ตอนที่ 39

Earth’s Best Gamer

หลังจากสังเกตเห็นว่าจีเย่และหลู่จือเซินไม่ได้กลับมา ทีมชนพื้นเมืองจึงไปที่ป่าบนภูเขาเพื่อมองค้นหาพวกเขา

ทางด้านของมนุษย์อินทรี พวกมันได้แบกศพหมีและหายตัวไปก่อนที่จะโยนร่างของสมาชิกที่เสียชีวิตลงไปในหน้าผา บางทีนี่อาจเป็นวิธีที่พวกมันแสดงความเคารพต่อผู้เสียชีวิต หรือไม่ก็พวกมันอาจจะไม่สนใจอะไรเลย

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร จีเย่และหลู่จือเซินต่างเห็นพ้องกันว่าพวกเขาควรระมัดระวังเพื่อนบ้านใหม่ของพวกเขา

ท้ายที่สุดแล้ว มันมีโอกาสมากที่พวกเขาจะรู้วิธีที่จะได้รับ ‘หัวใจแห่งการรู้แจ้ง’ มากขึ้นซึ่งก็คือการสังหารเผ่าอื่น ด้วยเหตุผลนี้พวกเขาจึงไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ

วิญญาณแห่งอารยธรรมที่เกิดจากศพมนุษย์อินทรีลอยเข้าไปในมือของหลู่จือเซิน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะเสียมันไป ในกรณีนี้พวกเขาจำเป็นต้องหา ‘ไอเทมบูชายัญ’ อีกหนึ่งชิ้นเพื่ออัญเชิญสมาชิกคนอื่นมาเข้าร่วมถิ่นฐาน

กล่าวอีกนัยหนึ่ง การทำสงครามกับเผ่าและมอนเตอร์อื่นเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มขนาดกลุ่มของพวกเขา

ตอนนี้เวลาก็เกือบค่ำแแล้ว จีเย่ไปหาชนพื้นเมืองหลายคนเพื่อให้พวกเขาเฝ้าดูบริเวณหน้าผาจากระยะที่ปลอดภัยก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับไปที่ถิ่นฐานกับหลู่จือเซิน

อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ไม่เห็นการเคลื่อนไหวใดจากมนุษย์อินทรีซึ่งไม่ได้พยายามที่จะล้างแค้นให้กับสมาชิกที่ถูกสังหารไป บางทีพวกเขาอาจไม่สนใจเกี่ยวกับการสูญเสียสมาชิกเพียงคนเดียวหรือสองคน หรือบางทีพวกเขาอาจพยายามรวบรวมทรัพยากรและพัฒนาก่อนที่จะขยายอาณาเขตของพวกเขา

เมื่อพูดถึงทรัพยากร จีเย่ได้ขอให้บางคนไปปล้นถ้ำลิงให้เกลี้ยงก่อนที่จะมุ่งหน้าไปที่ทะเลสาบงูพร้อมกับหลู่จือเซิน ที่นั่นพวกเขาพบว่าน้ำพุที่ถูกเติมให้เต็มตลอดเวลาได้กลายเป็นสมบัติระดับวิสามัญอันดับ 1 ที่มีชื่อว่า ‘วารีเหมันต์’ นอกจากนี้ยังมี ‘แร่เหล็กเหมันต์’ ซ่อนอยู่ด้านล่างของทะเลสาบซึ่งสามารถใช้ในการสร้างอาวุธที่มีคุณภาพได้

การค้นพบนี้ได้ยืนยันทฤษฏีของจีเย่ พวกเขาสามารถค้นหาทรัพยากรที่มีประโยชน์มากมายที่กระจายอยู่รอบที่ซ่อนของมอนเตอร์ มนุษย์อินทรีเหล่านั้นน่าจะเป็นหมีที่มีปีกเพื่อจุดประสงค์เดียวกัน

