เฉินลั​่ว​มอง​องค์​ชาย​ใหญ่​อย่างประหลาดใจ

องค์​ชาย​ใหญ่​ขมวดคิ้ว​มุ่น​ด้วย​ความ​ไม่​ชอบใจ​ ​หว่าง​คิ้ว​ผูก​เป็น​ปม​แน่น​จน​กลายเป็น​ร่อง​ลึก​สาม​เส้น​ ​กล่าวว่า​ ​“​เจ้า​คง​ไม่ได้​คิด​จริงๆ​ ​หรอก​กระมัง​ว่า​ข้า​โง่เขลา​มาก​?​ ​เมื่อก่อน​ที่​ข้า​ไม่​สุงสิง​กับ​พวก​เจ้า​ ​นั่น​เป็น​เพราะ​ไม่​อยาก​เข้าไป​เกี่ยวข้อง​กับ​เรื่อง​ยุ่งเหยิง​เหล่านี้​ ​ข้า​คิด​ว่า​ฮ่องเต้​จะ​เห็นแก่​ที่​ข้า​แยกตัว​ออกมา​จาก​คนอื่น​ ​แล้ว​จะ​ชื่นชม​ข้า​บ้าง​ ​แต่​ผู้ใด​จะ​รู้​ว่า​ ​อำนาจ​ของ​สวรรค์​นั้น​ยาก​จะ​หยั่งถึง​ ​ข้า​คำนวณ​ไป​คำนวณ​มา​ ​คิดไม่ถึง​ว่าความ​จริง​แล้ว​ข้า​ไม่อยู่​ใน​สายพระ​เนตร​ของ​เสด็จ​พ่อ​เลย​…

…​อาลั​่ว​ ​ความรู้สึก​เช่นนี้​ ​คง​ไม่มีใคร​เข้าใจ​ได้​กระจ่าง​เท่า​เจ้า​แล้ว​กระมัง​”

แน่นอน​ว่า​เฉินลั​่ว​เข้าใจ​อย่าง​กระจ่างแจ้ง​ ​แต่​เขา​ไม่​อยาก​ยอมรับ​ ​‘​ความกระจ่าง​’​ ​นี้​ต่อหน้า​คนนอก​ ​ยิ่งไปกว่านั้น​ความสัมพันธ์​ระหว่าง​เขา​กับ​องค์​ชาย​ใหญ่​ยัง​ไม่​ถึงขั้น​มานั​่ง​ปรับทุกข์​กันได​้​ ​เขา​ย่อม​ไม่มีทาง​ยอมรับ​ต่อหน้า​เขา​ ​เฉินลั​่ว​ยิ้ม​บาง​ๆ​ ​ไม่​ตอบคำถาม​ของ​องค์​ชาย​ใหญ่

องค์​ชาย​ใหญ่​กลับ​ถือว่า​เขา​ยอมรับ​แล้ว​โดยปริยาย​ ​ค่อนข้าง​ยากเย็น​แต่​ยังคง​กล่าว​ต่อไป​ว่า​ ​“​อาลั​่ว​ ​เจ้า​คิดเห็น​เช่นไร​”

เฉินลั​่ว​ไม่​อยาก​เข้าไป​ข้องเกี่ยว​กับ​การแย่งชิง​ความ​เป็น​บุตร​ภรรยา​เอก​นี้​ ​กล่าว​ด้วย​สีหน้า​เรียบ​เฉย​ว่า​ ​“​ข้า​คิด​ว่า​ดียิ่ง​ ​ระหว่าง​พี่น้อง​มีเรื่อง​อะไร​ก็​ควร​เปิดอก​คุย​กัน​ ​ย่อม​ดีกว่า​คาดเดา​กัน​ไปมา​ ​บางครั้ง​ ​บาง​เรื่อง​ก็​เป็น​เพียง​ความเข้าใจผิด​กัน​เท่านั้น​”​ ​แต่​แล้ว​เขา​ก็​เปลี่ยน​หัวข้อ​สนทนา​ว่า​ ​“​เพียงแต่ว่า​การ​ให้​ข้า​เป็น​คนกลาง​คง​ไม่​ค่อย​ดีนัก​ ​มิสู​้​เชิญ​ใต้เท้า​เซี​่ย​หรือไม่ก็​ใต้เท้า​อวี​๋​เป็น​คนกลาง​ให้​ดีกว่า​ ​ขุนนาง​เก่าแก่​ทั้งสอง​ท่าน​เคย​ให้​คำ​ชี้แนะ​เรื่อง​การเรียน​แก่​พวก​เจ้า​ ​และ​พวกเขา​ก็​เป็น​ที่​นับหน้าถือตา​ของ​ผู้คน​ ​ย่อม​ดีกว่า​ให้​ข้า​ช่วย​ออกหน้า​ให้​”

