ตอนที่ 53: คำเชิญแห่งความตาย

เสี่ยวเฉิงลากชายกล้ามโตไปที่โรงพยาบาลพร้อมกับโยนชายคนนั้นลงพื้นข้างเตียงผู้ป่วย เจ้าหน้าที่หวังเองก็พลันตกตะลึงไม่น้อย

ชายกล้ามโตรีบคุกเข่าและขอโทษขอโพยเจ้าหน้าที่หวังในทันที “ยะ–ยกโทษให้ผมด้วยเถอะนะครับ ผมผิดเอง ผมไม่ควรทำแบบนั้นลงไปเลย…”

ทว่า เจ้าหน้าที่หวังกลับพูดอะไรไม่ออก เขากำลังตกใจและสงสัยว่าเสี่ยวเฉิงไปทำอะไรกับผู้ชายคนนี้มากันแน่

แต่แล้ว ทันทีที่มองไปยังคราบเลือดที่มุมปากของชายกล้ามโต เจ้าหน้าที่หวังก็เข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมดในทันที เสี่ยวเฉิงต้องเอาชนะชายคนนี้ได้แล้วแน่

ถึงกระนั้น ระหว่างมองไปยังชายกล้ามโตที่กำลังคุกเข่าอ้อนวอน เจ้าหน้าที่หวังเองก็ยังคงไม่สบายใจเท่าไหร่นัก

“เอ่อ…”

ทันใดนั้น ชายกล้ามโตก็พลันตบหน้าตัวเองเต็มแรง และนั่นก็ทำให้เจ้าหน้าที่หวังตกใจเช่นกัน

“พี่เฉิง… พี่ไม่เห็นจะต้องทำขนาดนี้เลย”

“หมอนี่กระทืบนายจนต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้มเลยนะ ไม่คิดว่ามันควรจะมาขอโทษหน่อยหรือยังไงกัน? ซี่โครงของนายหักเพราะอะไรกันล่ะ? นี่หวัง… นายถูกคนพวกนี้ทำร้ายก็เพราะเอามอเตอร์ไซค์ของฉันไปขับนะ อันที่จริง มันเป็นความผิดฉันเอง เพราะแบบนั้นแหละ ไม่ว่าชายคนนั้นจะเป็นใคร ฉันก็จะต้องไปลากคอมันมาคุกเข่าขอโทษต่อหน้านายให้ได้! อีกอย่าง ฉันก็รู้มาด้วยว่านายย้ายมาจากเมืองอื่น แฟนก็ยังไม่มี เพื่อนก็ไม่ค่อยเยอะ เพื่อนร่วมงานทุกคนก็ต้องแยกไปทำงานกันหมด นายเองก็ต้องพักฟื้นอยู่ที่นี่อีกตั้งหลายวัน ยังไงเสีย เดี๋ยวไอ้กล้ามโตนั่นจะเป็นคนคอยดูแลนายเอง” เสี่ยวเฉิงพลันเดินไปตบไหล่เจ้าหน้าที่หวังที่กำลังนอนอยู่บนเตียง

“ได้สิ! ได้เลย! ฉันจะดูแลเจ้าหน้าที่หวังเอง! รับประกันความปลอดภัยได้เลย!” ชายกล้ามโตรีบพยักหน้าทันที

“ดูแลเพื่อนร่วมงานของฉันให้ดีด้วยล่ะ เขาจะได้กลับมาทำงานสักที ส่วนเรื่องค่ารักษาในโรงพยาบาล ฉันจะฝากไว้ที่นายก็แล้วกัน” เสี่ยวเฉิงพลันกล่าวคำพูดพร้อมกับหันหน้าไปทางชายกล้ามโตที่เป็นต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด

ชายกล้ามโตพลันหยักหน้าทันที “เข้าใจแล้วครับ ไม่ต้องห่วงเลย เดี๋ยวผมจะจัดการทุกอย่างเอง!”

