ตอนที่ 171 รู้สึกดีที่ได้รับความสนใจ

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 171 รู้สึกดีที่ได้รับความสนใจ

คำว่า ‘สถานีเก่า’ ดึงดูดความสนใจของ สือจื่อจิ้นทันที

“จากสถานีเก่า ทำไมถึงมาที่ตงหยาง เธอชื่ออะไร”

เฉินเทียนเจียวมองไปที่สมุดบันทึกรายชื่อและพูดว่า

“เธอชื่อเหลียนชา ตามรายงานของเธอ เธอมาที่ตงหยางเพื่อหาเลี้ยงชีพ เนื่องจากไม่สามารถอยู่รอดได้ที่สถานีเก่า”

“เธอรู้จักถานหย่งหรือเปล่า”

เฉินเทียนเจียวส่ายหัว “จากที่ดูข้อมูลแล้วน่าจะไม่รู้จัก เธอบอกว่ามาจากทางเหนือและแค่ผ่านไปที่สถานีเก่า คุณถามทำไม”

สือจื่อจิ้นตบเขาที่ด้านหลังศีรษะ

“นายสังเกตเห็นรูปร่างหน้าตาที่โดดเด่นของเธอได้ แต่จำนิสัยของถานหย่งไม่ได้หรือไง? ผู้หญิงคนนี้อาจจะโกหก เธอไม่เพียงรู้จักถานหย่งเท่านั้น แต่เธอยังเป็นหนึ่งในผู้หญิงของถานหย่ง”

หลังจากพูดจบ เขาก็รับข้อมูลจากเฉินเทียนเจียวและอ่านอย่างละเอียด

“จำรายชื่อนี้เอาไว้ แล้วให้คนไปที่สถานีเก่าเพื่อสอบถามเธอเกี่ยวกับภูมิหลังของเธอ”

เฉินเทียนเจียวเกาหัวและพูดว่า

“เราติดต่อกับถานหย่งไม่กี่ครั้ง และเราผ่านสถานีเก่ามาสองสามครั้ง ไม่เคยได้ยินว่ามีผู้หญิงชื่อเหลียนชาอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เรามักจะได้ยินว่ามีผู้หญิงแซ่ชวี”

สือจื่อจิ้นส่งข้อมูลไปให้เขา

“ไปตรวจดูสิ แล้วนายจะรู้ แต่ช่วงนี้นายต้องระวังตัวหน่อย อย่าทำตัวให้น่าสงสัย”

……

ในที่สุดอาคารเถาหลี่ก็ปรับปรุงเสร็จสมบูรณ์โดยมีพื้นที่รวม 600 ตารางเมตร ซึ่งสามารถรองรับคนอย่างน้อย 80 คนที่จะทำงานในเวลาเดียวกัน

วันนั้นมีผู้เช่าอยู่ชั้นล่างล้อมวงกันพร้อมกับเสียงหัวเราะสนุกสนานและมองไฟกะพริบ

นอกจากนี้กานหงอวี้และเพื่อนที่ดีของเขาเฝิงอันยังได้รับการว่าจ้างอย่างเป็นทางการจากเถาหยาง

ทั้งสองคิดว่าพวกเขาจะไม่มีสถานที่ทำงานเป็นของตนเอง พวกเขามองพนักงานของเถาหยางที่กำลังเฉลิมฉลองด้วยความอิจฉา

สภาพแวดล้อมในสำนักงานดีจริง ๆ ไม่ว่าตงหยางหรือฉางจิงก็อาจไม่มีเงื่อนไขนี้

ซูเถาเห็นทั้งสองก็ทักทายพวกเขา

“ไว้คราวหลังคุณสองคนค่อยขอให้จวงหว่านทำเรื่องการเข้าถึงอาคารเถาหลี่ ขึ้นไปดูชั้นบนก่อนเถอะค่ะ และเลือกที่นั่งที่คุณชอบนั่งได้ตามสบาย ฉันไม่บังคับ”

กานหงอวี้ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “เรามีที่นั่งทำงานด้วยเหรอ?”

