ตอนที่ 297 ลูกชายและลาไม่อาจให้ผู้ใดยืมได้ ตอนที่ 298 ไม่มีเงินช่างทุกข์ยากเหลือเกิน

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 297 ลูกชายและลาไม่อาจให้ผู้ใดยืมได้

ซ่งหม่านซานไม่มีทางยอมรับเด็ดขาดว่าตนตกใจ ไม่ทันไรสีหน้าของเขาจึงกลับมาเป็นปกติ

“ไม่เลว เป็นลาพันธุ์ดีตัวหนึ่ง” เขาทำหน้าจริงจัง “เจ้าซื้อลาตัวนี้ที่ไหนหรือ ไว้วันหน้าข้าจะซื้อบ้างสักตัว จะไม่สอนอะไรนอกจากให้มันหัวเราะ เดินไปไหนก็จูงไปด้วย จะได้ทำให้คนอื่นเห็นสิ่งแปลกใหม่บ้าง”

“ลาก็เสียงคล้ายๆ กันทั้งนั้นละ หากสอนดีๆ หน่อยก็น่าจะทำได้เช่นกัน ลาสีขาวอย่างต้าไป๋ค่อนข้างหายาก หากซื้อก็ค่อนข้างแพงทีเดียว อย่างต่ำก็ต้องสิบห้าตำลึงเงิน” ซ่งอิงกล่าวตามจริง

ต้าไป๋ไม่เพียงแค่มีสีขาว ยังรูปร่างดี และสติปัญญาไม่เลว ดังนั้นจึงมีราคาสิบเจ็บตำลึงเงิน จัดอยู่ในกลุ่มลาราคากลางๆ ถึงราคาแพง

เมื่อเอ่ยถึงเงิน ซ่งหม่านซานพลันเงียบกริบ

ไม่ทันไรก็มองซ่งอิงด้วยแววตาเป็นประกาย “เอ้อร์ยา ลาตัวนี้ไม่ทราบว่ายกให้ข้าขี่สักสองสามวันได้หรือไม่…”

ซ่งอิงกลอกตาใส่

เข้าใจเพ้อฝันดีนี่

ลูกชายกับลาของนางเป็นสิ่งที่ให้ใครยืมไม่ได้ทั้งนั้น

ซ่งอิงรู้ว่าอาสี่เป็นคนหนังหน้าหนา เกรงว่าเขาจะตอแยไม่เลิกจึงไม่อยากอยู่นาน ให้ต้าไป๋กินอิ่มสักมื้อ หลังตรวจดูบัญชีเป็นที่เรียบร้อย ก็รีบจูงลาไปยังโรงเตี๊ยมขนาดใหญ่ใจกลางเมืองทันที

โรงเตี๊ยมแห่งนี้ ห้องธรรมดาก็เก็บคืนละหนึ่งร้อยอีแปะแล้ว ส่วนห้องชั้นบนอย่างดีเสียค่าเช่าเป็นเงินหนึ่งตำลึง แพงมากจริงๆ

ไว้เดี๋ยวนางจะเอาหลักฐานการเช่าห้องไปเรียกเก็บเงินจากใต้เท้าฮั่ว

หากเปิดหน้าต่างห้องก็จะเห็นบ้านเรือนตามริมถนน แม้เสียงดังไปหน่อย แต่สามารถมองดูบรรยากาศและวิถีชีวิตของคนเมืองยงได้ถนัดตา

แต่เมื่อเปิดหน้าต่างออก นางกลับเห็นสถานที่ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามห่างออกไปไม่ถึงสิบเมตรคล้ายกำลังเอะอะโวยวายกันอยู่

มีเจ้าหน้าที่มือปราบของหยาเหมินเดินเข้ามา เหมือนจะระดมผู้คนมามากมายเสียด้วย

ซ่งอิงชะเง้อมองดู

นางสายตาดีจึงรู้ว่าสถานที่ที่กำลังเกิดเรื่องราวอยู่นั้นน่าจะเป็นที่รักษาโรคและช่วยชีวิตคนชื่อหนิงซ่านถาง

“ได้ยินคุณหนูตระกูลสวี่เอ่ยว่าเจอปีศาจเข้าแล้วหรือ และปีศาจตนนี้ก็อยู่ในหนิงซ่านถางเสียด้วย!”

