ตอนที่ 445 ต่อรองราคา

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

ตอนที่ 445 – ต่อรองราคา

 

    สีหน้าของโม่เทียนเกอสงบนิ่งมาก ใบหน้าเจือรอยยิ้มน้อย ๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีความรู้สึกเคืองแค้นและจนใจของการถูกบังคับเลยสักนิด

    นี่ทำให้หลิงอวิ๋นเฮ่อรู้สึกราวกับตนเองพลาดสิ่งที่สำคัญอะไรไป แต่เขาคิดไปคิดมายังคิดไม่ออก

    “สหายเต๋าหลิง” เขาได้ยินโม่เทียนเกอพูด “ขออภัยยิ่ง ข้าปฏิบัติตามไม่ได้”

    หลิงอวิ๋นเฮ่อเบิกตากว้าง “ทำไม?” เขานึกว่า นางเป็นคนเฉลียวฉลาด สิ่งของที่ไม่ควรปรารถนา แม้ว่าจะล้ำค่าอีกแค่ไหนก็จะไม่กำไว้จนตายไม่ยอมส่งมอบออกไป ในเมื่อแหฟ้าตาข่ายดินสามารถมอบออกไป ทำไมกระบี่ฝูเซิงไม่สามารถเล่า?

    เขาสูดลมหายใจลึก ๆ แนะนำอย่างระมัดระวังว่า “สหายเต๋าฉิน ท่านต้องคิดให้ดีนะ ท่านเพียงคนเดียวลำพัง จะสามารถต่อต้านผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่มากขนาดนั้นได้อย่างไร หากท่านส่งมอบออกมา เขาสามารถพูดจากับเหล่าบรรพบุรุษ มอบผลประโยชน์จำนวนหนึ่งให้ท่าน ชดเชยความสูญเสียของท่าน”

    โม่เทียนเกอยิ้ม ถอนหายใจอีกคำ ครั้งนี้ถึงจะยืนอยู่ตรงกันข้ามกับหลิงอวิ๋นเฮ่อ แต่เขายังจดจำความความรู้สึกครั้งก่อน ทำให้นางตื้นตันอยู่บ้าง

    “สหายเต๋าหลิง ข้าไม่สามารถมอบออกไป เป็นเพราะว่า — กระบี่ฝูเซิงยอมรับข้าเป็นนายแล้ว”

    “……” หลิงอวิ๋นเฮ่อจ้องมองนาง เป็นครึ่งค่อนวันจึงหาเสียงของตนเองเจอ “ยอมรับนาย? ท่านให้กระบี่ฝูเซิงยอมรับนายแล้ว?”

    “มิผิด” โม่เทียนเกอมองเขาตรง ๆ ด้วยสายตาสงบนิ่ง “ดังนั้น พาข้าไปพบผู้อาวุโสเหล่านั้นเถอะ ข้าคิดว่าพวกเขาจะดีใจมากที่เห็นข้า”

    …………….

    ต่อจากสำนักจิ่วเยี่ยน เหล่าผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ของสำนักศึกษาเยว่ซานกับวัดหัวเหยียนก็มาถึง

    สำนักศึกษาเยว่ซานนอกจากบัณฑิตอวี๋แล้วก็มีผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่หลายคนร่วมทาง และเขาไป๋ฝูก็เช่นเดียวกัน แน่นอน ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่เหล่านี้จำนวนมากอยู่เพียงขั้นต้น ถึงอย่างไรหลังจากจิตวิญญาณใหม่ การเลื่อนขั้นมิใช่เรื่องง่ายดายเลย

    เอ่ยถึงจำนวนคน ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ที่ออกหน้าในครั้งนี้ของสามสำนักแทบจะเท่ากัน แต่หากเอ่ยถึงระดับการฝึกตนกลับไร้ข้อกังขาสักนิดว่าสำนักจิ่วเยี่ยนเป็นผู้นำ สำนักจิ่วเยี่ยนนอกจากอาจารย์เต๋าหยวนมู่ยังมีอาจารย์เต๋าเถี่ยเมี่ยนซึ่งก็เป็นจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลาย อีกหลายคนนอกจากนั้นล้วนเป็นจิตวิญญาณใหม่ขั้นกลาง ผู้ฝึกตนขั้นต้นสักคนก็ไม่มี

