เนื่องเพราะการมีอยู่ของลูกศรพลังปราณทำให้แม่ทัพส่วนใหญ่ไม่กล้าบุกทะลวงเข้าไปทำลายประตูด้วยตนเอง
เมื่อโดนลูกศรพลังปราณเข้าร่างจะถูกทะลวงและเหลวแหลกในที่สุด
ในเวลานี้ แม้ว่า ทหารในค่ายจะมีปฏิกิริยาตอบสนองได้ทันและปล่อยลูกศรพลังปราณออกมา
แต่มันก็สายเกินไปสำหรับ ลิโป้
เขาได้อยู่ข้างหน้าประตูแล้ว
“พังไปซะ!”
ลิโป้ ได้คำรามออกมา พลังปราณในร่างกายของเขาได้หลั่งไหลเข้ามาในมือของเขาพร้อมกับถ่ายโอนไปยังง้าวที่แหลมคมเพื่อฟาดฟันออกไป
บึ้ม!
เสียงประตูค่ายได้พังทลายลงทันทีด้วยการโจมตีที่น่ากลัวของลิโป้
นอกจากนี้ยังมีแรงสั่นสะเทือนที่รุนแรง ทำให้ ทหารที่เตรียมลูกศรพลังปราณ ร่างกายของพวกเขาได้สั่นเครือ จนไม่สามารถเล็งยิงอย่างมั่นคงได้
ลิโป้ ไม่ลังเลที่จะใช้ง้าวฟางเทียนในมือของเขา ตีใส่กำแพงค่ายที่เหลืออยู่อีก
เขาได้ตะโกนขึ้นอย่างโกรธเคือง”กองทัพทั้งหมดเข้าชาร์จซะ!”
ทหารม้าเหล็กที่วิ่งตามเขามาจากทางด้านหลัง ได้รีบบุกเข้าไปในค่ายประตูตกตะวัน
หลังจากทหารม้าเหล็กบุกเข้ามาในค่ายทหารก็ตื่นตระหนกบางคนกระทั่งเริ่มวิ่งหนี
แต่ทหารที่อยู่ด้านหลังของค่ายนั้นกลับไม่เป็นอะไรพวกเขาดูสงบมาก พวกเขาพยายามจัดรูปแบบขบวนและใช้ธนูและลูกศรเป็นชุดเพื่อต่อต้านทหารม้าของ ลิโป้ ไม่ให้พุ่งตรงมายังค่ายด้านหลัง
ลิโป้ ได้จัดทหารม้าเข้าชาร์จรอบหนึ่ง แต่ถูกยิงกลับด้วยธนูและลูกศร
เขาเองก็เกือบจะโดนลูกธนูระเบิดยิงเข้าใส่
เขาทำอะไรไม่ถูกนอกจากจัดทหารม้าเพื่อทำความสะอาดค่ายด้านหน้า
แน่นอนว่า ค่ายด้านหลังเองก็ไม่กล้าที่จะสวนกลับการโจมตีหากไม่ได้รับอนุญาติ
พวกเขาอยู่ในตำแหน่งที่ป้องกันง่ายกว่าแต่ยากที่จะโจมตีดังนั้นพวกเขาทำได้แค่รอเพียงเท่านั้น
เพียงใช้เวลาไม่นาน ทหารม้า ก็กวาดล้างค่ายด้านหน้าได้สำเร็จ
ในขณะเดียวกันค่ายด้านหลังก็พยายามส่งคนไปแจ้ง กานเหิง ว่าให้นำกองทัพกลับมาทันทีเพราะว่าค่ายซีเหมินแห่งนี้กำลังถูกบุกโจมตีโดยกองทัพของ ลู่เฟิง
ลู่เฟิง นำทหารราบและ ใช้เวลาไม่นานในการเดินทางมายังค่ายซีเหมิน
หลังจากได้รับข่าวจาก ลิโป้ เขาก็ไม่ลังเลที่จะขอให้ เจี๋ยสวี่ และ ลิโป้ จัดการโจมตีทหารราบเหล่านี้ทันที
หน้าไม้คันธนูและลูกศรของค่ายหลังสามารถต่อต้านทหารม้าได้อย่างเต็มรูปแบบ แต่สำหรับทหารราบยังพอมีหนทางแก้ไข
ภายใต้คำสั่งของ เจี๋ยสวี่ และ ลิโป้ กองทัพได้รวมตัวกันบุกอย่างไม่ได้เร่งรีบแต่ผลักดันออกไปทีละก้าว
เมื่อจัดทัพทหารเป็นแถวหน้า ก็ย่อมถูกจู่โจมด้วยธนูและหน้าไม้ ทันที อย่างไรก็ตาม การยิงธรรมดาเหล่านี้ สามารถต่อต้านได้โดยทหารโล่ และ มันมีภัยคุกคามเพียงเล็กน้อย
ตอนนี้ ฮูวหยิง แม่ทัพฝ่ายศัตรู ได้พบว่า กองทัพของ ลู่เฟิง เริ่มตอบโต้ด้วยลูกศรพลังปราณ เขาได้สั่งให้ทหารโล่ออกไปป้องกันด้านหน้า
ลูกศรพลังปราณ เป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับนักรบ สำหรับทหารธรรมดามีเพียงโล่เท่านั้นที่สามารถปิดกั้นมันได้เพราะพวกเขาไม่ได้ทรงพลังมากพอ ดังนั้น ลูกศรพลังปราณอาจเป็นตัวตัดสินของสงคราม
ด้วยการเปลี่ยนแปลงรูปแบบต่าง ๆ ของกองทัพ พวกเขาได้เข้าสู่ระยะทางไม่ถึง 20 เมตร จากกองทัพค่ายหลัง จากนั้นพวกเขาก็เห็นกองทัพของลู่เฟิง แยกตัวออกจากกัน