องค์​ชาย​ใหญ่​กลับ​ไม่​อยาก​ให้​เรื่อง​ใน​บ้าน​ของ​ตัวเอง​กลายเป็น​เรื่อง​ของ​ราชสำนัก​ ​ที่​เขา​ไป​พบ​องค์​ชาย​รอง​ก็​เพราะ​อยาก​ไป​หยั่งเชิง​ดู​ขีดจำกัด​ของ​กันและกัน​ด้วย​ ​ได้ยิน​เช่นนั้น​อด​กล่าว​ไม่ได้​ว่า​ ​“​มีบาง​เรื่อง​ที่​ข้า​ไม่รู้​ว่า​ควร​บอก​เจ้า​หรือไม่​…​”

เฉินลั​่ว​ได้ยิน​แล้ว​รีบ​กล่าว​ตัดบท​คำพูด​ของ​องค์​ชาย​ใหญ่​ยิ้ม​ๆ​ ​ว่า​ ​“​ในเมื่อ​รู้สึก​ลังเล​ ​เช่นนั้น​ก็​ไม่ต้อง​บอก​ข้า​ดีกว่า​ ​สุดท้าย​แล้ว​ข้า​ก็​ทำได้​แค่​รับฟัง​เท่านั้น​ ​ไม่​อาจ​ช่วย​แก้ปัญหา​ให้​เจ้า​ได้​”

องค์​ชาย​ใหญ่​ถึง​ได้​ค้นพบ​ว่า​ญาติ​ผู้​น้อง​คน​นี้​ไม่ได้​หัวแข็ง​อย่างที่​คน​ข้างนอก​เล่าลือ​กัน​แม้แต่​ครึ่ง​เดียว​ ​ตรงกันข้าม​เป็น​คน​ไหล​ลื่น​ ​โยน​ปัญหา​มา​ให้​ทันทีทันใด​ ​ทำให้​เจ้า​อยาก​หลบ​ก็​หลบ​ไม่​พ้น

หาก​รู้​เช่นนี้​แต่​เนิ่นๆ​ ​เขา​ควร​คบหา​กับ​เฉินลั​่ว​ให้​มากกว่า​นี้

องค์​ชาย​รอง​มีส​หายสนิท​เช่นนี้​ ​เขา​อิจฉา​มาก​จริงๆ

องค์​ชาย​ใหญ่​กล่าว​ยิ้ม​ๆ​ ​ว่า​ ​“​เจ้า​ระแวดระวัง​ตัว​มาก​ขนาด​นี้​ ​กลัว​อะไร​อยู่​หรือ​ ​พวก​ข้า​พี่น้อง​ไม่ว่า​ผู้ใด​ได้​เป็น​ฮ่องเต้​ ​ก็​ไม่​อาจ​ปฏิบัติ​กับ​เจ้า​อย่าง​อยุติธรรม​ ​เจ้า​ไม่จำเป็น​ต้อง​ระวังตัว​ขนาด​นี้​ก็ได้​กระมัง​”

คำพูด​ของ​เขา​มี​การล้อเลียน​ปน​อยู่​ ​เผย​ให้​เห็น​ความเป็นกันเอง​และ​มี​อารมณ์ขัน

เฉินลั​่ว​คิดไม่ถึง​ว่า​องค์​ชาย​ใหญ่​จะ​มี​จิตใจ​เช่นนี้​ ​ถูก​ฮ่องเต้​ผลัก​ไป​อยู่​ปาก​เหว​แล้วแต่​ยัง​เอา​ตัวเอง​มา​ล้อเล่น​ได้​อยู่​ ​ชั่วขณะ​นั้น​ท่าที​ของ​เขา​พลัน​อ่อนโยน​ลงมา​ ​กล่าว​ยิ้ม​ๆ​ ​ว่า​ ​“​ข้า​รู้สึก​ว่า​มัน​น่ารำคาญ​ ​ทั้งที่​ไม่ใช่​เรื่อง​ยากลำบาก​อะไร​ ​แต่​ฮ่องเต้​กลับ​ไม่ยอม​ตัดสิน​พระทัย​เสียที​ ​ทำเอา​พวกเรา​พี่น้อง​ที่รัก​ใคร่​กันต​้​อง​เหินห่าง​กัน​ไป​”

