ตอนที่ 37

Earth’s Best Gamer

หลังจากใช้เวลาไม่กี่นาทีในการย่อยพลังงานของผลไม้ หลู่จือเซินก็ตะโกนออกมาด้วยความดีใจ “ความแข็งแกร่ง… เพิ่มขึ้นมาเลยครับท่านหัวหน้า! ฉันรู้สึกว่าฉันจะไปถึงระดับวิสามัญอันดับ 2 ในไม่ช้า!”

เมล็ดสีชาดเพียงหนึ่งเม็ดไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาไปยังอันดับถัดไปทันที แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ได้รับความแข็งแกร่งระดับวิสามัญตั้งแต่เมื่อเขาถูกอัญเชิญมายังโลกใบนี้

“ฉันสงสัยว่าเมล็ดสีชาดดั้งเดิมนั้นทรงพลังแค่ไหน น่าเสียดายที่เราไม่ได้เห็นมันก่อนที่ลิงจะทำให้ต้นไม้กลายเป็นแบบนี้” จีเย่กล่าว

เขาขยับหมัดของเขาไปมาและรู้สึกถึงความแข็งแกร่งของเขาที่เพิ่มขึ้นได้อย่างชัดเจน

ยาอายุวัฒนะที่มีประสิทธิภาพเช่นนี้มักปรากฏในเรื่องราวการบ่มเพาะ เขาสงสัยว่าจะได้เงินเท่าไหร่หากใช้แต้มเกียรติยศหายากเพื่อโอนเมล็ดสีชาดกลับโลกและขายให้คนรวย เช่น ‘เจ้าชายตะวันออกกลางผู้เป็นโรคร้าย’ ที่มักปรากฏในฟอรั่ม เขาเป็นตัวจุดชนวนสงครามได้เลยหากเขาทำแบบนั้น

“ถ้าเราเพียงแค่เก็บมันไว้…” จีเย่มองไปที่ต้นไม้อีกครั้ง “เดี๋ยวก่อนมันกำลังเปลี่ยนสีงั้นเหรอ?”

ในขณะที่พักผ่อน เขาวางดาบงูดำของเขาไว้ข้างๆ และทำเลือดลิงหยดลงไปใกล้โคนต้นไม้โดยบังเอิญ หลังจากนั้นลำต้นไม้ส่วนล่างก็เปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้นเล็กน้อย

“ต้นไม้อาศัยเลือดสัตว์ในการเติบโต ไม่ต้องสงสัยเลือดของลิงแมนดริลเป็นปุ๋ยที่ดีที่สุด ผู้นำหลู่กลับกันเถอะและรวบรวมดินทั้งหมดระหว่างทางที่ลิงวิ่งมา เราจะไม่ปล่อยให้เลือดเสียเปล่า”

ลิงสูญเสียเลือดไปเป็นจำนวนมากจากบาดแผลที่เปิดอยู่ทั้งหมดซึ่งได้รับบาดเจ็บจากดาบงูดำในขณะที่มันวิ่งหนี นอกจากนี้จีเย่ยังวางแผนที่จะขอให้ชนพื้นเมืองส่งเลือดจากสิ่งมีชีวิตที่พวกเขาสังหารตั้งแต่นี้เป็นต้นไปแทนที่จะทิ้งมันไว้ หวังว่าต้นไม้จะให้ผลแก่พวกเขา

มันจะดีกว่านี้หากพวกเขาสามารถปลูกต้นไม้ในพื้นดินที่ถิ่นฐานได้ แต่เขาก็ไม่ต้องการทำอย่างประมาทโดยที่ไม่รู้วิธีถอนต้นไม้กลับไปได้อย่างปลอดภัยอย่างไรโดยไม่ให้มันตาย

นอกจากนี้เขาเพิ่งนึกถึงเรื่องอื่นในขณะที่เขาค้นหาถ้ำ เนื่องจากลิงตัวนี้มีสถานที่ลับที่เก็บสมบัติ แล้วงูดำล่ะ? เขาลืมตรวจสอบทะเลสาบงูดำเมื่อไม่กี่วันก่อนอย่างสิ้นเชิง

