ตอนที่ 150 ชอบหรือเปล่า
อาหมานสบตากับเจียงจั้น ต่างก็แสดงอาการตกตะลึงด้วยกันทั้งคู่
ในชั่วอึดใจนั้น อาหมานที่ตั้งสติได้ก่อนรีบยกมือขึ้นปิดหน้าแล้ววิ่งกลับออกไปทันที
เจียงจั้นกระเด้งตัวขึ้นมา “อาหมาน กลับมาเดี๋ยวนี้! คิดว่าปิดหน้าแล้วข้าจะจำไม่ได้หรือยังไง”
หลงต้านตอบสนองอย่างฉับพลันรีบยื่นเท้าข้างหนึ่งเข้ามาขวางไว้
เจียงจั้นสะดุดเซจนเกือบล้ม ครั้นเงยหน้ากลับขึ้นมา เงาของอาหมานก็พลันหายวับไป
เจียงจั้นเดินดุ่มๆ กลับไปหาอวี้จิ่นพร้อมกับใบหน้าคร่ำเคร่ง สายตาจ้องเขม็งโดยไม่เอ่ยสิ่งใด
อวี้จิ่น “เหอะๆ”
“อย่ามาทำเป็นหัวเราะ!” คุณชายรองเจียงที่จวนจะปะทุอารมณ์อยู่รอมร่อชี้นิ้วไปที่เหลียงผีบนโต๊ะ และเอ่ยย้ำถามทีละคำ “นี่เป็นของที่น้องสี่นำมา?”
อวี้จิ่นลูบจมูกตัวเองอย่างไร้สุ้มเสียง
“น้องสี่มาที่นี่ได้อย่างไร” เจียงจั้นถามต่อ
อวี้จิ่นยังคงไม่ตอบโต้
เจียงจั้นเริ่มร้อนใจจึงยื่นมือไปเขย่าตัวอวี้จิ่น “ตอบมาสิ!”
“โอ้ยๆ” อวี้จิ่นขมวดคิ้วพลางลูบท้อง เม็ดเหงื่อผุดพรายบนหน้าผาก ใบหน้าของเขาขาวซีดจนน่าตกใจ
“เกิดอะไรขึ้น” เจียงจั้นชะงักไป
อวี้จิ่นเผยใบหน้าเจ็บปวดเกินทนทาน “คงช้ำในนิดหน่อย ไม่หนักหนา…”
เจียงจั้นเงียบไป “ไม่หนักหนาแล้วเหตุใดถึงดูเจ็บปวดเพียงนี้”
อวี้จิ่นยิ้มเฝื่อน “ข้าไม่เป็นอะไรจริงๆ…”
“ท่าน…” เมื่อเห็นสภาพของอวี้จิ่น เจียงจั้นก็จนใจจะคิดบัญชีด้วย ทำได้เพียงเก็บงำอารมณ์นั้นไว้ เขาโกรธจนปวดไปทั้งซี่โครง แต่ก็ทำเพียงกระทืบเท้าพลางสั่งเสีย “ไว้ค่อยคุยกันวันหลัง!”
เมื่อเห็นว่าเจียงจั้นวิ่งปราดออกไปไกลแล้ว อวี้จิ่นก็ยืดตัวขึ้นและปรับร่างกายให้อยู่ในท่าปกติ เขาเดินย่างกรายไปนั่งลงตรงโต๊ะหิน เปิดกล่องเหลียงผีและเริ่มลงมือกิน
อื้ม เหลียงผีที่ร้านอาซ้อหวังอู่ฝั่งถนนตะวันออกนี่อร่อยจริงๆ ด้วย ที่ได้กินก็เพราะบารมีของอาซื่อแท้ๆ
เอ้อร์หนิวเงยหน้าขึ้นมองเจ้านายและเห่าร้องอย่างไม่พอใจ
เจ้านายขโมยเหลียงผีของมัน หน้าไม่อาย!
