บทที่ 181 จี้ชิงชิง

บทที่ 181 จี้ชิงชิง

ทุกส่วนของวังหลวงล้วนถูกสร้างอย่างพิถีพิถันวิจิตรงดงาม

ดอกบัวชูช่อพลิ้วไหวในทะเลสาบสีฟ้าคราม บ้างก็กำลังแย้มกลีบบานสะพรั่งอยู่ บ้างก็เป็นบัวตูมรูปทรงคล้ายหยดน้ำ มีแมลงปอกระพือปีกบินไปมา ร่อนลงบนปลายกลีบดอกไม้

นอกจากดอกบัวแล้วในทะเลสาบยังมีปลาจิ๋นหลี่*[1]ที่มีค่ามากและเป็นที่สนใจของทุกคนที่ได้พบเห็นเช่นกัน

ภายในศาลาหลังเล็กที่วิจิตรงดงามกลางทะเลสาบ เหล่าคุณหนูในอาภรณ์สีสันสดใสกำลังนั่งอยู่ด้วยกัน นับเป็นภาพที่เจริญตายิ่ง มิหนำซ้ำยังมีบรรดาของหวานที่ทั้งดูน่ากินและรสชาติล้ำเลิศวางอยู่บนโต๊ะเล็ก ๆ ตรงหน้าพวกนางด้วย

แน่นอนว่าเสี่ยวเป่าในฐานะตัวเอกของงานก็เป็นหนึ่งในบรรดาคนงามเหล่านี้

ผู้ที่นั่งถัดจากเสี่ยวเป่าคือคุณหนูร่างเล็กที่อายุมากกว่านางห้าปี เป็นเจ้าของใบหน้ารูปไข่และมีดวงตาที่สดใส

ชื่อของนางคือชิวหยวน เป็นหลานสาวคนเล็กจากตระกูลของชิวหมิงร่าง เจ้ากรมมหาดไทย

คุณหนูน้อยได้รับคำสั่งจากท่านย่าของนาง ว่าต้องถวายการดูแลองค์หญิงให้ดีในฐานะที่อายุมากกว่า จึงเลือกจะนั่งข้างองค์หญิงน้อยในเวลานี้

และชิวหยวนก็ชื่นชอบเสี่ยวเป่ามาก เพราะความน่ารักและงดงามขององค์หญิงน้อย!

“องค์หญิง ขนมที่นี่เลิศรสไปหมดเลยเพคะ”

ชิวหยวนมักเพลิดเพลินกับอาหารเสมอ นางจึงมีรูปร่างเจ้าเนื้อกว่าสหายคนอื่น ๆ

เพราะเหตุนี้นอกจากความเพลิดเพลินแล้ว คุณหนูคนอื่น ๆ ก็หัวเราะออกมาเมื่อเห็นว่านางกินจุจนมีรูปร่างอวบอ้วน

มีสหายเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สนิทกับนางจากใจจริง ๆ ทว่าชิวหยวนหาได้สนใจไม่ หากเทียบการผูกมิตรกับคนที่พูดจาไม่ดีแล้ว เอาเวลาไปกินไก่ย่างยังจะมีประโยชน์เสียกว่า

“ใช่แล้ว เสี่ยวเป่าก็คิดว่ามันอร่อยมาก พี่ชิว ท่านชิมชิ้นนี้ดูสิ เป็นขนมหน่ายเกา*[2]ทำจากนม ทั้งนุ่มและหอมหวาน เสี่ยวเป่าทำชานมได้อีกด้วย ครั้งหน้าจะทำให้ชิมนะ”

“อื้ม ว้าว…”

ชิวหยวนพยักหน้าพร้อมเอาของหวานเข้าปากอย่างรวดเร็ว และหยิบขนมหน่ายเกาขึ้นมาป้อนให้เสี่ยวเป่าอีกชิ้น

เมื่อเด็กน้อยที่ชอบขนมทั้งสองได้พบกัน ก็มีเรื่องให้สนทนากันมากมาย แต่ทั้งหมดเป็นเรื่องของกินทั้งสิ้น