องค์​ชาย​ใหญ่​นิ่งเงียบ​ไป​ครู่หนึ่ง

จริง​ด้วย​ ​คนที​่​ต้อง​รับผิดชอบ​เรื่อง​นี้​คือ​ฮ่องเต้

หาก​เขา​แต่งตั้ง​ไท่​จื่อ​เสีย​ตั้งแต่​เนิ่นๆ​ ​พวกเขา​ก็​คง​ไม่​คิด​อะไร​ไป​เอง​เช่นนี้

ทั้งสอง​ยืน​อยู่​ข้างๆ​ ​ต้นสน​รับแขก​ ​ไม่รู้​จะ​พูด​อะไร​กัน​ดี

ทันใดนั้น​มีเสียง​อาวุธ​ต่อสู้​กัน​เสียง​หนึ่ง​ดัง​เข้ามา​จาก​ด้านนอก

องค์​ชาย​ใหญ่​กับ​เฉินลั​่ว​หัน​มอง​ไป​ตาม​เสียง​อย่าง​พร้อมเพรียงกัน​ ​หัว​คิ้ว​ขมวด​มุ่น

องครักษ์​ข้าง​กาย​องค์​ชาย​ใหญ่​วิ่ง​เข้ามา​ด้วย​สีหน้า​เคร่งเครียด​ ​กล่าว​รายงาน​ว่า​ ​“​องค์​ชาย​ใหญ่​ ​มี​ใคร​ไม่รู้​นอกจาก​จะ​ล้อม​วัด​หลิง​กวง​เอาไว้​แล้ว​ ​ยัง​บุก​เข้ามา​ใน​วัด​ ​เห็น​ใคร​ก็​ฆ่า​ทิ้ง​หมด​ ​กำลัง​มุ่งหน้า​มาทาง​พวกเรา​แล้ว​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​ ​ด้านนอก​วุ่นวาย​จน​ยาก​จะ​ต้าน​แล้ว​ ​องค์​ชาย​ใหญ่​ ​กระหม่อม​จะ​คุ้มครอง​ท่าน​เร่ง​หนี​ออก​ไป​กัน​เถิด​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​!​”

“​เป็นไปไม่ได้​!​”​ ​องค์​ชาย​ใหญ่​ร้อง​ออกมา​อย่าง​ตื่นตระหนก

ทุกวันนี้​แม่น้ำ​ใส​ทะเล​สงบ​ ​บ้านเมือง​รุ่งเรือง​ตลอดจน​ถึง​เจียง​หนาน​ ​แม้แต่​กองโจร​บุก​โจมตี​ยัง​ไม่มี​ ​จิง​เฉิง​เป็น​เมืองหลวง​ที่​สำคัญ​ที่สุด​ ​ฮ่องเต้​มี​กองพล​ส่วนพระองค์​สิบสอง​กองพล​ ​หน่วย​รักษา​ความสงบ​ของ​เมืองหลวง​ทั้ง​ห้ามี​ทหาร​ห้า​หมื่น​นาย​ ​ยัง​มีค่าย​เทียน​จิน​ ​ค่าย​ชัง​ผิง​ ​ค่าย​ฝาง​ซาน​และ​ค่าย​เป่า​ติ้ง​อีก​ ​นอก​เสีย​จาก​ว่า​จะ​มี​คน​ไม่ต้องการ​รักษา​ตระกูล​เก้า​ชั่วโคตร​แล้ว​ต้องการ​ก่อ​กบฏ​ ​ไม่อย่างนั้น​กลางวันแสกๆ​ ​เช่นนี้​ ​ผู้ใด​จะ​กล้า​ล้อม​วัด​หลิง​กวง​สังหาร​ผู้คน​กัน​?

องค์​ชาย​ใหญ่​ส่งสายตา​คม​เฉียบ​มาที​่​เฉินลั​่ว​ ​ถาม​เสียง​เคร่ง​ว่า​ ​“​เจ้า​บอกอ​งค​์​ชาย​รอง​ว่า​ข้า​อยู่​ที่​วัด​หลิง​กวง​?​”

“​ข้า​เปล่า​!​”​ ​เฉินลั​่ว​เอง​ก็​เต็มไปด้วย​ความประหลาดใจ​เช่นกัน​ ​เขา​ส่าย​ศีรษะ​พลาง​กล่าว​ ​“​ข้า​ตัดสินใจ​ออกมา​พบ​เจ้า​อย่างกะทันหัน​ ​ก่อนหน้านี้​มิได้​คิด​อะไร​มาก​ ​จึง​นำ​ผู้ติดตาม​มาด​้วย​เพียง​สอง​สาม​คน​เท่านั้น​”

เขา​ไม่​คิด​ไม่​ฝัน​ว่า​จะ​มีเรื่อง​เช่นนี้​เกิดขึ้น​ ณ​ ​ชานเมือง​ของ​จิง​เฉิง​ได้