    เมื่อค้นพบจุดนี้ บัณฑิตอวี๋และอู๋หมิงเจินเจ่ออดไม่ได้ที่จะสาปแช่งเงียบ ๆ หนึ่งรอบ ตาเฒ่าหยวนมู่นี่เป็นเฒ่าเจ้าเล่ห์จริง ๆ มีผู้ฝึกตนขั้นปลายสองคนกับผู้ฝึกตนขั้นกลางตั้งหลายคนอยู่บนเกาะอีเยี่ย พวกเขายังคงเป็นกลุ่มอำนาจที่กล้าแข็งที่สุด แต่ยังทิ้งผู้ฝึกตนขั้นต้นทั้งหมดไว้ที่สำนัก ถ้าเผื่อเกิดเรื่องอะไรก็จะเหลือพลังชีวิตให้กับสำนักจิ่วเยี่ยน ไม่ถึงกับรากฐานสั่นคลอน

    น่าเสียดาย ถึงในใจพวกเขาจะทราบกระจ่างก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ สำนักจิ่วเยี่ยนกล้าทำอย่างนี้เป็นเพราะว่าความแข็งแกร่งกล้าแข็งเพียงพอ ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่มากพอ เปลี่ยนเป็นพวกเขา หากทิ้งผู้ฝึกตนขั้นต้นไว้ในสำนักหมด เช่นนั้นผู้ที่พาออกมาก็ไม่กี่คนแล้ว

    “อวี๋เซียนเซิง สหายเต๋าหยวนมู่ พวกท่านในที่สุดก็มาถึงแล้ว!” อาจารย์เต๋าหยวนมู่พาผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ทั้งหมดออกมาต้อนรับอย่างไว้หน้ามาก

    บัณฑิตอวี๋และอู๋หมิงเจินเจ่อพากันคำนับตอบ สามฝ่ายเกล่าวถ้อยคำตามมารยาทหนึ่งรอบแล้วจึงเข้าไปข้างใน

    ผู้ฝึกตนทั้งหมดแยกย้ายกันนั่งในตำแหน่งแขกเจ้าบ้าน หลังจากพูดคุยสัพเพเหระ บัณฑิตอวี๋ตรงเข้าประเด็นว่า “สหายเต๋าหยวนมู่ นายของเจดีย์มารสวรรค์เคยปรากฎตัวแล้วหรือยัง?”

    อาจารย์เต๋าหยวนมู่เอ่ยว่า “มีข่าวคราวแล้ว แต่ว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบตัวตน คนผู้นั้นส่งข้อความว่าจะมาตามนัด”

    “ดีเลย” บัณฑิตอวี๋เคาะพัดจีบในมือ สีหน้าค่อนข้างพึงพอใจ

    อู๋หมิงเจินเจ่อยิ้มเอ่ยว่า “อู๋หมิงเจินเจ่อเป็นเทพการคำนวณอย่างแท้จริง เรื่องของเจดีย์มารสวรรค์พูดได้แม่นยำจริง ๆ แต่ไม่ทราบว่ากระบี่ฝูเซิงเป็นอย่างไรแล้ว?”

    อาจารย์เต๋าหยวนมู่กำลังจะสั่นศีรษะ จู่ ๆ จิตหยั่งรู้สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยว่า “สักครู่ก็จะรู้แล้ว”

    ยืนอยู่นอกโถงรับแขกของสาขาสำนักจิ่วเยี่ยน หลิงอวิ๋นเฮ่อสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ มองไปทางโม่เทียนเกอ “สหายเต๋าฉิน เชิญเถอะ”

    โม่เทียนเกอยิ้มบาง ๆ ไม่ได้เกรงใจ นำหน้าก้าวเข้าไป

    หลิงอวิ๋นเฮ่อจับจ้องแผ่นหลังของนาง สีหน้าซับซ้อน แล้วก็ตามเข้าไป

    พอเข้าโถงรับแขกก็มีสายตานับไม่ถ้วนจับอยู่บนร่างตนเอง ในนั้นมีผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายสี่คน ขั้นกลางและขั้นต้นก็มีสิบกว่าคน