บริเวณใต้ต้นไม้ตรงหัวมุมถนน เมื่อเจียงซื่อที่กำลังรออาหมานเห็นสาวรับใช้วิ่งกลับมาด้วยท่าทีร้อนรนก็รู้สึกประหลาดใจ
นางเดินมาถึงตรงนี้ด้วยจิตใจว้าวุ่นเหมือนด้ายพันกัน จึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมเหลียงผีไว้ที่บ้านอวี้ชี หากเป็นของอื่นนางคงตัดใจได้ไม่ยาก แต่นั่นคือเหลียงผีที่พี่ชายคนรองอุตส่าห์ไปต่อแถวซื้อมาให้ ถือว่าเป็นน้ำใจจากพี่รอง นางจึงมิอาจเหยียบย่ำได้ลง ถึงได้สั่งให้อาหมานกลับไปเอา
เหตุใดอาหมานถึงรีบร้อนปานนั้น อย่างกับถูกคนร้ายไล่ตามอย่างนั้นแหละ
“คุณ คุณหนู แย่แล้วเจ้าค่ะ…” อาหมานวิ่งไปหยุดที่หน้าเจียงซื่อ มือเท้าสะเอวพลางหายใจหอบรัว
“เกิดอะไรขึ้น”
อาหมานร้อนใจจนไม่ทันได้อธิบาย รีบดึงเจียงซื่อให้วิ่งไปก่อน “เร็วเข้า รีบไปกันเถอะเจ้าค่ะ ถ้าถูกคุณชายรองจับได้แย่แน่เจ้าค่ะ”
เจียงซื่อชะงักฝีเท้า “คุณชายรอง? เจ้าพบเขารึ”
“ตอนที่บ่าวกลับไป บังเอิญไปเจอคุณชายรองกับคุณชายอวี๋กำลังสนทนากันอยู่เจ้าค่ะ คุณชายรองเห็นบ่าวแล้วเจ้าค่ะ ถ้าคุณหนูยังไม่รีบ คุณชายรองตามทันแน่เจ้าค่ะ!” อาหมานรีบอธิบาย
พี่รองไม่ได้กลับไปเรียนหรอกรึ ไฉนมาโผล่ที่บ้านอวี้ชีได้เล่า
เจียงซื่อปวดหัวตุบๆ ทว่าไม่คิดจะหนี “ในเมื่อคุณชายรองเห็นเจ้าแล้ว หนีไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา”
อาหมานกะพริบตาพลางตีเข้าที่หน้าผากตนเอง “จริงด้วย หนีให้ตายก็หนีไม่พ้น! คุณหนู เช่นนั้นจะทำอย่างไรกันดีเจ้าคะ บ่าวเห็นหน้าคุณชายรอง หน้าดำคร่ำเครียดเชียวเจ้าค่ะ”
คุณชายรองเจียงที่กำลังหน้าดำคร่ำเครียดก้าวฉับไวเดินตรงมา
ปกติแล้วเจียงจั้นมักจะส่งยิ้มอย่างอารมณ์ดีให้เหล่าคนรับใช้ในจวนเสมอ แต่ยามนี้ใบหน้าหล่อเหลาพลันเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำ เห็นได้ชัดว่ากำลังโกรธจัด
แม้ว่าอาหมานจะมีนิสัยกล้าหาญ แต่ครั้นเห็นท่าทีของเจียงจั้นก็ตกใจกลัวจนสติกระเจิง จึงรีบไปหลบอยู่ด้านข้างทันที
ถึงคุณชายรองจะไม่กล้าลงไม้ลงมือกับคุณหนู แต่กับนางที่เป็นสาวรับใช้ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ ฉะนั้นให้คุณหนูออกหน้าแล้วกัน
“พี่รอง…” เจียงซื่อมองหน้าเจียงจั้นที่กำลังโกรธจัด ในชั่วขณะนั้นนางไม่รู้ว่าควรจะเริ่มพูดจากตรงไหน
เจียงจั้นคว้าข้อมือของเจียงซื่อมากำไว้แน่นและเอ่ยอย่างเดือดดาล “ตามข้ามา!”
เจียงซื่อไม่เคยเห็นพี่ชายโกรธมากเท่านี้มาก่อน จึงได้แต่เดินตามไปอย่างว่าง่าย
สองพี่น้องเดินเข้าไปในมุมลับตาคน
“พี่รอง มีเรื่องอะไรงั้นหรือเจ้าคะ” เจียงซื่อถามอย่างไร้เดียงสา
เจียงจั้นปล่อยมือ และจ้องมองไปที่ใบหน้าสวยของน้องสาว ความโกรธที่สั่งสมมาค่อยๆ จางหายไปกว่าครึ่ง
ถึงจะไม่ได้โกรธมากขนาดนั้นแล้ว แต่จะให้นางรู้ไม่ได้!