แม่ทัพของค่ายหลังได้เตรียมพร้อมที่จะต่อสู้แบบประชิดตัวแล้ว แต่เมื่อพวกเขาเห็นข้าศึกแยกออกจากกันอย่างกระทันหัน บางคนกระทั่งตอบสนองไม่ทัน
ในไม่ช้า สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นศัตรูที่กล้าหาญพุ่งออกมาจากกองทัพที่แยกกัน
มันเป็น ลิโป้
เขารอคำสั่งของ ลู่เฟิง มานานแล้ว เพียงรอให้กองทัพก้าวไปไกลพอสมควร จากนั้นก็จะทำการเข้าชาร์จแบบเดี่ยว ๆ ตรงหน้า
แม่ทัพค่ายหลัง จะสั่งยิงลูกศรพลังปราณแแต่มันก็สายเกินไปแล้ว
ลิโป้ ได้เหวี่ยงพลังขนาดใหญ่ทำลาย พลธนูแนวหน้าของศัตรูทำให้กองทหารม้าชั้นยอดห้าร้อยคนโผล่ออกมาสมทบเขาได้สำเร็จ
แม้จะมีไม่มาก แต่ด้วยจำนวนที่ใกล้เช่นนี้ ทหารม้าย่อมส่งผลร้ายแรงต่อทหารราบบ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งทหารม้าที่ถูกนำโดย แม่ทัพที่ดุดันที่สุดอย่าง ลิโป้
เมื่อ แม่ทัพ ค่ายหลัง สั่งให้ กองทัพเข้าไปปิดล้อมทหารม้า 500 นาย ลิโป้ ก็ได้เปิดช่องว่างโดยการสั่งให้กองทหารม้าของตนเองออกไปต่อสู้ทิศทางอื่น
ในขณะเดียวกัน ทหารราบก็พุ่งตรงไปตามคำสั่งของ ลู่เฟิง
กองทัพที่วุ่นวาย ย่อมถูกสับสังหารอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าของ แม่ทัพ ฮูวหยิง เริ่มซีดขาว
สิ่งที่ผิดพลาดของเขาก็คือการเตรียมพร้อมสำหรับการต่อต้านทหารม้าที่มากเกินไปทำให้ ชุดธนูและหน้าไม้ของเขาไร้ประโยชน์
เมื่อลูกธนูพลังปราณหมดลง พวกเขาก็ย่อมเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างแน่นอน
เขาพึมพัมออกมา”ค่ายซีเหมิน จบแล้ว!”
ด้านหลัง จิ้งซือหรง ที่เห็น การล่มสลายของกองทัพค่ายซีเหมิน ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก เขานึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของ ลู่เฟิง ที่ให้เขาใช้กำลังทั้งหมดของตนเอง ต่อต้านกองทัพของลู่เฟิง เมื่อเห็นว่าค่ายกำลังจะแพ้ เขาไม่ยินยอมยืนรอความตายอย่างแน่นอน
ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลที่จะจับทหารสองสามคนเปลี่ยนเป็นชุดทหารธรรมดาและหลบหนีออกไปจากค่ายพร้อมกัน
เนื่องจากเขาต้องรับมือกับกองทัพด้านหน้า ลู่เฟิง ไม่มีเวลาส่งคนไปกักกั้นบริเวณเหล่านี้ทำให้ จิ้งซือหรง มีโอกาสที่จะหลบหนี
แม้ว่า การต่อสู้ครั้งนี้จะทำให้ค่ายซีเหมิน พ่ายแพ้ยับเยิน แต่แม่ทัพในค่ายก็ไม่เสียเปล่า พวกเขาได้ต่อต้านศึกเป็นเวลานานกว่าหนึ่งชั่วโมง
ซึ่งมันน่าจะซื้อเวลาให้ทหารไปส่งข่าวถึงมือ กานเหิง
แต่น่าเสียดาย กองทัพที่ กานเหิง นำมาทั้งหมด ได้เตรียมพร้อมไว้อยู่ก่อนแล้ว พวกเขาไม่สนใจสิ่งใดและรอให้ ลู่เฟิง ปรากฏตัว
อีกด้านหนึ่ง เหลียนป๋อ ก็มาถึงสถานที่แห่งนี้ ด้วยเรือรบขนาดใหญ่ของเขา
“ท่านแม่ทัพ ด้านหน้าเป็นที่ที่กองทัพของกานเหิง ดักซุ่มโจมตี พวกเราควรซ่อนตัวหรือไม่?”รองแม่ทัพได้กล่าวถามเหลียนป๋อ
เหลียนป๋อสั่นศีรษะ”สั่งให้เรือรบทุกลำเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงสุดพุ่งชนสิ่งกีดขวางให้หมดและให้พลธนูทุกคนถล่มยิงออกไป”
“ขอรับ!”