    นี่ยังเป็นครั้งแรกที่โม่เทียนเกอได้เห็นผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่มากขนาดนี้ชุมนุมอยู่ในห้องเดียวกัน แรงกดดันอันกล้าแข็งของผู้ฝึกตนเหล่านี้ครอบคลุมใส่นางอย่างอาจจะมีเจตนาหรือไร้เจตนา หากเป็นผู้ฝึกตนก่อเกิดตานทั่วไป อยู่ภายใต้สายตารวมถึงแรงกดดันของผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่มากขนาดนี้ เป็นไปได้มากว่าจะเหงื่อกาฬหลั่งไหล สูญเสียเจตจำนง แต่นางก่อเกิดตานเต็มขั้นแล้ว ศาสตร์หลอมจิตวิญญาณฝึกจนมีความสำเร็จ กลับไม่เกรงกลัวแรงกดดันของผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ — แน่นอนว่า คนมากขนาดนี้ อีกทั้งในนั้นยังมีระดับการฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายหลายคน ยังคงทำให้นางรู้สึกอึดอัดมาก

    “ผู้ฝึกตนเทียนจี๋โม่เทียนเกอ น้อมพบผู้อาวุโสทั้งหลาย” นางใบหน้าเผยรอยยิ้มเล็ก ๆ ทำการคารวะทุกคนอย่างสุภาพ

    อาจารย์เต๋าหยวนมู่เลิกคิ้ว คนอื่น ๆ ก็เผยสีหน้าประหลาดใจ

    หนึ่งคือโม่เทียนเกอสีหน้าสงบนิ่งเช่นนี้ ราวกับว่าไม่ได้รับผลกระทบจากแรงกดดันสักนิด สองคือ ชื่อที่นางแนะนำตัวเองมิใช่ฉินเวย แต่ว่าข่าวที่หลิงอวิ๋นเฮ่อส่งมาก่อนหน้านี้กลับบอกว่าพาฉินเวยกลับมาแล้ว

    อาจารย์เต๋าหยวนมู่ฟื้นฟูความสงบนิ่งได้ในพริบตา “ไม่ต้องมากพิธี” สายตาจับอยู่บนร่างหลิงอวิ๋นเฮ่อที่ตามเข้ามาติด ๆ กลับเห็นว่าบนใบหน้าหลิงอวิ๋นเฮ่อก็เจือความลังเล แต่ยังคงพยักหน้าให้เขา

    ในใจอาจารย์เต๋าหยวนมู่มีการคาดคะเนแล้ว เผยรอยยิ้มบาง ๆ ให้โม่เทียนเกอ “ดูท่า นี่จึงเป็นที่มาและชื่อแซ่ที่แท้จริงของสหายเต๋าน้อย”

    ใบหน้าอีกฝ่ายเป็นมิตรเช่นนี้ โม่เทียนเกอก็ยิ้มตอบกลับไปว่า “ใช่แล้ว คิดว่าผู้อาวุโสจะต้องเป็นผู้อาวุโสหยวนมู่แห่งสำนักจิ่วเยี่ยนแล้ว?”

    อาจารย์เต๋าหยวนมู่พยักหน้า ชี้อู๋หมิงเจินเจ่อที่อยู่ด้านข้าง เอ่ยว่า “ท่านนี้คืออู๋หมิงเจินเจ่อแห่งวัดหัวเหยียน ก่อนหน้านี้สหายเต๋าน้อยน่าจะเคยพบแล้ว”

    โม่เทียนเกอพยักหน้า คารวะให้อู๋หมิงเจินเจ่อ “ผู้อาวุโสอู๋หมิง ไม่ได้พบกันหลายปี จากมาสบายดีนะเจ้าคะ?”

    อู๋หมิงเจินเจ่อยังคงมีสีหน้าของพระศรีอริยเมตไตรย ประนมมือให้นาง “ด้วยพรของสหายเต๋าน้อย ที่ผ่านมาพระเฒ่ายังไม่เลว แต่จากกันสิบกว่าปี ระดับการฝึกตนของสหายเต๋าน้อยมีความรุดหน้าอีก ช่างน่ายินดีโดยแท้” 

    พวกเขาทักทายกันแล้ว อาจารย์เต๋าหยวนมู่ชี้ไปที่บัณฑิตอวี๋ที่อยู่ด้านข้างอีก “ท่านนี้คืออวี๋เซียนเซิงแห่งสำนักศึกษาเยว่ซาน”