เขา​ตะโกนเรียก​ ​“​เฉิน​อวี​้​”​ ​ถาม​เขา​ว่า​ ​“​ประชาชน​เหล่านั้น​เป็น​อย่างไรบ้าง​”

เห็นได้ชัด​ว่า​เฉิน​อวี​้​เอง​ก็​ตกใจ​กับ​สถานการณ์​ดังกล่าว​เป็นอย่างมาก​ ​สีหน้า​ดู​งุนงง​เล็กน้อย​ ​กล่าวว่า​ ​“​พระ​ใน​วัด​กำลัง​พา​เหล่า​ผู้​มาสั​กกา​ระ​ไป​หลบภัย​ที่​ลาน​ฝั่ง​ตะวันตก​ ​พระ​ที่​เป็น​วรยุทธ์​ของวัด​หลิง​กวง​ต่าง​ผลัดเปลี่ยน​อาภรณ์​กัน​เรียบร้อย​แล้ว​ ​กึ่งหนึ่ง​คุ้มกัน​ลาน​ฝั่ง​ตะวันตก​ ​อีก​กึ่งหนึ่ง​กำลัง​มุ่งหน้า​มาทาง​นี้​ขอรับ​”

หาก​เกิด​อะไร​ขึ้นกับ​องค์​ชาย​ใหญ่​ใน​วัด​ของ​พวกเขา​ ​พวกเขา​ก็​สลัด​ความรับผิดชอบ​ไป​ไม่​พ้น

ยัง​มี​เฉินลั​่ว​ ​หลานชาย​ของ​ฮ่องเต้​ด้วย​อีก​ผู้​หนึ่ง

เพียงพอ​ให้​วัด​หลิง​กวง​ถูก​ขจัด​ให้​สิ้นซาก​ได้

เฉินลั​่​วรู​้​สึก​ว่า​เรื่อง​นี้​ไม่น่า​ใช่​ฝีมือ​ของ​องค์​ชาย​รอง

นอก​เสีย​จาก​ว่า​เขา​คิด​จะ​ก่อ​กบฏ​ ​แต่​นั่น​ก็​ควรจะ​จัดการ​กับ​ฮ่องเต้​ก่อน​มิใช่​องค์​ชาย​ใหญ่

เขา​ถาม​เฉิน​อวี​้​ ​“​คน​ของ​พวกเรา​เล่า​?​”

เฉิน​อวี​้​ตอบ​ ​“​กำลัง​มา​ขอรับ​”

เฉินลั​่ว​พา​คน​มาด​้วย​เพียง​ไม่​กี่​คนจริง​ๆ​ ​ทว่า​แต่ละคน​ล้วน​ฝีมือดี​ทั้งสิ้น​ ​เสียงพูด​ของ​เฉิน​อวี​้​เพิ่ง​สิ้นสุดลง​ ​พวกเขา​ก็​วิ่ง​ตรง​มาหา​เฉินลั​่ว​แล้ว

องค์​ชาย​ใหญ่​มอง​เฉินลั​่ว​ครั้งหนึ่ง​ ​กล่าว​กับ​คน​ข้าง​กาย​ว่า​ ​“​พวกเรา​ไป​กัน​เถอะ​!​”

ไม่มีความคิด​จะ​ชวน​เฉินลั​่​วร​่ว​มทาง​ไป​ด้วย

เฉินลั​่ว​เอง​ก็​รู้สึก​ว่าการ​ร่วมทาง​ไป​กับ​องค์​ชาย​ใหญ่​อันตราย​เกินไป

เฉิน​อิง​คือ​ ​‘​ศัตรู​’​ ​เพียง​หนึ่งเดียว​ของ​เขา​ ​แต่​ไม่ว่า​จะ​เป็น​เฉิน​อิง​หรือ​เจิ​้​นกั​๋​วกง​ ​ล้วน​ไม่​อาจ​กระทำการ​สังหาร​หมู่​เช่นนี้​ได้​ ​เป้าหมาย​การสังหาร​หมู่​ครั้งนี้​แปด​ถึง​เก้า​ใน​สิบ​ส่วน​พุ่ง​เป้า​ไป​ที่​องค์​ชาย​ใหญ่​ ​แยกกัน​ไป​คนละ​ทาง​กับ​องค์​ชาย​ใหญ่​ ​ช่วย​ลด​ความเสี่ยง​เรื่อง​ถูก​สังหาร​ได้มา​กก​ว่า