“ปีศาจ? คุณหนูสวี่คงอ่านนิทานปรัมปรามากไปแล้วกระมัง กลางวันแสกๆ จะมีปีศาจตนไหนกล้าออกมา”

“เรื่องนั้นก็พูดยาก หลายวันก่อนมีคนบอกว่าคุณหนูสวี่ขึ้นเขาไปแสวงบุญ ไม่ทันไรก็หายตัวไป กลายเป็นเรื่องเป็นราวยกใหญ่ วันนี้กลับมาแล้ว มิหนำซ้ำยังบอกว่าถูกปีศาจสาวตนหนึ่งจับตัวไป…”

“เจ้ารู้ได้อย่างไร”

“ลูกพี่ลูกน้องข้าทำงานอยู่ตระกูลสวี่น่ะสิ ตระกูลสวี่อยู่ใกล้ๆ แถวนี้ด้วย พูดต่อๆ กันไม่เท่าไรก็รู้กันไปทั่วแล้ว ลูกพี่ลูกน้องข้าจึงได้ให้ข้ามาดูว่าสรุปแล้วเรื่องราวเป็นอย่างไรกันแน่!”

“คุณหนูสวี่ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ บนโลกนี้มีปีศาจที่ไหนกัน”

“ก็นั่นสิ…”

“…”

เอ่ยถึงปีศาจ ซ่งอิงหูตั้งขึ้นมาทันใด

คุณหนูสวี่ ร้านยา? พอจับเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ไม่ต้องคิดให้มากมายก็รู้ว่าต้องเกี่ยวข้องกับหญิงสาวสองคนที่ขอให้นางส่งเข้าเมืองมาเป็นแน่

หลังครุ่นคิด ซ่งอิงจึงเดินลงไปข้างล่างเพื่อมองดูสักหน่อย

หน้าประตูหนิงซ่านถางห้อมล้อมไปด้วยทหารขุนนาง แต่พวกเขาล้วนไม่กล้าลงมือ แต่ละคนเพียงถือดาบจ่อเข้าไปด้านใน

แม่นางผู้ที่ไม่รู้ว่าเป็นตัวอะไรโกรธเกรี้ยวเหมือนวัวตัวหนึ่ง ใบหน้าแดงก่ำ ไอความเดือดดาลปกคลุมทั่วทั้งตัว คล้ายจะพ่นไฟออกมาได้อย่างไรอย่างนั้น

“ปีศาจอยู่ไหน! ยังไม่รีบจับกุมอีก เร็วเข้า!” ซ่งอิงได้ฟังคำพูดที่จริงจังจนเกินไป

นางเกือบหลุดหัวเราะออกมา

“ปีศาจ?” ท้ายที่สุดจึงกล่าวขึ้น “ข้ารู้จักแม่นางผู้นี้”

“รู้จัก? นี่ยาย ท่านอย่าได้พูดจาเหลวไหลเชียวนะ คุณหนูสวี่ชี้ชัดว่านางเป็นปีศาจ กล่าวว่านางเรี่ยวแรงมหาศาลยิ่งกว่าวัว บนหัวมีเขา กระทืบเท้าทีฝุ่นตลบ!” หัวหน้ามือปราบเอ่ย

ซ่งอิงรู้สึกไม่สบอารมณ์เท่าไร

ก่อนหน้าถูกเรียกป้า ตอนนี้ถูกเรียกยาย นางแต่งกายซอมซ่อเพื่อไม่เป็นที่ดึงดูดสายตาผู้คนระหว่างทาง แต่น้ำเสียงนางยังสาวอยู่ไม่ใช่หรือ?!

“ระหว่างทางมาที่นี่ ข้ารับเอาแม่นางทั้งสองขึ้นรถลามาด้วย คนหนึ่งก็คือนาง นางได้รับบาดเจ็บที่ขาค่อนข้างน่าสงสาร พูดจาและทำอะไรก็มีดูเหตุผลและมีชีวิตชีวา เหตุใดจึงบอกว่านางเป็นปีศาจ? หากเป็นจริง พวกท่านก็จับตัวไปสิ? ปีศาจเหาะได้ไม่ใช่หรือ ขืนเหาะขึ้นมาชั่วพริบตาคงหายตัวไปแล้ว” ซ่งอิงกล่าวเหลวไหลไปเรื่อยเปื่อย

ตอนที่ 298 ไม่มีเงินช่างทุกข์ยากเหลือเกิน

จะให้คนอื่นเชื่อว่าบนโลกนี้มีปีศาจไม่ได้เชียว

ไม่อย่างนั้นราชสำนักรู้สึกไม่ปลอดภัยแล้วเที่ยวไล่จับปีศาจไปทั่วจะทำอย่างไรเล่า ถึงเวลานางย่อมเป็นผู้ที่ซวยมากที่สุดแน่ เพราะข้างกายนางมีอยู่ตั้งสองตน!