    โม่เทียนเกอเห็นอวี๋ฟูจื่อผู้นี้อ่อนเยาว์สง่างาม ถึงกับคล้ายคลึงกับรูปลักษณ์บัณฑิตหนุ่มที่ตนเองแปลงกายก่อนหน้านี้อยู่หลายส่วน อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสนใจ ภายนอกยังคงคารวะอย่างสุภาพ “น้อมพบอวี๋เซียนเซิง”

    บัณฑิตอวี๋เพียงผงกศีรษะยิ้มบาง ๆ ไม่ได้คำนับกลับ แล้วก็ไม่ได้ตอบคำ ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายคนหนึ่ง อย่างนี้นับว่าเกรงใจมากแล้ว เยี่ยงอู๋หมิงเจินเจ่อนั้นนับว่าแปลกแยก เขาเป็นผู้ฝึกพุทธ ศีลธรรมที่ยึดถือเดิมก็อ่อนโยนมาก รวมกับที่ตัวอู๋หมิงเจินเจ่อเองเป็นมิตรมาโดยตลอด จึงได้คำนับตอบ

    อาจารย์เต๋าหยวนมู่ยกถ้วยชาขึ้นจิบหนึ่งคำ ไม่ได้แนะนำผู้ฝึกตนคนอื่นให้กับนางอีก แล้วก็ไม่ได้เชิญให้นางนั่งลง

    โม่เทียนเกอก็เข้าใจ ในสายตาผู้อาวุโสจิตวิญญาณใหม่เหล่านี้ ตนเองเป็นเพียงผู้เยาว์ก่อเกิดตาน ถึงแม้ว่าจะเป็นมิตรกับนางอยู่บ้าง แต่ไม่คู่ควรให้มีมารยาทเกินไป ดังนั้นก็เลยไม่สนใจ เพียงยืนโดยสงบ ปล่อยให้คนอื่นสำรวจ — ถึงอย่างไรก็มีหลิงอวิ๋นเฮ่ออยู่เป็นเพื่อน อ้อ ที่นี่ยังมีผู้ฝึกตนก่อเกิดตานอีกสองคน อีกทั้งล้วนเป็นคนรู้จักของนาง เจวี๋ยอู้และหานซื่อจือ สองคนนี้ระดับการฝึกตนล้วนมีความก้าวหน้า เจวี๋ยอู้ก่อเกิดตานขั้นกลางแล้ว หานซื่อจือยิ่งเสมอกับนาง ไปถึงขอบเขตเต็มขั้นแล้ว

    ไม่ได้บอกว่าเรื่องทะเลกุยสวีครั้งนี้คนที่เข้าร่วมล้วนเป็นผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่หรือ? หลิงอวิ๋นเฮ่อก็แล้วไป เขาเป็นเจ้าสำนักสำนักจิ่วเยี่ยน ตามมาจัดการเรื่องราวยังยอมรับได้ หานซื่อจือนางไม่ทราบชัด เจวี๋ยอู้เล่า? นางจำได้ว่าศิษย์คนโตของอู๋หมิงเจินเจ่อคือเจวี๋ยซิ่นคนนั้น เจวี๋ยอู้ถึงขนาดไม่ใช่ศิษย์ของเขา

    คิดถึงตรงนี้ ในสมองนางอดมีความคิดวูบขึ้นไม่ได้ว่า: หรือว่าพวกเขาสองคนเป็นคนที่วัตถุศักดิ์สิทธิ์ยอมรับเป็นนายอีกสองคน?

    ไม่มีเวลาให้คิดมาก อาจารย์เต๋าหยวนมู่เอ่ยปากขึ้นมาว่า “สหายเต๋าน้อยเป็นคนของเทียนจี๋?”

    เมื่อได้ยินวาจานี้ โม่เทียนเกอแววตาสว่างขึ้นมา “ผู้อาวุโสก็รู้จักเทียนจี๋?”

    อาจารย์เต๋าหยวนมู่เอ่ยอย่างเชื่องช้าว่า “รู้อยู่อย่างสองอย่าง” เขาเงยหน้ามองโม่เทียนเกอแวบหนึ่ง ความหมายล้ำลึก “สหายเต๋าน้อยอยู่เพียงระดับก่อเกิดตาน ถึงกับสามารถมาจากเทียนจี๋ถึงอวิ๋นจง ไม่ธรรมดาเลย!”