ทั้งสอง​คน​ไม่​กล่าว​สิ่งใด​ ​คน​หนึ่ง​มุ่งหน้า​ไป​ทาง​ทิศตะวันตก​ ​อีก​ผู้​หนึ่ง​มุ่งหน้า​ไป​ทาง​ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ​ ​ต่าง​คน​ต่าง​พา​คน​ของ​ตัวเอง​จากไป

แต่​ที่​ทำให้​เฉินลั​่ว​ประหลาดใจ​ก็​คือ​ ​เขา​เอง​ก็​ถูก​ไล่​ล่า​ด้วย

นอกจากนี้​ยัง​เป็นการ​ไล่​ล่า​ที่​มุ่ง​เอาชีวิต​อีกด้วย

เห็น​คน​ข้าง​กาย​ที่​พยายาม​ปกป้อง​เขา​ล้ม​ไป​ทีละ​คน​ๆ​ ​เฉินลั​่ว​ถึง​ได้​สัมผัส​ถึง​ความ​เลวร้าย​ของ​สถานการณ์

เขา​ฉวยโอกาส​ตอนที่​สลัด​มือสังหาร​ไป​หลบ​อยู่​ใน​ถ้ำ​แห่งหนึ​่ง​ได้​ชั่วคราว​ถาม​เฉิน​อวี​้​ว่า​ ​“​รู้​หรือไม่​ว่า​องค์​ชาย​ใหญ่​หนี​ไป​ได้​หรือยัง​”

เฉิน​อวี​้​มี​กล้องส่องทางไกล​อยู่ตัว​หนึ่ง​ ​เขา​วิ่ง​ออก​ไป​แล้วก็​วิ่ง​กลับมา​อย่างรวดเร็ว​ ​กล่าว​ด้วย​สีหน้า​มืดครึ้ม​ว่า​ ​“​องค์​ชาย​ใหญ่​ยัง​ไม่ได้​ออกจาก​วัด​หลิง​กวง​ ​เขา​ถูก​บีบ​ให้​ย้อนกลับ​ไป​ที่​วิหาร​เทพเจ้า​เหอ​ขอรับ​”

วิหาร​ขนาดใหญ่​หลัง​หนึ่ง​ท้าย​วัด​หลิง​กวง​ประดิษฐาน​เทพเจ้า​เหอ​เหอ​เอาไว้​ ​จึง​ถูก​ขนานนาม​ว่าวิ​หาร​เทพเจ้า​เหอ

เฉินลั​่ว​สัมผัส​ได้​ถึง​วิกฤตการณ์​ร้ายแรง

องค์​ชาย​ใหญ่​กับ​เขา​ไม่​เหมือนกัน​ ​เขา​มักจะ​ออกเดินทาง​ไป​ที่นั่น​ที่นี่​อยู่​เสมอ​ ​เวลา​ไป​ไหน​อย่างมาก​สุด​ก็​พา​องครักษ์​ไป​ด้วย​เพียง​เจ็ด​ถึง​แปด​คน​เท่านั้น​ ​แต่​องค์​ชาย​ใหญ่​ออกเดินทาง​ต้อง​มี​ขบวน​ของ​องค์​ชายตาม​เสด็จ​ ​และ​เขา​ก็​ปฏิบัติตาม​กฎ​อย่างเคร่งครัด​เพราะ​อยาก​ให้​ฮ่องเต้​ประทับใจ​ใน​ตัว​เขา​ ​รวมถึง​กลัว​ถูก​ฝ่าย​ร้องเรียน​นำ​ไป​ฟ้องร้อง​ด้วย​ ​ด้วยเหตุนี้​ต่อให้​เป็นการ​ท่องเที่ยว​อย่าง​ไม่เป็นทางการ​ ​ข้าง​กาย​ก็​มี​องครักษ์​ของ​ราชวงศ์​ติดตาม​อยู่​ถึง​ร้อย​กว่า​คน

เขา​ออกจาก​วัด​หลิง​กวง​ไม่ได้​เป็นเรื่อง​ที่​เข้าใจ​ได้​ ​แต่​องค์​ชาย​ใหญ่​ก็​ออกจาก​วัด​หลิง​กวง​ไม่ได้​ด้วย​ ​สถานการณ์​จึง​ดู​น่าพิศวง​เล็กน้อย

เฉินลั​่ว​ถาม​เฉิน​อวี​้​ ​“​พวกเรา​ถูก​ล้อม​มานาน​เท่าไร​แล้ว​”

เฉิน​อวี​้​หยิบ​นาฬิกา​ออกจาก​อก​มาดู​ ​ตอบ​ว่า​ ​“​เกือบ​ครึ่ง​ชั่ว​ยาม​แล้ว​ขอรับ​”