“…เอาล่ะท่านหัวหน้าจะไม่มีใครสังเกตเห็นหากกลิ่นไม่ลอยออกไป” หลู่จือเซินกล่าวหลังจากพรางทางเข้าอีกครั้ง

แทนที่จะไปยังยอดเขาทันที จีเย่ขอให้หลู่จือเซินปกปิดทางเข้าถ้ำและให้คำแนะนำที่น่าแปลกใจอีกครั้ง “ผู้นำหลู่เนื่องจากเรามาที่นี่แล้ว เราลองตรวจสอบส่วนอื่นของภูเขาด้วยมั้ย?”

ตามในฟอรั่ม ภายในรัศมี 500 เมตรจากถิ่นฐานควรถูกกำหนดโดย ‘ธีม’ ของภูมิหลัง สิ่งมีชีิวต พืชและทิวทัศน์ก็รวมอยู่ในนั้น แล้วถ้าไกลกว่านั้นล่ะ?

จีเย่คอยนับระยะห่างของเขาในขณะที่ไล่ตามลิง ตอนนั้นพวกเขาเกือบจะอยู่สุดขอบของ ‘ละแวกใกล้เคียง’ แล้ว มันจะเป็นการดีที่สุดที่จะตรวจสอบว่ามีอะไรอยู่นอกรัศมี 500 เมตรจากถิ่นฐาน

“ครับ แล้วแต่ท่านหัวหน้าเลย” หลู่จือเซินพยักหน้า

“ทางตันงั้นเหรอ?”

หลังจากเดินไปประมาณ 2 นาที พวกเขาก็มาหยุดอยู่ที่หน้าผาทันทีราวกับว่ามีใครบางคนตัดสินใจที่จะเอาส่วนนั้นของภูเขาออกไป

ในขณะที่พวกเขายืนชิดขอบหน้าผา พวกเขาไม่สามารถมองเห็นอะไรที่อยู่ด้านล่างเลยนอกจากหมอกหนาที่ซ่อนทุกอย่างจากมุมมองของพวกเขา แต่หมอกที่ด้านหน้าของพวกเขาไม่หนาเท่ากับที่หุบเหวซึ่งทำให้จีเย่สามารถเห็นว่าสิ่งที่อยู่ตรงข้ามหุบเหวได้ด้วยสายตาที่ดีของเขา

อีกด้านดูเหมือนกับโลกที่แตกต่างไปจากที่พวกเขายืนอยู่

นอกจากนี้เขายังเห็นสิ่งมีชีวิตหลายตัวเคลื่อนไหวที่นั่น ตอนแรกพวกนี้ดูเหมือนจะเป็นมนุษย์ อย่างไรก็ตามแต่ละคนนั้นมีดวงตาสามดวงและจะงอยปากแหลมบนใบหน้า พวกมันดูเหมือนจะฉลาดโดยตัดสินจากชุดเกราะไม้ทั่วไป และเครื่องมือดิบ เช่น เชือกและไม้กอล์ฟที่ถือไว้ในมือของพวกเขา

ในขณะที่จีเย่เฝ้าดู ‘มนุษย์อินทรี’ หลายคนก็กำลังสื่อสารกันโดยใช้ภาษากายก่อนที่พวกเขาจะเริ่มวางอะไรบางอย่างลงบนพื้น

“เผ่ามนุษย์ต่างดาว? อย่างที่คิดเลย” จีเย่หรี่ตาลง

นั่นไม่ใช่เรื่องแปลกเลย หลู่จือเซินได้พูดถึงบางอย่างเกี่ยวกับผู้รุกรานที่น่าสงสัยเมื่อเขาถูกอัญเชิญมา ‘มนุษย์อินทรี’ เหล่านั้นเหมาะกับฐานะผู้รุกรานอย่างชัดเจน เนื่องจากพวกมันรู้วิธีสร้างเครื่องมือและสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ

พวกมันอาจเป็นสิ่งมีชีวิตในจินตนาการที่มีถิ่นกำเนิดในโลกนี้ หรือไม่ก็อาจจะเป็นมนุษย์ต่างดาวที่ถูกอัญเชิญมาในฐานะ ‘ผู้ทดสอบเกม’ คนอื่น ในตอนนี้ยังไม่มีวิธีใดที่จะหาคำตอบได้เนื่องจากยังไม่มีผู้เล่นคนใดเคยรายงานว่าเคยเจอกับ ‘ผู้เล่นที่ไม่ใช่มนุษย์’

การกำจัดมอนเตอร์ตามปกติทั้งหมดรอบถิ่นฐานนั้นก็เป็นเรื่องที่ยากลำบากแล้ว นับประสาอะไรกับการเดินทางสำรวจดินแดนที่ไม่รู้จัก จีเย่และหลู่จือเซินจะไม่ไปที่นั่นเช่นกันหากไม่ใช่เพราะลิงแมนดริลหลบหนีมาแถวนี้

มันอาจเป็นไปได้ว่า ‘มนุษย์ต่างดาว’ ปรากฏตัวขึ้นในพื้นที่นั่นด้วยจุดประสงค์ที่คล้ายกัน

ขณะที่จีเย่กำลังครุ่นคิด สิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างคล้ายหมีขนาดใหญ่ที่มีเยื่อปีกใต้รักแร้ของมันก็เข้ามาในระยะการมองเห็นและหนีไปอีกทางหนึ่งซึ่งห่างจาก ‘มนุษย์อินทรี’ ขนสีม่วงของหมีนั้นเปื้อนเลือดของมันซึ่งเกิดจากลูกศรหลายอันที่ติดอยู่ในตัวมัน ลูกศรลูกหนึ่งได้พุ่งตรงเข้าไปในดวงตาของมัน

‘มนุษย์อินทรี’ หลายกลุ่มเข้าไปล้อมรอบมันพร้อมกับร้องตะโกนออกมาดังลั่น

เมื่อหมีมีปีกถูกตรึงไว้ ‘มนุษย์อินทรี’ ตัวใหญ่ก็ได้ยกอาวุธที่มีรูปร่างราวกับคันธนูและปล่อยลำแสงสีฟ้าออกมา

ฟิ้ววว!

ลำแสงพุ่งเข้าใส่หมีที่ด้านหลังอย่างแม่นยำ ทะลุทะลวงร่างของมันและพุ่งออกมาด้านหน้า

หมีไม่ได้ช้าลง มันยังคงวิ่งไปที่หน้าผาพยายามที่จะกระโดดเพื่อหลบหนี

ตุบ!

ก่อนที่มันจะได้กระโดด มันก็สะดุดเข้ากับบ่วงเชือกที่ซ่อนอยู่หลายอันและล้มลง

‘มนุษย์อินทรี’ เดินตามมันมาพร้อมกับยกอาวุธขึ้น

หมีร้องโหยหวนอย่างบ้าคลั่งและทำให้พื้นที่รอบตัวมันแตกออกมาโดยใช้เสียงคำรามของมัน เห็นได้อย่างชัดเจนว่ามันเป็นมอนเตอร์ระดับวิสามัญตัวหนึ่ง

แต่มันก็ไม่มีทางสู้กลับเมื่อแขนและขาของมันถูกจับแล้ว นอกจากนี้ ‘มนุษย์อินทรี’ เหล่านั้นยังเคลื่อนไหวได้เร็วมากและแสดงความแข็งแกร่งที่เหนือชั้นเมื่อเทียบกับมนุษย์ทั่วไปซึ่งทำให้พวกมันสามารถปราบปรามหมีได้อย่างง่ายดาย

‘มนุษย์อินทรี’ ตัวใหญ่ก็ได้ยกอาวุธขึ้นอีกครั้งและกำลังจะเผด็จศึกหมีที่ติดกับดักอยู่

อย่างไรก็ตาม มันก็ได้เอียงอาวุธในวินาทีสุดท้ายก่อนที่จะยิงออกไป

“ระวังผู้นำหลู่!” จีเย่เห็นลูกศรพุ่งเข้ามาจึงร้องตะโกนอย่างรวดเร็ว

Fanpage : ผีเสื้อกลางคืน