    ฟังจากความหมายในคำพูดนี้ อาจารย์เต๋าหยวนมู่ท่านนี้ก็รู้ว่าการเดินทางจากอวิ๋นจงถึงเทียนจี๋นั้นยากเย็น คิดแล้วก็ใช่ ผู้ฝึกตนระดับสูงที่รู้จักอวิ๋นจงของเทียนจี๋ก็มีไม่น้อย เพียงแค่ทะเลใต้ยากข้ามผ่านและไม่มีความเข้าใจต่ออวิ๋นจงเท่านั้น อวิ๋นจงก็ไม่ได้มีป่าไม้ขวางกั้น ไยจะไม่ทราบ?

    “ผู้เยาว์เพียงโชคดีเท่านั้นเจ้าค่ะ”

    “ฮี่ ๆ” อาจารย์เต๋าหยวนมู่ไม่ปรารถนาจะพูดถึงหัวข้อนี้มากนัก ถัดจากนั้น สายตาจับที่โม่เทียนเกออย่างเฉียบคม แรงกดดันทวีคูณ “ฟังว่า สหายเต๋าน้อยไม่เต็มใจจะมอบกระบี่ผูเซิงออกมาหรือ?”

    ภายใต้แรงกดดันอย่างจงใจของผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลาย แม้ว่าโม่เทียนเกอจะมีทักษะลับกับตัวก็ยังตัวสั่น แต่นางฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เอ่ยอย่างสงบนิ่งว่า “มิผิด เรื่องมาถึงวันนี้ ผู้เยาว์ถึงจะมอบกระบี่ฝูเซิงออกมา สำหรับผู้อาวุโสทั้งหลายก็ไม่มีประโยชน์แล้ว”

    “อ้อ?” อาจารย์เต๋าหยวนมู่เก็บแรงกดดัน เอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “สหายเต๋าน้อยลองบอกมาให้ฟังดู”

    เห็นสีหน้านี้ของเขา ในใจโม่เทียนเกอแอบคิดว่า อาจารย์เต๋าหยวนมู่ท่านนี้สมแล้วที่เป็นผู้นำที่แท้จริงของสำนักจิ่วเยี่ยน ในเมื่อรู้แล้วว่านางไม่เต็มใจส่งมอบกระบี่ฝูเซิงออกไป เช่นนั้นหลิงอวิ๋นเฮ่อก็จะต้องบอกเหตุผลกับเขาแล้ว เขายืนกรานจะฟังนางพูดต่อหน้ารอบหนึ่ง เช่นนี้แล้ว พลังสภาวะของนางถูกพรากไป ก็จะตกเป็นรอง

    แต่ว่า นางไม่แยแสเลย

    “ไม่ปิดบังผู้อาวุโส กระบี่ฝูเซิง ผู้เยาว์ได้รับการยอมรับเป็นนายแล้ว ดังนั้น ไม่อาจมอบให้ผู้อาวุโส” โม่เทียนเกอกล่าวอย่างเฉยเมย

    วาจานี้พอหลุดจากปาก อาจารย์เต๋าหยวนมู่ยังไม่เป็นอย่างไร คนอื่น ๆ กลับตะลึงอย่างหนัก อู๋หมิงเจินเจ่อผู้นั้นถึงขนาดลืมตาทั้งคู่ โม่เทียนเกอจึงได้ทราบว่า ที่แท้ดวงตาของอู๋หมิงเจินเจ่อผู้นี้ไม่ได้บอด……

    “ผู้เยาว์!” บัณฑิตอวี๋หุบพัดจีบในมือ ถามสีหน้าเคร่งขรึมว่า “กระบี่ฝูเซิงนั่นยอมรับเจ้าเป็นนายจริง ๆ หรือ”

    “มิผิด” โม่เทียนเกอมองผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายผู้นี้ด้วยสายตาสงบ กล่าวว่า “ผู้เยาว์ไม่เพียงได้รับการยอมรับเป็นนายจากกระบี่ฝูเซิง นอกจากนั้นยังได้รับการสืบทอดของผู้อาวุโสฝูเหยาจื่อแล้ว”

    เมื่อได้ยินวาจานี้ อาจารย์เต๋าหยวนมู่ที่ก่อนหน้านี้นิ่งเฉยมากมาโดยตลอดก็มีสีหน้าแปรเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงทันที จับจ้องนาง “เจ้าได้รับการสืบทอดของฝูเหยาจื่อ? !”