ครึ่ง​ชั่ว​ยาม​ ​หาก​รายงาน​กรม​กลาโหม​แต่​เนิ่นๆ​ ​ฮ่องเต้​ก็​น่าจะ​ทราบ​เรื่อง​แล้ว​ ​แต่กลับ​ไม่มี​ความเคลื่อนไหว​อะไร​จาก​จิง​เฉิง​เลย​แม้แต่​นิดเดียว

เฉินลั​่​วรู​้​สึก​เหน็บ​หนาว​ ​นึกถึง​ถ้อยคำ​ที่หวัง​ซี​เคย​พูด​ขึ้น​มา

มี​แต่​ไล่​จับ​โจร​หนึ่ง​พัน​วัน​ ​ไม่มี​เฝ้า​ระวัง​โจร​หนึ่ง​พัน​วัน​!

หรือ​โจร​จะ​ปรากฏตัว​ออกมา​แล้ว​?

เช่นนั้น​เป้าหมาย​ของ​เขา​คือ​อะไร

สังหาร​องค์​ชาย​ใหญ่​แล้ว​ป้ายความผิด​ให้​องค์​ชาย​รอง​?

เหตุใด​ถึง​ไม่​ลงมือ​ตอน​องค์​ชาย​ใหญ่​กลับ​ออกจาก​วัด​หลิง​กวง​หรือไม่ก็​ตอน​เดินทาง​มา​วัด​หลิง​กวง​?​ ​ที่​เหลือ​ตัว​เขา​ไว้​เป็น​พยาน​ผู้รู้เห็นเหตุการณ์​เพราะ​คิด​ว่า​เขา​ต้อง​เป็น​พยาน​ให้​มือสังหาร​อย่างนั้น​หรือ​?

หรือ​คิด​ว่า​ไม่จำเป็น​ต้อง​มีพ​ยาน​อย่าง​เขา​?

ใน​สถานการณ์​อะไร​ที่​คน​คน​หนึ่ง​ไม่จำเป็น​ต้อง​มีพ​ยาน​อย่าง​เขา​?

แน่นอน​ว่า​คือ​คนตาย​!

คนตาย​แล้ว​ ​ถึง​จะ​ปลอดภัย​ที่สุด

เหงื่อ​เย็น​ตรง​ขมับ​ของ​เฉินลั​่ว​ไหล​ลงมา​ตาม​แก้ม​ตลอดจน​ถึง​คาง​และ​หยด​ลง​บน​คอเสื้อ​ในที่สุด

เขา​พลัน​รู้สึก​ว่า​มือ​ที่​ถือ​กระบี่​เอาไว้​หนัก​เป็น​พัน​ชั่ง​ ​อยาก​ยก​ก็​ยก​ไม่​ขึ้น​ ​ทรุดตัว​นั่งลง​บน​พื้น​หิน​ใน​ถ้ำ​อย่าง​หมดอาลัยตายอยาก

เฉิน​อวี​้​ได้ยิน​เสียง​ไล่​ล่า​พวกเขา​ดัง​เข้ามา​จาก​ด้านนอก​ ​ทว่า​เมื่อ​เห็น​คนที​่​แต่เดิม​แหลมคม​ดุจ​กระบี่​และ​ดุดัน​เต็มไปด้วย​ไอ​สังหาร​อย่าง​เฉินลั​่​วจู​่​ๆ​ ​ก็​เหมือน​ถ่าน​ที่​ถูก​น้ำ​สาด​จน​มอด​ ​ไร้​ซึ่ง​ชีวิตชีวา​แล้ว​ ​เขา​รู้สึก​ร้อนใจ​ยิ่งนัก​ ​กระซิบ​กล่าวว่า​ ​“​คุณชาย​รอง​ ​ท่าน​เป็น​อะไร​ไป​ขอรับ​ ​พวกเรา​ไม่​อาจ​รั้ง​อยู่​ที่นี่​ได้​แล้ว​ ​ใคร​จะ​รู้​ว่า​เรื่อง​นี้​เป็น​อุบาย​ของ​ผู้ใด​ ​หาก​พวกเรา​รั้ง​อยู่​ที่นี่​ต่อ​แล้ว​ถูก​ใส่ร้าย​ว่า​เป็น​มือ​ลอบสังหาร​องค์​ชาย​ใหญ่​ล่ะ​ก็​เป็นเรื่อง​แน่​ขอรับ​!​”