ตามคำสั่งของ เหลียนป๋อ เรือรบทั้งหมดได้เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงสุด
กานเหิง และ กองทัพของเขา นั่งอยู่ในเรือลำเล็กและรอให้กองทัพของ ลู่เฟิง ปรากฏตัว แต่มันก็ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ไม่นาน กองทัพของ เหลียนป๋อ ก็มาถึง
พวกเขาตอบสนองทันก็ในตอนที่ เรือรบของ เหลียนป๋อ พุ่งเข้ามาหาเขาแล้ว เรือเล็กไม่มีทางที่จะหยุดเรือรบขนาดใหญ่ได้
ในไม่ช้า กองทัพก็ถูกบดขยี้เป็นชิ้น ๆ กองทัพทั้งหมดได้จมลงสู่แม่น้ำงูหยก
เหลียนป๋อ ได้ออกคำสั่งให้พลธนูทุกคนยิงสังหารทหารที่จมน้ำเหล่านี้
ทหารบางคนเก่งเรื่องการดำน้ำพวกเขาพยายามดำลงไปเพื่อหนีเอาชีวิตรอด แต่เมื่อพวกเขาดำไปใต้น้ำลึกพวกเขาก็เห็นงูหยกหลายตัวพุ่งผ่านมาและกัดกินพวกเขา
ทหารที่จมน้ำเหล่านี้ถูกงูหยกกัดกินจนตาย
ไม่นานทหารก็ตกตายในน่านน้ำแห่งนี้
จากทหาร 100,000 นาย หลงเหลือเพียงไม่กี่คนที่หลบหนีไปได้สำเร็จ
ภายในเมือง เสี่ยวหลิงตู่ กานฉวน ได้รับข่าวทั้งหมดที่เกิดขึ้น เขาต้องการนำกองทัพของเขาออกไปช่วยเหลือค่ายซีเหมิน
แต่ก่อนที่เขาจะไป ค่ายซีเหมิน ก็แตกแล้ว
กานฉวน รู้สึกโกรธมาก เขาต้องการนำกองทัพออกไปสู้กับ ลู่เฟิง จนตัวตาย
แต่เขาก็ถูกหยุดโดยคนสนิทเพียงไม่กี่คนและพูดทันที”ท่านแม่ทัพพวกเรายังมีกองทัพอีก 300,000 นาย ดังนั้นเราควรจะเลี่ยงดีกว่า กองทัพของลู่เฟิง ได้โจมตีประตูทิศตะวันตก แต่ประตูทิศตะวันออก นั้นไม่เหมือนกัน หากพวกเราเดินทัพหนีไปทางนั้นย่อมเป็นทางเลือกที่ดีกว่าแน่นอน!”
“ห่างออกไปห้าร้อยไมล์จากประตูตะวันออกของเมืองเสี่ยวหลิงตู่ ก็คือ อาณาจักรหงเปา เราสามารถของลี้ภัยในอาณาจักรหงเปาได้!”
เมื่อ กานฉวน ได้ยินดังนั้น เขาก็พยักหน้าทันที เขาได้สั่งให้กองทัพ 300,000 นาย เคลื่อนตัวและบุกไปยังประตูตะวันออกทันที
นอกประตูตะวันออก ซุนฮก ไม่ได้จัดทหารมากเกินไป เขาให้ ฉู่ต้าเหว่ย คุมทัพทหาร 30,000 นาย และ คอยป้องกันไม่ให้ กองทัพในเมืองเสี่ยวหลิงตู่ หลบหนีออกมา
อย่างไรก็ตาม ฉู่ต้าเหว่ย กำลังเผชิญหน้ากับคุกคามขนาดใหญ่เวลานี้
กองทัพของเมืองเสี่ยวหลิงตู่ 300,000 คน กำลังบุกออกมา แต่เขามีเพียงกองทัพ 30,000 คนเท่านั้น!