คุณหนูคนอื่น ๆ ที่อยู่ด้านข้างฟังอย่างขบขัน บ้างก็เพียงว่าทั้งสองดูสนุกสนานกันดี บ้างก็มองด้วยความอิจฉาและอยากกินบ้าง ทว่าในยุคสมัยที่รูปร่างผอมบางคือความงาม หากกินขนมมากกว่านี้จะต้องถูกแม่นมตำหนิเอา พวกนางจึงได้แต่เฝ้าดูอย่างช่วยไม่ได้ เพราะไม่อาจกินของอร่อยได้อย่างที่ใจต้องการเฉกเช่นเด็กหญิงทั้งสอง

แต่เห็นขนมพวกนั้นแล้วก็รู้สึกว่ามันช่างน่ากินเหลือเกิน เพื่อหลบเลี่ยงความอยาก พวกนางจึงต้องเสมองไปทางอื่น

ทว่าก็ยังมีสายตาบางคู่ที่มองมาอย่างเหยียดหยาม

ในหมู่พวกนาง หลี่หนานจูแสดงออกชัดเจนที่สุด

กินมากขนาดนั้น ระวังจะกลายเป็นหมูเอาได้!

นางกล้าเพียงแต่ในความคิดเท่านั้น ยามนี้หลี่หนานจูไม่กล้าที่จะทำตัวหยิ่งยโสเหมือนก่อนต่อหน้าเสี่ยวเป่า เพราะแม้แต่ญาติผู้พี่ของนางก็ยังเข้าข้างนางเด็กคนนี้

“ทิวทัศน์ในวังหลวงงดงามมาก นั่นคือดอกบัวแฝดใช่หรือไม่”

“มีปลาจิ๋นหลี่กระโดดขึ้นมากินดอกบัวด้วย”

“ฮ่า ๆ ปลาตัวนั้นอ้วนจังเลย”

พวกนางล้วนเป็นเพียงเด็กหญิง แม้จะมีเรื่องมากมายให้ต้องคิดเพราะสภาพแวดล้อมที่เติบโตมา แต่นอกจากเรื่องความทะเยอทะยานและแก่งแย่งแล้ว พวกนางทั้งหมดก็ยังซุกซนขี้เล่น ดวงตาของบรรดาคุณหนูต่างรวมกันอยู่ที่ทิวทัศน์อันงดงามของวังหลวง

เสี่ยวเป่าดึงเสื้อของคุณหนูด้านข้างอย่างเบามือ ระหว่างที่แก้มกลมของนางกำลังขยับไปมา

นางคือคุณหนูจากตระกูลเซี่ย เป็นหลานสาวของพระสนมเซี่ยหวงกุ้ยเฟย

นางถูกหวงกุ้ยเฟยฝากฝังให้ช่วยดูแลเสี่ยวเป่า และมาที่นี่เพื่อทำความรู้จักกับคุณหนูคนอื่น ๆ

“พี่หลานซู ท่านอยากให้อาหารปลาหรือไม่ เราสามารถให้อาหารปลาที่นี่ได้ ปลาอ้วนเหล่านี้ตะกละมาก ทุกครั้งที่เสี่ยวเป่ามาที่นี่จะเอาอาหารปลามามาก ๆ พอโปรยอาหารลงไปในน้ำ พวกปลาอ้วนก็จะเข้ามาล้อมรอบกันเป็นฝูงเต็มไปหมด”

เสียงขององค์หญิงน้อยดังเจื้อยแจ้ว ฟังดูทั้งร่าเริงและนุ่มนวลในที

เซี่ยหลานซูไม่สามารถยั้งตนเองให้บีบแก้มกลมขององค์หญิงน้อยเบา ๆ ได้

“ต้องรบกวนองค์หญิงน้อยแล้วเพคะ”

เสี่ยวเป่าโบกมือ “ไม่รบกวนเลย ชุนสี่และคนอื่น ๆ ไปเตรียมอาหารปลามาให้ทีนะ”

คุณหนูคนอื่น ๆ เมื่อได้ยินเสี่ยวเป่าพูดถึงการให้อาหารปลาก็ดูกระตือรือร้นที่จะเข้าไปร่วมวงด้วยเช่นกัน

“องค์หญิงเสด็จมาให้อาหารปลาบ่อยหรือเพคะ พวกมันไม่กลัวคนหรือ”

เสี่ยวเป่าส่ายหน้า “ไม่กลัว ปลาพวกนี้เงอะงะมาก พวกมันแค่เข้าใกล้มือเพื่อจะกินอาหารเท่านั้น”

“องค์หญิงทรงป้อนมันด้วยพระหัตถ์หรือเพคะ!”