ต่อให้​ต้องตาย​ ​ก็​ไม่​อาจ​ทิ้ง​ร่าง​เอาไว้​ที่นี่

เฉินลั​่​วก​ลับ​นิ่ง​ไม่​ขยับเขยื้อน​ ​พึมพำ​กล่าวว่า​ ​“​หาก​เจ้า​อยาก​ไป​ ​ก็​ไป​ก่อน​เถอะ​ ​เจ้า​ไม่จำเป็น​ต้อง​สนใจ​ข้า​ ​พวก​เจ้าพ่อ​ลูก​ติดตาม​ข้ามา​ระยะ​หนึ่ง​แล้ว​”​ ​หาก​เขา​ตาย​ ​คาด​ว่า​ต่อให้​เฉิน​อวี​้​สอง​พ่อ​ลูก​อยาก​มีชีวิต​อย่าง​ปกติ​สุข​ก็​คง​เป็นไปไม่ได้​ ​แต่​ถ้า​พวกเขา​ยอม​ปกปิด​ตัวตน​ก็​ใช่​ว่า​จะ​ไม่มีทาง​รอด​ซะ​ทีเดียว​ ​“​ออก​ไป​แล้ว​ให้​ไปหา​หลิวจ​้ง​!​ ​ข้า​ทิ้ง​ทาง​หนี​เอาไว้​ที่​เขา​หลาย​ทาง​ ​ด้วย​ความสามารถ​ของ​เขา​ ​ต้อง​พา​พวก​เจ้า​ออกจาก​เมืองหลวง​ได้​อย่างปลอดภัย​แน่​”

ขอ​เพียง​พวก​เจ้า​ไม่​ทำตัว​โดดเด่น​รนหาที่​ตาย​เอง​ ​ก็​น่าจะ​มีชีวิต​อย่างสงบ​สุข​ไป​จน​แก่เฒ่า​ได้

เฉิน​อวี​้​ร้อนใจ​เหลือ​จะ​กล่าว​ ​ไหน​เลย​จะ​มีกะใจ​มาทำ​ความเข้าใจ​ความนึกคิด​ของ​เฉินลั​่ว​ ​ได้ยิน​แล้ว​ได้​แต่​กระวนกระวายใจ​ ​ก้าว​ออก​ไป​ดึง​เฉินลั​่ว​เอาไว้​ ​กล่าวว่า​ ​“​คุณชาย​รอง​ ​ท่าน​ได้รับ​บาด​เจ็ด​ตรงไหน​หรือไม่​ ​ข้า​จะ​แบก​ท่าน​ออก​ไป​เอง​ขอรับ​!​ ​องค์​ชาย​ใหญ่​ต้อง​เป็น​เป้าหมาย​ของ​พวกเขา​อย่างแน่นอน​ ​พวกเรา​ฉวยโอกาส​นี้​หนี​ออก​ไป​กำลังดี​”

เพียงแต่ว่า​เขา​ยัง​พูด​ไม่​จบ​ประโยค​ ​เบื้องหน้า​ก็​มีลูก​ธนู​ดอก​หนึ่ง​พุ่ง​เข้ามา

โชคดี​ที่​เฉิน​อวี​้​ทำ​สาย​ผูก​ซอง​ใส่​กล้องส่องทางไกล​แล้ว​สะพาย​ไว้​ด้านหลัง​อย่างที่​หวัง​ซีทำ​ ​และ​แขวน​กล้องส่องทางไกล​ไว้​ตรงหน้า​อก​อย่างที่​สาวใช้​ข้าง​กาย​ของ​หวัง​ซีทำ​ ​ทำให้​ลูกธนู​ดอก​นั้น​ยิง​โดน​กล้องส่องทางไกล​แทน​ ​จน​กระจก​กล้องส่องทางไกล​แตก​กระจาย​ออก​เป็น​เสี่ยง​ๆ​ ​ตัว​เขา​เอง​ก็​ถูก​แรง​ยิง​นั้น​กระแทก​จน​ซวนเซ​ไป​ข้างหลัง​สอง​สาม​ก้าว​ ​ทว่า​ไม่ได้​รับ​บาดเจ็บ​อะไร

อย่างไร​เสีย​เฉิน​อวี​้​ก็​เป็น​เพียง​ข้า​รับใช้​คนสนิท​ของ​เฉินลั​่ว​เท่านั้น​ ​นี่​นับเป็น​ครั้งแรก​ที่​เผชิญหน้า​กับ​ความตาย​อย่างใกล้ชิด​ขนาด​นี้

สอง​ขา​ของ​เขา​อ่อน​ยวบ​ ​ทรุดตัว​คุกเข่า​อยู่​บน​พื้น​ ​เมื่อ​เงยหน้า​ขึ้น​ก็​เห็น​บุรุษ​ใน​ชุด​จิ้น​จวง​สีดำ​ปิดหน้า​ปิด​ตา​ง้าง​คันธนู​ที่​ใส่​ลูกธนู​เรียบร้อย​แล้ว​ ​กำลังจะ​ยิง​ลูกธนู​ดอก​ที่สอง​ใส่​เขา