ในคืนนี้ เสี่ยวเฉิงต่างก็ทำให้ทุกคนต้องตกตะลึงไม่น้อย

ตอนนี้คงจะไม่มีใครอยากสร้างปัญหาให้กับเสี่ยวเฉิงอีกต่อไปแล้ว แค่สิ่งที่เสี่ยวเฉิงทำไปในคืนนี้ มันก็คงเพียงพอแล้วที่จะบอกเป็นนัยกับสมาชิกของแก๊งเต่าดำว่าอย่าได้เข้ามายุ่งอีก

เสี่ยวเฉิงพลันตบไหล่เจ้าหน้าที่หวังพร้อมกับเผยยิ้ม “หายไว ๆ นะ จะได้กลับมาทำงานด้วยกันอีก”

เจ้าหน้าที่หวังพลันพยักหน้า “ขอบคุณมากเลยพี่เฉิง”

หลังจากที่เสี่ยวเฉิงเดินออกมาจากโรงพยาบาล เขาก็พลันสังเกตเห็นรถสปอร์ตคันหนึ่งจอดอยู่ข้างรถกะบะตำรวจ ทั้งพี่ใหญ่หลินและน้องชายคนเดิมต่างก็กำลังยืนยกนิ้วโป้งให้เสี่ยวเฉิงอยู่ตรงนั้น

“ฉันได้ยินมาว่านายไปถล่มรังลับของพวกแก๊งเต่าดำจนเละไม่เหลือซากเลยนี่… ฉันว่าตอนนี้คนกว่าครึ่งเมืองน่าจะเริ่มรู้จักชื่อของนายแล้วนะ โดยเฉพาะอีกสามแก๊งที่เหลือ ผ่านมาแค่ไม่กี่วันเอง นายก็สามารถเล่นงานสองในสี่ของแก๊งสี่จตุเทพได้แล้ว แถมยังทำให้แก๊งเต่าดำกลับไปอยู่ในจุดต่ำสุดของประวัติศาสตร์ได้อีกด้วย ฉันยอมรับเลย แต่ยังไงก็เถอะ ตอนนี้นายกำลังทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตรายครั้งใหญ่หลวงเลยล่ะ…”

ทว่า เสี่ยวเฉิงเองก็ไม่ได้สนใจสิ่งที่พี่ใหญ่หลินพูดออกมาเลยแม้แต่น้อย “อันตรายจากไหนกัน?”

“ฉันได้ยินมาว่าหัวหน้าใหญ่ของแก๊งเต่าดำที่ตัดขาดจากโลกภายนอกไปแล้วกำลังจะกลับมา เขาจะกลับมาจัดการกับนายนี่แหละ” พี่ใหญ่หลินกล่าว

“หัวหน้าใหญ่ของแก๊งเต่าดำ?” เสี่ยวเฉิงพลันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

“อ่า เขาเป็นคนก่อตั้งแก๊งเต่าดำตัวจริงเสียงจริงเลยล่ะ ย้อนกลับไปเมื่อสมัยที่ประเทศยังไม่มีอำนาจแล้วก็กฎหมายมากนัก มันยังเป็นเพียงแค่ยุคแห่งการใช้พละกำลังในการกดขี่ หัวหน้าใหญ่ของแก๊งเต่าดำคนนี้เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการป้องกันตัวที่มีลูกศิษย์เยอะมากเลยล่ะ แต่พอลูกศิษย์ทุกคนออกมาทำงานให้กับแก๊งเต่าดำ เขาก็ตัดขาดจากโลกภายนอกไปในทันที ประมาณว่าเป็นเหมือนฤๅษีที่กำลังจำศีลอะไรทำนองนั้นเลย นับตั้งแต่วันนั้น เขาเองก็ไม่ได้มีส่วนแก๊งข้องอะไรกับแก๊งเต่าดำอีกเลย ยังไงก็เถอะ การที่นายไปพูดว่าแก๊งเต่าดำควรจะถูกยุบไปเสียคงจะไปกระตุกจิตกระชากใจหัวหน้าใหญ่เข้าแหละ ที่ฉันมาบอกเรื่องนี้ก็เพราะแอบชื่นชมในความกล้าหาญแล้วก็ฝีมือของนาย แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้านายได้รับคำเชิญพิฆาตแห่งความตาย อย่าได้ตอบตกลงเชียวล่ะ จำที่ฉันบอกเอาไว้ให้ดีด้วย”

“คำเชิญพิฆาตแห่งความตาย? มันคืออะไรกัน?” เสี่ยวเฉิงพลันถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น