เสี่ยวเป่าชี้ไปที่ริมฝั่งอีกด้านหนึ่ง “ที่นั่นเตี้ยกว่า เสี่ยวเป่าไปให้อาหารปลาที่นั่น”

เซี่ยหลานซูไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเอ่ยขึ้นระหว่างที่คุณหนูอายุน้อยกว่ากำลังพากันกระตือรือร้น

“บริเวณนั้นแคบเกินกว่าที่พวกเราหลายคนจะไปยืนด้วยกันได้ อีกอย่างยืนริมทะเลสาบเช่นนั้นจะเป็นอันตรายเกินไป ให้อาหารและดูปลาที่นี่กันจะดีกว่า”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น คุณหนูคนอื่น ๆ ก็พากันทำตาม

หลังจากนั้น ชุนสี่และคนอื่น ๆ ก็นำอาหารปลามาให้ บรรดาคุณหนูกำอาหารปลาขึ้นมาคนละหนึ่งกำมือแล้วโปรยลงไป จากนั้นเพียงชั่วครู่ ปลาจิ๋นหลี่สีสวยก็แหวกน้ำว่ายเข้ามา

“มาแล้ว ๆ ปลาเต็มไปหมดเลย”

“พวกมันอ้วนจริง ๆ ปลาในวังหลวงต่างจากที่บ้านของเรา อาหารที่ให้ก็ดูดีมาก”

“อาหารปลาพวกนี้ทำมาจากอะไรหรือเพคะ ที่บ้านหม่อมฉันก็เลี้ยงปลาเช่นกัน เห็นว่าพวกปลาชอบอาหารนี้มากจึงต้องการเอาไปเลี้ยงปลาที่บ้านเช่นกัน”

ผู้ใหญ่ในตระกูลล้วนกำชับกับพวกนาง ว่าแม้จะไม่สามารถทำให้องค์หญิงพอพระทัยได้ ก็ต้องไม่ทำให้พระองค์ขุ่นเคืองใจเป็นอันขาด

ดังนั้น พวกนางจึงกระตือรือร้นที่จะหาเรื่องมาสนทนากับองค์หญิงน้อยเรื่อย ๆ

“ช่างประจบสอพลอกันเสียจริง”

หลี่หนานจูลอบกลอกตา กัดฟันและกระทืบเท้าพลางเดินออกไป

เวลานี้หนานกงจิ่นซีกำลังเป็นศูนย์กลางของความสนใจ เสด็จย่าของนางก็ย้ำอยู่เสมอว่าห้ามเอาแต่ใจ และต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเรื่องขายหน้า

ทว่าเมื่อเห็นเด็กนั่นได้รับความสนใจมากเพียงนั้น นางก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจมากขึ้น ที่ตรงนั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นของนางมาก่อน

ระหว่างนั้นเอง เมื่อผินหน้ากลับมาก็เห็นใครบางคน หลี่หนานจูขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความเกลียดชัง

“จี้ชิงชิง!”

น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังมาดร้าย ทำให้เสี่ยวเป่าตัวสั่นด้วยความตกใจ ขนมที่อยู่ในปากแทบจะตกลงไปในน้ำ

คนอื่น ๆ ก็ถูกเสียงนั้นดึงดูดความสนใจไม่ต่างกัน

สีหน้าของเซี่ยหลานซูมืดมนลง หลี่หนานจูผู้นี้เป็นตัวก่อปัญหาเสมอไม่ว่าจะไปที่ใด!