โดยไม่เสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว จีเย่และหลู่จือเซินได้ส่งชนพื้นเมืองจำนวนมากขึ้นเพื่อค้นหารอบภูเขามังกรคู่เพื่อที่พวกเขาจะได้พบกับมอนเตอร์ระดับวิสามัญตัวอื่นเพื่อล่า ในขณะเดียวกันจีเย่ก็อยู่ในถิ่นฐานเพราะมันเกือบจะได้เวลาที่ ‘ผู้ทดสอบ’ กลุ่มที่สองจะเข้าสู่ดินแดนแห่งมรดก เขาต้องการสรุปว่ามีผู้เล่นใหม่คนไหนปรากฏในพื้นที่ของเขาบ้าง

ด้วยความผิดหวังของเขา เขาไม่เห็นใครมาถึงแม้กระทั่งรอจนถึงเที่ยงคืน

หลังจากใช้เวลาอีกวันเพื่อรออย่างไร้ประโยชน์ เขาจึงเลือกที่จะออกจากระบบและกลับสู่โลกจริง

“…คุณจีเย่ สิ่งที่คุณให้มาคือความรู้ที่สำคัญมาก เบื้องบนขอแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจสำหรับความพยายามของคุณ”

ครึ่งชั่วโมงต่อมา จีเย่กำลังมีการประชุมลับภายในฐานผู้เล่นของเมืองหยาง

ไม่มีผู้เล่นคนใดกล่าวถึงการสังหาร ‘ผู้เล่นมนุษย์ต่างดาว’ จนถึงตอนนี้ ทันทีที่พวกเขาได้ยินรายงานของจีเย่ สำนักงานสมาพันธ์ก็ถือว่าเรื่องนี้เป็นความลับสุดยอดทันที

หลังจากที่ได้เรียนรู้ว่าการสังหาร ‘เผ่ามนุษย์ต่างดาว’ ทำให้ได้รับหัวใจแห่งการรู้แจ้ง ผู้เชี่ยวชาญสองสามคนในปัจจุบันก็แสดงความกังวลทันทีเมื่อตระหนักถึงความหมายของเรื่องนี้

จีเย่ไม่ได้ถือสาอะไรเมื่ออธิบายสิ่งที่เขาได้เรียนรู้ เท่าที่เขาเข้าใจ การทำทุกอย่างแบบตรงไปตรงมานั้นทำให้สิ่งต่างๆ ง่ายขึ้น

หลังจากการประชุม ผู้อำนวยการโจวก็ได้เข้ามาหาเขาและยื่นข้อเสนอให้อย่างจริงจัง “คุณจีคิดจะย้ายออกจากฐานมั้ย? เราจะหาที่ที่ปลอดภัยกว่าที่นี่ให้คุณ”

ผู้อำนวยการสั่งให้หลิงเฉินไปที่นั่นอีกครั้งและพาจีเย่กลับไปที่ห้องของเขาในกรณีที่จีเย่จะย้ายไปที่ใหม่

“คุณจีเย่ ทำให้ฉันถึงรู้สึกว่าฉันจะยุ่งทุกครั้งที่คุณกลับมา?” หลิงเฉินบ่นอย่างติดตลกในขณะที่เดินไปตามโถงทางเดิน

หลิงเฉินเคยเชื่อว่างานรักษาความปลอดภัยค่อนข้างผ่อนคลายเพราะผู้เล่นที่มารวมตัวทั้งหมดเป็นคนที่มีอารยธรรม อย่างไรก็ตามจีเย่ก็ได้พิสูจน์ว่าเขาทำพลาดหลายครั้งแล้ว

แน่นอนว่าเขาไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการประชุม ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าจีเย่เพิ่งค้นพบอะไรบางอย่างซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้รัฐบาลประหลาดใจ

เพื่อไม่ทำให้เรื่องมันแย่ลง ผู้อำนวยการโจวกำลังยุ่งกับตัวเองและเตรียมการใหม่ สำหรับหลิงเฉินเขาอาจจะถูกส่งไปยังฐานของผู้เล่นที่ได้รับการปกป้องที่ดีกว่าและกลายเป็นผู้ประสานงานทางโทรศัพท์กับผู้เล่นคนสำคัญ

“นายต้องการได้รับเลือดให้เป็นผู้เล่นมั้ย?” จีเย่กล่าวติดตลก “ด้วยวิธีนี้ คุณก็ไม่จำเป็นต้องวิ่งรอบฐานทุกวันเพราะคุณจะไม่มีเวลาทำแบบนั้นอีกต่อไป”