    ประโยคนี้พูดเสียงดังมาก เป็นผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายที่สูญเสียกิริยาไปจริง ๆ แต่ขณะนี้ไม่มีคนสนใจ เพราะว่าปฏิกิริยาของทุกคนล้วนเป็นแบบอาจารย์เต๋าหยวนมู่

    โม่เทียนเกอกลับอารมณ์ดีมาก ไม่สนใจสีหน้าราวกับตับสุกรของผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ทั้งหลาย ยิ้มเอ่ยว่า “มิผิด ว่าไปแล้ว ผู้อาวุโสฝูเหยาจื่อสมแล้วที่เป็นผู้ฝึกตนอันดับหนึ่งของอวิ๋นจง จิตหยั่งรู้ผนึกไว้หลายหมื่นปี ถึงกับยังสามารถคงอยู่ได้นานขนาดนี้ ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ผู้เยาว์ได้รับการชี้แนะของผู้อาวุโสฝูเหยาจื่อ มีผลรับไม่น้อยเลย!”

    “อึก–” โม่เทียนเกอได้ยินเสียงแผ่วเบาอย่างเฉียบคม จากนั้น ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ผู้หนึ่งลุกพรวด อาวุธเวทกำอยู่ในมือ ตะโกนว่า “หยวนมู่ซือเกอ เหตุใดจะต้องเกรงใจผู้เยาว์นี่ด้วย หรือว่าผู้ฝึกตนก่อเกิดตานตัวเล็ก ๆ คนเดียวอย่างนางยังคิดจะแบ่งปันวาสนาในมือพวกเรา? ข้ากลับอยากจะดูว่า นางหากแม้แต่ชีวิตยังไม่มีแล้ว ยอมรับเป็นนายแล้วจะสามารถทำอันใดได้อีก?!”

    “อวดดี!” อาจารย์เต๋าหยวนมู่ตะโกนคำหนึ่ง จ้องผู้ฝึกตนสำนักจิ่วเยี่ยนผู้นั้นอย่างโมโห “เจ้าว่าวัตถุของห้าปราชญ์จะสามารถยอมรับนายได้ตามใจชอบหรือ?!”

    เมื่อถูกด่าไปหนึ่งประโยค ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่นี้ก็ตะลึงไป “ฆ่านางไปเสีย กระบี่ฝูเซิงมิใช่จะกลายเป็นวัตถุไร้นายใหม่หรือ?”

    “โง่เขลา!” อาจารย์เต๋าหยวนมู่ถลึงตาใส่คนคนนี้ของดุดันโดยไม่แยแสว่าจะอยู่ต่อหน้าคนนอก “ยังไม่นั่งลงให้กับข้า!”

    “……” ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่คนนี้นั่งลงอย่างไม่เต็มอกเต็มใจ สายตาที่ดุดันยังคงถลึงใส่โม่เทียนเกอ

    โม่เทียนเกอกลับเพียงยิ้มบาง ๆ ไม่มีท่าทางได้รับผลกระทบสักนิด

    “ฮี่ ๆ!” ตอนที่คนอื่นมีโทสะไม่รู้แล้ว อู๋หมิงเจินเจ่อหัวเราะออกมา “ดูท่าสหายเต๋าน้อยมีการเตรียมการมา แต่ไม่รู้ว่าไพ่ในมือเพียงพอหรือไม่เล่า?”

    “วิธีเปิดมิติเร้นลับ เส้นทางโดยเฉพาะเจาะจง รวมทั้งจุดสำคัญที่ต้องสังเกต ถึงขนาดรวมถึงวิธีได้รับวาสนาเซียน ไม่ทราบเพียงพอหรือไม่เล่าเจ้าคะ?” โม่เทียนเกอสายตาแพรวพราว ถามยิ้ม ๆ 

………………. 

 

ตอนที่ 446 – มัดมือมัดเท้า