“จี้ชิงชิง เจ้ายังมีหน้ามาที่นี่ด้วยงั้นหรือ!”

หลี่หนานจูมองเด็กสาวผู้มีใบหน้าสดใสริมทะเลสาบด้วยดวงตาวาวโรจน์

นางสวมชุดสีฟ้าดุจวารีในทะเลสาบ มีเครื่องประดับน้อยชิ้นและตกแต่งผมด้วยดอกเหมย

เมื่อเห็นว่าหลี่หนานจูอยู่ฝั่งตรงข้าม เด็กสาวก็กลอกตาอย่างไร้ซึ่งความเกรงใจ ริมฝีปากสีชมพูของนางเริ่มเอ่ยถ้อยคำที่ไม่เป็นทางการขึ้นมา

“ฟังที่คุณหนูหลี่พูดเข้าสิ ที่นี่หาใช่บ้านของท่านไม่ ไยข้าจะมาไม่ได้ อ้อ แล้วข้าก็ไม่สนใจอยากจะไปบ้านท่านด้วยเช่นกัน”

หลี่หนานจูกัดฟันอย่างไม่พอใจ นางผู้หญิงคนนี้!

ตระกูลจี้มีแต่พวกโง่เขลาเบาปัญญา จี้อวิ่นอันไม่ยอมแต่งงานกับนาง ทั้งที่รู้ว่านางสูงส่งเพียงใด ส่วนจี้ไหวกับจี้ชิงชิงก็ร่วมกันใส่ไฟทำลายตระกูลหลี่ด้วยข่าวลือต่าง ๆ นานา มิหนำซ้ำจี้ชิงชิงยังทำลายชื่อเสียงของนางในหมู่สตรีชั้นสูงอีกด้วย เป็นเพราะคนพวกนี้ทำให้การออกเรือนของนางเป็นเรื่องยากยิ่งไปกว่าเดิม

แม้แต่ตระกูลขุนนางเล็ก ๆ ก็ยังต้องการหลีกเลี่ยงที่จะรับสตรีผู้เป็นที่ติฉินนินทาและมีชื่อเสียงเสียหายเข้ามาเป็นสะใภ้

“ตระกูลจี้ของเจ้าสาแก่ใจแล้วหรือยังเล่าที่ทำลายชื่อเสียงของข้าได้ แต่ข้าขอบอกเจ้าไว้เลยนะจี้ชิงชิง คนอย่างข้า อย่างไรก็ยังดีกว่าเจ้า และเจ้าไม่มีวันมาเทียบชั้นกับข้าได้!”

จี้ชิงชิงเย้ยหยันกลับไปว่า “น่าขันเสียจริง ท่านไม่ได้ต้องการเช่นนี้อยู่แล้วหรอกหรือ อย่างไรเสีย ก็เป็นคุณหนูจากจวนเซวียนผิงโหวที่ทำลายชื่อเสียงของตนเอง มาขอให้พี่ชายข้าถอนหมั้นแล้วไปแต่งงานกับตนเอง ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงนี่ เหตุใดข้าจะเอามาพูดไม่ได้”

ทันทีที่ทั้งสองเผชิญหน้ากัน พวกนางก็เริ่มทะเลาะกันทันที ส่วนคนอื่น ๆ เพียงมองดูอย่างสนใจเท่านั้น

แม้ว่าข่าวลือของตระกูลจี้กับคนของจวนเซวียนผิงโหวจะถูกพูดมาได้ระยะหนึ่งแล้ว แต่ทุกครั้งที่ทั้งสองตระกูลพบกันในโอกาสต่าง ๆ ก็มักจะต้องมีเรื่องราวเกิดขึ้นเสมอ นับเป็นละครฉากใหญ่ที่หลายคนชอบเอาไปเล่าต่อกันอย่างสนุกปาก

[1] ปลาจิ๋นหลี่ (锦鲤) คือปลาคาร์ฟ

[2] ขนมหน่ายเกา (奶糕) คือ เค้กนม

[3] ดอกบัวแฝด (并蒂莲) ความหมายของดอกบัวแฝดมักนำมาใช้อธิบายความรักของสามีและภรรยา