มันไม่ใช่เรื่องตลกเพราะจีเย่รู้ว่าเขาจะยุ่งมากขึ้นในแต่ละวันหากเป็นแบบนี้ต่อไป จากนั้นเขาจะต้องคอยเฝ้าระวังการรุกรานตลอดเวลา ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาต้องใช้เวลาในการฝึกฝน

“จะมีผู้เล่นใหม่งั้นเหรอ?” หลิงเฉินขมวดคิ้ว “อย่างน้อยฉันก็ยังไม่ได้ยินว่ามีอะไรปรากฏออกมา มีคนในฟอรั่มสงสัยว่าผู้ทดสอบกลุ่มที่สองเป็นเพียงข่าวลือที่ไม่มีมูล”

“ฉันคิดว่าจะถึงเวลาที่กำหนดแล้ว” จีเย่ส่ายหัว “ไม่อย่างนั้นคำอธิบายของภารกิจจะไม่กล่าวถึงสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้อง ฉันคิดว่าเราอาจจะพลาดอะไรบางอย่าง ไม่มีใครบอกว่าผู้เล่นใหม่จะมาถึงทันทีที่ภารกิจการตั้งถิ่นฐานสิ้นสุดลง เราก็แค่สันนิษฐานเท่านั้น”

“บางทีสำหรับผู้เล่นเอง ฉันอยากรู้ว่าพวกเขาจะถูกเลือกโดยวิธีไหน พวกเขายังต้องเป็นมืออาชีพมั้ย? หากเป็นเช่นนั้นจะมีปัญหาอีกมากตามมา”

อันที่จริง ทางสมาพันธ์ได้ส่งการแจ้งเตือนไปแล้วเพื่อเตือนผู้คนเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะเกิดการประท้วงหรือสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าตอนนี้หากคนส่วนใหญ่เห็นว่ากระบวนการคัดเลือดผู้เล่นไม่ยุติธรรม คนที่ดูแลความปลอดภัยไม่ได้นอนมา 24 ชั่วโมงแล้ว

“ตามสามัญสำนึก การปล่อยให้คนที่มีทักษะที่เหมาะสมสร้างถิ่นฐานในระยะแรกเป็นทางเลือกที่ฉลาดมาก” จีเย่กล่าว

ในฐานะคนที่เพิ่งพบเห็นศัตรูที่มีศักยภาพ จีเย่เชื่อว่ามนุษย์ต้องพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญเพื่อชนะสงคราม การสุ่มคนจากคนทั่วไปเข้าไปในดินแดนแห่งมรดกจะทำให้สิ่งต่างๆ แย่ลง

อย่างไรก็ตามการแจ้งเตือนความปลอดภัยยังมาพร้อมกับเหตุผล หาก ‘คนทั่วไป’ ที่เหลืออยู่ในโลกจริง ใครจะเป็นคนที่ควบคุมพวกเขาล่ะ? มันจะเป็นเรื่องยุ่งเหยิงเมื่อกลุ่มผู้เชี่ยวชาญหนึ่งล้านคนกลุ่มแรกได้ละทิ้งโลกไป การพลาดมากขึ้นอาจทำให้เกิดความโกลาหลใหญ่ขึ้นเท่านั้น

เพล้งง!

ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงบางอย่างแตกออกจากกันในห้องใกล้ๆ

“บัดซ* ฉันบอกแล้วไงว่าฉันมีบาดแผลทางจิตใจ ทำไมคุณถึงบอกว่าไม่มี? คุณบอกว่าสุขภาพจิตใจของฉันดีงั้นเหรอ? คุณจิตแพทย์ที่ไร้ประโยชน์! คนรวบจ่ายเงินให้คุณเพื่อปลอมหลักฐานใช่มั้ย แต่คุณไม่สามารถบังคับฉันได้ในเมทื่อฉันมีปัญหาทางด้านจิตใจจริง”

แก้วน้ำเก็บความเย็นถูกเหวี่ยงมาจากประตูใกล้ๆ และเกือบโดนหลิงเฉิน

Fanpage : ผีเสื้อกลางคืน