลนพูดพึมพำ “ยอดผู้หยั่งรู้บอกข้าว่าอย่ารีบร้อนพบภูเขาแดง ในประตูภูเขามีอันตรายพันชั่ง ไปเที่ยวเล่นได้ก็ไป…ความรีบร้อนคือยันต์เร่งชีวิต”