เจียงจั้นดึงหน้าพลางบ่นกระปอดกระแปด “น้องสี่ ที่แท้เจ้าก็เอาเหลียงผีที่ข้าซื้อให้ไปให้พี่อวี๋ชีกิน”
เจียงซื่อเงียบไป
นางคิดว่าพี่รองจะโกรธที่นางแอบไปบ้านชายหนุ่ม ไม่ว่าชายหนุ่มผู้นั้นจะเป็นใคร การที่พี่ชายจะโกรธก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
นึกไม่ถึงว่าพี่รองจะโกรธเพราะเรื่องนี้
“พี่รอง พี่เข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้เอาเหลียงผีให้คนอื่นกินเจ้าค่ะ ข้าแค่เผลอลืมวางไว้ ถึงได้ให้อาหมานกลับไปเอา”
เจียงจั้นปรับสีหน้า แต่ฉุกคิดได้ว่าหากหายโกรธเร็วเช่นนี้จะเป็นการขายหน้า จึงพึมพำด้วยน้ำเสียงเย็นชา “จริงรึ”
เขาอุตส่าห์ต่อแถวอยู่เสียนาน กว่าแถวจะมาถึงเขาก็เหลือเป็นกล่องสุดท้ายแล้ว เขาเต็มใจยกให้น้องสาวอย่างมิได้หวงแหน
แค่คิดว่าน้องสาวเอาเหลียงผีที่ตนต่อแถวมาด้วยความยากลำบากไปให้คนอื่น หนำซ้ำยังเป็นชายหนุ่มที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดด้วยแล้ว เขาก็แทบคลั่ง
“หรือว่าพี่รองไม่เชื่อข้าล่ะ”
“เชื่อสิ เพียงแต่ว่า…” เจียงจั้นเพิ่งตระหนักได้ว่ามีเรื่องสำคัญกว่านั้น “แล้วเหตุใดเจ้าถึงไปที่บ้านพี่อวี๋ชีได้เล่า”
อวี๋ชี ไปตายซะเถอะ ตอนที่เล่นหูเล่นตากับน้องสี่ ข้าก็อุตส่าห์อดทน นึกไม่ถึงว่าลับหลังจะกล้าหลอกล่อให้น้องสี่มาหาถึงที่เรือน
“เอ่อ ข้าไปให้อาหารเอ้อร์หนิว สองวันนี้คุณชายอวี๋ไม่อยู่ เอ้อร์หนิวจึงไม่ยอมกินอะไรเลย…” ครั้นถูกพี่ชายจับได้คาหนังคาเขาเช่นนี้ ยิ่งเจียงซื่อแก้ตัวก็ยิ่งรู้สึกผิด
แต่ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไปให้อาหารเอ้อร์หนิวจริงๆ แม้คำแก้ตัวนี้จะฟังไม่ขึ้นก็ตาม…
เจียงซื่อรีบเงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้าของเจียงจั้น ดูเหมือนว่าอารมณ์โกรธที่ปะทุเมื่อครู่จะสงบลงแล้ว แต่ใบหน้านั้นยังคงกำลังพินิจบางอย่าง
เจียงซื่อเงียบงันชั่วครู่ และหลุบตามองลงไปที่ปลายเท้าตัวเอง
ไม่รู้มาก่อนเลยว่าพี่รองจะมีมุมจริงจังกับเขาด้วย ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่
ในขณะนั้นนางได้ยินเจียงจั้นถามเสียงต่ำ “น้องสี่ หรือว่าเจ้า…ชอบพี่อวี๋ชี”
ขนตาของเจียงซื่อสั่นระริก
สายตาของเจียงซื่อยังคงจับจ้องไปที่ภาพรองเท้าปักลายสีเขียวอ่อน ปลายรองเท้ามีรอยเปื้อนเล็กๆ สีเทาจางๆ ดอกพุดซ้อนปักลายสีขาวเปื้อนฝุ่นสีเทาที่ได้จากการวิ่งเมื่อครู่ เฉกเช่นเดียวกันกับอารมณ์ของนางที่ว้าวุ่นยากเกินจะเข้าใจ
เจียงซื่อไม่เคยรู้มาก่อนว่าหัวใจของคนเราจะซับซ้อนถึงเพียงนี้ เพราะบางครั้งตัวเองก็ยังบอกไม่ได้ว่าตัวเองต้องการอะไร
หญิงสาวยืนอยู่ต่อหน้าพี่ชายที่สูงกว่านางประมาณหนึ่งช่วงศีรษะ สายตายังคงก้มต่ำ นางยังลังเลและเงียบงันอยู่อย่างนั้น
เจียงจั้นจึงสรุปเองว่าความเงียบงันนั้นเกิดจากความเขินอาย เขากุมมือตัวเองทั้งสองข้างพลางเอ่ย “ข้าว่าแล้วเชียว วันคืนยืนยาวก็ย่อมมีโอกาสพลาดท่าเข้าสักวัน!”
พี่อวี๋ชี ไอคนหน้าไม่อาย เกลี้ยกล่อมน้องสี่จนตายใจ เขาประมาทเกินไปจริงๆ!
“พี่รอง พูดอะไรน่ะ” เจียงซื่อที่เพิ่งดึงสติกลับมาเอ่ยท้วง “ข้าเปล่าเสียหน่อย”
เจียงจั้นถอนหายใจ “น้องสี่ เจ้าอย่ามาหลอกข้าเสียให้ยาก หากเจ้าไม่ได้รู้สึกกับพี่อวี๋ชี เจ้าคงไม่มาดูแลสุนัขของเขาถึงที่บ้านทุกวันหรอกจริงไหม”
ตอนที่เขาเลี้ยงตั๊กแตนแล้วถูกท่านพ่อตีจนลุกจากเตียงไม่ไหว เหตุใดเขาถึงไม่เคยเห็นสาวน้อยแสนสวยนางไหนมาช่วยให้อาหารตั๊กแตนเลย
เจียงซื่ออ้าปากค้าง ในตอนนั้นยังหาเหตุผลมาแก้ตัวไม่ได้
สำหรับนาง เอ้อร์หนิวไม่ใช่สุนัขทั่วไป
เพียงแต่ว่า…นางก็ชอบไอคนชั่วนั่นจริงๆ