“ข้าเหาะเหินไม่ได้หรอก!” แม่นางผู้นั้นรีบกล่าวทันควัน

“ท่านดูสิ แม่นางผู้นี้หน้าตาซื่อขนาดไหน ไม่แน่ว่าแม่นางทั้งสองทะเลาะมีปากเสียงกัน จึงกุเรื่องเหลวไหลก็เท่านั้นเอง” ซ่งอิงกล่าวจริงจัง “ต้องเป็นเช่นนั้นแน่”

เจ้าหน้าที่มือปราบขบคิด จริงอยู่ที่ว่าใต้หล้าไม่มีเรื่องบ้าบอคอแตกแบบนี้หรอก

ปีศาจ?

แค่ผู้หญิงคนหนึ่งเห็นๆ

แม่นางผู้นี้รูปลักษณ์ธรรมดาอย่างมาก ไม่แตกต่างจากหญิงชาวบ้านตามชนบทแต่อย่างใด มีลักษณะแปลกประหลาดเหมือนปีศาจเสียที่ไหนกัน?

พวกเขาเคยได้ยินปีศาจสาวที่ทำลายบ้านเมืองและประชาชนมาบ้างเหมือนกัน เช่นพวกปีศาจจิ้งจอก เป็นภัยต่อบ้านเมือง มักล่อลวงบุรุษให้ลุ่มหลงไปในทางที่ผิด ใช่คนอย่างตรงหน้าที่ไหน ไม่มีเสน่ห์ดึงดูดเลยสักนิด

“เช่นนั้นเจ้าคือ? เป็นคนในพื้นที่หรือไม่ บ้านช่องอยู่แห่งหนใด…” เจ้าหน้าที่มือปราบกล่าว

ซ่งอิงพลันตกใจ

ปีศาจน่าจะไร้สำมะโนครัวกันทั้งนั้นกระมัง?

ขณะครุ่นคิด แม่นางผู้นั้นหยิบหลักฐานยืนยันตัวตนของตัวเองออกมาพร้อมชักสีหน้าน้อยเนื้อต่ำใจ “ข้าอาศัยอยู่ในป่าเขา ท่านดูสิ…”

อีกฝ่ายหยิบหลักฐานสำมะโนครัวมาดู ซ่งอิงชะเง้อศีรษะมองด้วยเช่นกัน

สำมะโนครัวนี้ทำออกมาได้ค่อนข้างเหมือนจริงมากเสียด้วย!

มีการส่งต่อจากบรรพบุรุษรุ่นสู่รุ่น เพียงแต่ในรุ่นปัจจุบันนางเป็นเพียงคนน่าสงสารที่กำพร้าพ่อแม่คนหนึ่ง!

ปีศาจตนนี้มีความสามารถไม่น้อยเลยนี่

เพียงแค่ชื่อเสียงเรียงนามไม่ค่อยคุ้นหูเท่าใด แซ่หนิว[1] นามหนิวต้าลี่[2]!

“คุณหนูสวี่หายตัวไปหลายวัน มีความเกี่ยวข้องอันใดกับเจ้าหรือ” เจ้าหน้าที่มือปราบซักต่อ

“แม่นางสวี่ถูกคนไล่จับตัว ข้าเห็นเข้าพอดีก็เลยช่วยไล่ตีคนชั่วจนหนีไป จากนั้นรับดูแลนางสามสี่วัน ตอนลงเขามาไม่ทันระมัดระวัง ข้าจึงหกล้มตกลงไปในหลุมกับดัก นี่จึงถือโอกาสมาหาหมอเพื่อตรวจรักษาด้วย…” นางดูค่อนข้างจริงใจไม่น้อย

“เป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตเอาไว้เสียด้วย…ไม่ใช่คุณหนูสวี่กลัวว่าตนเองจะขายหน้าเสียชื่อเสียง ด้วยความวิตกกังวลทำอะไรไม่ถูกจึงสร้างเรื่องปีศาจขึ้นมา?” ซ่งอิงพูดลอยๆ

ก่อนหน้านี้แม่นางชุดเขียวหยกดูแววตาไม่ค่อยจริงใจสักเท่าไร

ตลอดทางที่นางพามาส่งก็ไม่กล่าวขอบคุณสักคำ ก่อนจากไปยังกลอกตาใส่รถเกวียนของนางด้วยแวบหนึ่ง แน่นอนละว่า หนิวต้าลี่ให้กำไลลูกปัดเขาวัวแก่นางแล้วก็เลยไม่ถือสา