ซูเถากล่าวว่า “แน่นอนสิคะ มีที่นั่งมากมาย ไปเร็วเข้า”

กานหงอวี้และเฝิงอันมองหน้ากันและหัวเราะในเวลาเดียวกัน “ขอบคุณเถ้าแก่”

รู้สึกดีที่มีคุณค่า

ในขณะเดียวกันฟ่านฉวนฮุยก็ยกกล้องขึ้นและถ่ายภาพจากประตูชั้นหนึ่งไปยังชั้นสูงสุดของอาคาร และทำการสัมภาษณ์พนักงานว่าพวกเขารู้สึกอย่างไร

“นี่คือคุณเฉียนหรงหรงพนักงานที่อายุน้อยที่สุดของเราในเถาหยาง ลองถามเธอดูว่าเธอรู้สึกอย่างไรกับการใช้ชีวิตในบ้านใหม่

เฉียนหรงหรงเขินอายมากเมื่ออยู่หน้ากล้อง และรีบโบกมือของเธอ

“ไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณหรอกค่ะ ฉันรู้สึกดี มันกว้างขวางมาก มีหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานบานใหญ่ ทำให้แสงสว่างส่องอย่างทั่วถึง ฉันสามารถเห็นทิวทัศน์นอกหน้าต่างเมื่อฉันหันหน้าออกจากตำแหน่งนี้ ในตอนเที่ยงถ้ารู้สึกว่าร้อนเกินไป ก็สามารถดึงม่านทึบลงมาปิดได้”

จวงหว่านโผล่หัวของเธอแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เธอดึงม่านปิดทึบเพื่องีบตอนบ่าย”

นอกจากนี้ เธอยังส่งสัญญาณให้ฟ่านฉวนฮุย

“หลักฐานอยู่ใต้โต๊ะของเธอ มีเตียงพับ พอรูดม่านเปิดแอร์ หรงหรงก็แอบงีบหลับ”

เฉียนหรงหรงหน้าแดง เธอมองไปที่ใบหน้าของซูเถาซึ่งอยู่ไม่ไกล

“ฉัน…ฉันนอนเฉพาะช่วงพักกลางวัน ปกติจะวางอยู่เฉย ๆ ไม่เคยหยิบออกมาเลย ฉันไม่ได้อู้งานนะ”

หลังจากพูดจบ เธอก็สะกิดขาจวงหว่าน และสถานการณ์รอบด้านของทั้งสองคนก็เกิดความโกลาหลขึ้นเล็กน้อย

ฟ่านฉวนฮุยหัวเราะและถ่ายรูปฉากนี้

ซูเถาอดไม่ได้ที่จะยิ้มมุมปากของเธออีกครั้ง

ยิ่งเถาหยางสวยเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งกังวลว่าทุกอย่างจะพังทลาย

เรื่องของการหลบหนีของโบนวิงส์นั้นเหมือนกับมีดที่ห้อยอยู่เหนือหัวของเธอ พร้อมที่จะร่วงหล่นได้ทุกเมื่อ

มันแข็งแรง และบินได้….

ซูเถาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเหนือเถาหยาง กำแพงสูงและรั้วลวดหนามไฟฟ้าสามารถปิดกั้นจากพื้นดินได้ แต่ไม่สามารถป้องกันภัยคุกคามจากท้องฟ้าได้ ไม่งั้นระเบิดทำเองคงไม่ถูกโยนเข้ามาง่าย ๆ

หากมีการป้องกันที่สามารถปกป้องเถาหยางได้ 360 องศา…

น่าเสียดายที่ระบบปัจจุบันไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกในการป้องกันดังกล่าว

ในเวลานี้ เสียงแจ้งเตือนของระบบปรากฏขึ้นในหัว

[สามารถซื้ออุปกรณ์และวัสดุจากร้านค้าจำหน่ายอุปกรณ์ป้องกันและสิ่งก่อสร้างได้หลังจากอัปเกรด การอัปเกรดจำเป็นต้องเรียกใช้ภารกิจที่ซ่อนอยู่และทำภารกิจให้สำเร็จ]

ซูเถาเบิกตากว้าง

การแจ้งเตือนนี้… เธอเข้าใจได้ว่ามีภารกิจลับที่เธอยังไม่ได้ทำ และหลังจากที่เธอทำสำเร็จ เธอสามารถซื้อวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ป้องกันรอบด้านได้?

หากเป็นกรณีนี้ แสดงว่าเป็นความหวังที่ดี แม้ว่าโบนวิงส์จะมาที่เถาหยางจริง ๆ เธอก็ไม่กลัว

ว่าแต่ภารกิจที่ซ่อนอยู่คืออะไร

เป็นไปได้ไหมว่าจะเหมือนภูเขาผานหลิวในตอนนั้น เธอจำเป็นต้องข้ามภูเขาและแม่น้ำ?