“​แม่เจ้า​!​”​ ​เฉิน​อวี​้​ร้อง​ ​กำลังจะ​ไป​ดึง​เฉินลั​่ว​ ​ทว่า​มือ​กลับ​อ่อนปวกเปียก​ ​ไร้​พละกำลัง

เขา​คิด​ว่า​ตน​คง​หนี​ความตาย​ไม่​พ้น​แล้ว​ ​ใจเต้น​ไม่​เป็น​ส่ำ​ ​หัว​สมอง​ขาวโพลน​ ​ทำได้​แค่​เบิกตา​จ้อง​บุรุษ​ผู้​นั้น​ ​และ​รอลู​กศ​รด​อก​นั้น​ยิง​เข้ามา

ไม่​คาดคิด​ว่า​จู่ๆ​ ​บุรุษ​ผู้​นั้น​ก็​กระตุก​สองครั​้ง​ ​แล้ว​ล้ม​ตึง​ลง​ไป​บน​พื้น​ทันที

ดวงตา​เบิก​กว้าง​จน​คล้าย​ระฆังทอง​แดง​ ​มือ​ยัง​จับ​คันธนู​เอาไว้​ไม่​ปล่อย​แต่​ก็​ตาย​ไป​ทั้งอย่างนั้น

เฉิน​อวี​้​เบิก​ดวงตา​กว้าง

มีเสียง​คึกคะนอง​ของ​ชาย​แปลกหน้า​ดัง​เข้ามา​จาก​ด้านนอก​ ​“​ใช่​คุณชาย​รอง​ตระกูล​เฉิน​หรือไม่​?​ ​มี​คน​เชิญ​พวก​ข้ามา​คุ้มครอง​ความปลอดภัย​ให้​เจ้า​ ​เจ้า​ยัง​สบายดี​หรือไม่​ ​คน​ข้าง​กาย​องค์​ชาย​ใหญ่​ฝีมือ​ไม่เลว​จริงๆ​ ​สกัด​นักฆ่า​เหล่านั้น​เอาไว้​ได้​ ​พวกเรา​รีบ​ไป​กัน​เถอะ​ ​หาไม่​รอ​พวก​มัน​ได้สติ​กลับมา​ ​พวกเรา​เอง​ก็​คง​ต้อง​จบเห่​ไป​ด้วย​!​ ​ข้า​ไม่​อยาก​มีเงิน​แต่​ไม่มี​ชีวิต​ใช้​เงิน​หรอก​นะ​”

เฉิน​อวี​้​ถึง​ได้​นึกถึง​เรื่อง​ที่​คุณหนู​หวัง​ช่วย​หา​จอม​ยุทธ์​มา​ให้​พวกเขา​ขึ้น​มา

นี่​คง​เป็น​คนที​่​คุณหนู​หวัง​เชิญ​มา

เขา​ซาบซึ้งใจ​จน​น้ำตา​คลอ​ ​เรี่ยวแรง​ของ​เขา​กลับมา​อีกครั้ง​ ​เขา​หมุน​กาย​ไป​ดึง​เฉินลั​่ว​ ​“​คุณชาย​รอง​ ​พวกเรา​รีบ​ไป​กัน​เถอะ​ขอรับ​”

ผู้ใด​จะ​คิด​ว่า​เฉินลั​่​วก​ลับ​เหมือน​ลูกตุ้ม​เหล็ก​ ​เขา​ดึง​ติดๆ​ ​กัน​สองครั​้​งก​็​ดึง​ไม่​ขึ้น

ตอนที่​เขา​กำลังจะ​ไป​ดึง​เฉินลั​่​วอี​กค​รั้ง​นั้น​ ​เฉินลั​่​วก​็​โพล่ง​ออกมา​ ​กล่าว​กับ​คน​ด้านนอก​ว่า​ ​“​ความปรารถนาดี​ของ​จอม​ยุทธ์​ท่าน​นี้​ข้า​ซาบซึ้ง​ยิ่ง​แล้ว​ ​พวก​เจ้า​ไป​เถอะ​!​ ​ที่นี่​คือ​รัง​แห่ง​หายนะ​ที่​เต็มไปด้วย​ปัญหา​ ​ปัญหา​ของ​ข้า​ ​ข้า​จะ​แก้ไข​มัน​เอง​”

…………………………………………………………………………..

ตอนต่อไป