แต่เรียกคนมาจับตัวผู้ช่วยชีวิต จะไม่ไร้มโนธรรมไปหน่อยหรือ

ขืนปีศาจสักตนถูกจับได้ขึ้นมา อาจพาลให้บุตรชายซื่อบื้อของนางติดร่างแหไปด้วย

เจ้าหน้าที่มือปราบกวาดตามองหนิวต้าลี่พักหนึ่งอย่างแคลงใจ คิดว่าสิ่งที่ยายข้างๆ พูดก็มีความเป็นไปได้

เรื่องปีศาจเป็นเรื่องที่พูดกันโดยไม่มีหลักฐาน

“ยาย เจ้าหน้าที่ขุนนางเขากำลังทำงานอยู่ ท่านอย่าแทรกแซงให้มากนัก หากเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา จะกลายเป็นว่าต้องจับท่านกลับไปลงไม้โบยด้วย” เจ้าหน้าที่มือปราบมีท่าทีผ่อนปรนลงเล็กน้อย จากนั้นก็เปรยกับซ่งอิง หลังครุ่นคิดก็รู้สึกว่ายายที่สวมหมวกอยู่นี้ค่อนข้างประหลาด “ยายเป็นคนที่ไหนหรือ”

ความหมายของคำพูดนี้ก็คือต้องการตรวจสอบนางนั่นเอง

ซ่งอิงไม่กลัวเช่นกัน หยิบใบนำทางของตัวเองออกมาและถอดหมวกที่สวมอยู่

เมื่อมองเห็นรอยแผลเป็นบนใบหน้านาง เจ้าหน้าที่มือปราบผู้นั้นถึงกับตระหนกตกใจหน้าเปลี่ยนสีทันที ก่อนจะกล่าวเพียงแค่ “แท้จริงแล้วเป็น…เสี่ยวซ่าวจื่อ[3] ขออภัยด้วย!”

ใบนำทางเป็นของจริงหรือปลอมก็ไม่ได้ตรวจสอบให้ดีเสียแล้ว

แม้ตระกูลสวี่ค่อนข้างมีอิทธิพล แต่ระบบที่ว่าการอำเภอของเมืองยงนั้นมีความโปร่งใส เมื่อพบว่าไม่มีปีศาจ จึงนำคนกลับไป

หนิวต้าลี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก “เหตุใดคุณหนูสวี่จึงเป็นเช่นนี้ รับปากข้าไว้แล้วแท้ๆ ว่าจะไม่เที่ยวพูดไปทั่ว!”

“ขืนเจ้ายังพูดจาสุ่มสี่สุ่มห้าอีก ได้ถูกจับไปย่างไฟของจริงแน่” ซ่งอิงกล่าวเสียงราบเรียบ “ทะเบียนสำมะโนครัวเป็นของจริงหรือ”

“จริงสิ? เป็นของ…ของผู้อาวุโสตระกูลข้า จะเป็นของปลอมได้ที่ไหนกัน เจ้าดูสิ มีตราประทับของทางการขุนนางด้วย!” หนิวต้าลี่ไม่กล้าพูดจาเหลวไหลแล้วเช่นกัน

คุณหนูสวี่เห็นนางเผยเขาวัวออกมาจึงได้รู้ว่านางเป็นปีศาจ

ซ่งอิงมองนางแวบหนึ่งแล้วถอนหายใจ “หากเจ้าเข้าเมืองมาเพียงเพื่อรักษาบาดแผล ตอนนี้ซื้อยาแล้วก็รีบๆ กลับไปเถอะ”

“ข้าไม่มีเงินซื้อยา คุณหนูสวี่กล่าวว่าจะกลับบ้านไปหยิบเงิน ข้าจึงได้คอยอยู่ที่นี่” หนิวต้าลี่สีหน้าสลด “ไม่มีเงินมันช่างทุกข์ยากลำบากเหลือเกิน อยากจะกินดีๆ หน่อยก็ไม่ได้ ข้ายังคิดว่าจะหางานในตัวเมืองด้วยอยู่เลย!”

———————–

[1] หนิว (牛) แปลว่า วัว

[2] ต้าลี่ (大力) แปลว่า พละกำลังมากมาย

[3] เสี่ยวซ่าวจื่อ (小嫂子) คำเรียกขานหญิงที่แต่งงานแล้วและยังมีอายุเยาว์วัย