ซูเถาถอนหายใจ ตามประสบการณ์ก่อนหน้านี้การเรียกใช้ภารกิจที่ซ่อนอยู่สามารถทำได้โดยการอาศัยโชคเท่านั้น ไม่มีกฎเลย

เอาไว้ก่อนแล้วกัน

คืนนั้นซูเถาได้รับโทรศัพท์จากเผยตง

“อีกสามวันคนจากฐานเหอคังต้องการมาพบเธอ สะดวกไหม”

“ได้ค่ะ หลังบ่ายโมงแล้วกัน”

“เอาล่ะ ฉันจะบอกเธอคร่าว ๆ เกี่ยวกับพวกเขา หัวหน้าฐานเหอคังคือจี้ป๋อต๋า เขาอายุสี่สิบเศษ รับราชการอยู่ที่โรงเรียนตำรวจก่อนวันสิ้นโลก เขามีความยุติธรรมที่แข็งแกร่ง ส่วนคนที่มาด้วยกันคือลูกชายของเขาจี้ไฉเจ๋อและคู่หมั้นของเขา ส่วนที่เหลือก็เป็นลูกน้อง”

“จี้ไฉเจ๋อไม่เอาถ่านเท่าไหร่ หากต้องการขอความร่วมมืออะไรติดต่อที่พ่อของเขาโดยตรงดีกว่า”

จากคำเตือนของเผยตง ซูเถานับในใจและพูดด้วยรอยยิ้ม

“พี่เผย พี่ทำงานหนักมาก ทีมของพี่ขาดเหลืออะไรหรือเปล่า ฉันจะได้ส่งของใช้ประจำวันและอาหารไปให้ ใช่แล้ว ไม่นานมานี้พ่อครัวฉินที่เขาผานหลิวทำบิสกิตผักอร่อยมาก แล้วก็เก็บไว้ได้นานอีกด้วย ฉันจะเก็บไว้ให้พี่นะ”

เผยตงรู้สึกขอบคุณ

“ได้เลย ไม่ต้องให้เยอะนะ แค่ให้สาว ๆ ได้ลองชิมขนมใหม่ ๆ”

หลังจากวางสายแล้ว กริ่งประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อประตูเปิดออก ป้าคังเป็นคนพูดขอโทษเธอพร้อมถุงพลาสติกใบใหญ่

“เถ้าแก่ซู ฉันขอโทษจริง ๆ ที่รบกวนคุณตอนดึก ฉันจำได้ว่าคุณมีสุนัขที่บ้าน ไม่กี่วันก่อนฉันไปที่ฟาร์มแล้วได้กระดูกขาวัวมา ฉันคิดว่าน้องหมาน่าจะชอบ”

หลังจากพูดอย่างนั้น ก่อนที่ซูเถาจะทันได้ตอบ ป้าคังก็ยัดกระดูกที่ห่อด้วยถุงพลาสติกไว้ในอ้อมแขนของเธอแล้วรีบวิ่งหนีไป

ซูเถากอดกระดูกที่ใหญ่กว่าแขนเล็ก ๆ แล้วรู้สึกหนักใจเล็กน้อย แต่เธอก็ต้องนำกลับไปที่ห้อง

เสวี่ยเตาซึ่งนอนอยู่บนพื้น ขยับจมูกฟึด ๆ มันลืมตาและยืนขึ้นก่อนจะวิ่งไปหาซูเถา พลางมองไปที่กระดูกชิ้นใหญ่ในอ้อมแขนของหญิงสาวแล้วน้ำลายไหล

แม้แต่ไป๋จือหม่าก็ถูกดึงดูดและวิ่งไปที่เท้าของเธอ มันส่งเสียงร้องเบา ๆ

ซูเถากุมหน้าผากตนเองแล้วเปิดถุงพลาสติก จากนั้นนำกระดูกไปล้างแล้วโยนให้เสวี่ยเตา

เสวี่ยเตากระโดดขึ้นรับมันอย่างแม่นยำ มันแทะไปแกว่งหางไปอย่างมีความสุข

ซูเถาลูบหัวสุนัขของเธอและพูด “ป้าคังให้แกมา ถ้าวันหลังเจอเธอ แกต้องสุภาพนะเข้าใจไหม”

ไม่รู้ว่ามันเข้าใจในสิ่งที่เธอพูดหรือไม่ เพราะมันกำลังแทะกระดูกชิ้นใหญ่อย่างสนุกสาน

ไป๋จือหม่าก็อยากจะชิมเช่นกัน แต่ถูกลิ้นของเสวี่เต้าเลียเข้าเสียก่อน