บทที่ 239 บาดเจ็บกลับมา

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 239 บาดเจ็บกลับมา

บทที่ 239 บาดเจ็บกลับมา

เธอหน้าซีดอ้าปากค้างอย่างหมดหนทางได้แต่มุ่งหน้าไปที่ราบอันไกลโพ้น แม้ว่าตอนนี้เธอจะอยู่ในทุ่งหญ้าริมแม่น้ำแต่รอบข้างก็มีแต่ภูเขาเธอที่ตาเริ่มมองไม่เห็นได้แต่ไปที่ราบ

เธอวิ่งไปถึงที่ขอบของภูเขาจู่ๆ ก็มีบางเสียงดังขึ้นภูเขาหินเริ่มสั่นสะเทือน หินก้อนใหญ่กลิ้งลงมาจากยอดเขาหิน เมื่อครู่เธอใช้พลังดวงดาวไปจนหมดตอนขึ้นมาจากน้ำ ร่างกายเองก็บาดเจ็บจากพิษ

แต่เธอต้องมาเจอกับหินถล่มนี้อีก หลังจากถอนหายใจเธอก็ต้องวิ่งพร้อมกับคอยหลบหินไปด้วย อย่างไรก็ตามหินยังคงกลิ้งลงมาจากด้านบนและกระแทกโดนเธอ 2-3 ครั้ง

ตอนแรกเธอยังไม่เป็นไรมากแต่หลังจากโดนกระแทกอีก 2-3 ครั้งเธอก็บาดเจ็บสาหัส แต่ในที่สุดเธอก็หลบหนีจากหินถล่มนี้มาได้ เธอลูบหน้าอกเบาๆ เธอรู้สึกว่าถ้าเธอยังไม่ตายก็ถือว่าโชคดี

หลังจากปรับลมหายใจให้กลับมาเป็นปกติ เธอก็พยายามพักฟื้นพลังให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้จากนั้นเธอก็เดินต่อไปยังทะเลทราย เมื่อเธอมาถึงทะเลทราย เธอยังไม่ทันได้เจอกับกองกำลังดังกล่าว เธอกลับได้ยินข่าวที่ทำให้คนฟังต้องหวาดกลัวเข้าเสียก่อนนั้นก็คือ….พายุทะเลทราย!

จนตอนนี้เธอรู้สึกชื่นชมความโชคดีของตัวเธอมาตลอดแต่ มันจบแล้ว

เธอสงสัยนักว่าเธอไปทำอะไรให้สวรรค์โกรธรึเปล่า ถึงได้โชคร้ายติดๆกันอย่างนี้ แน่นอนว่าเธอไม่มีทางเชื่อมโยงเรื่องนี้กับฉู่เหิน สุดท้ายแล้วฉู่เหินก็เป็นเพียงตัวประกอบเล็กๆ ในสายตาของเธอเท่านั้น!

เพื่อหลีกเลี่ยงพายุทรายนี้เธอต้องใช้พลังทั้งหมดที่มี เธอใช้วิชาโลหิตเพื่อสร้างโอกาสหนีจากทะเลทรายแห่งความตาย อย่างไรก็ตามหลังจากที่เธอใช้วิชาโลหิตหนีเธออ่อนแอลงจากปกติมากยังดีที่เธอไม่ตาย

ผ่านไปหนึ่งวันอาการบาดเจ็บทั้งหมดก็ฟื้นฟู เธอไม่รู้เลยว่าเมื่อตอนที่กำลังรักษาตัวเองอยู่ด้านนอกนั่น ฉู่เหินก็ได้ทะลวงขอบเขตสู่ขั้นเต๋าอย่างแท้จริงแล้ว เธอนึกว่าฉู่เหินที่ถูกขังอยู่ในคุกน้ำจะยอมจำนน เธอไม่คาดคิดเลยว่ามันจะกลายเป็นสถานที่ฝึกวิชาสำหรับฉู่เหินแทน

หลังจากหายจากอาการบาดเจ็บ 7-8 ส่วนแล้ว เธอก็กลับไปในทะเลทรายอีกครั้ง ในที่สุดเธอไม่ได้พบกับพายุทะเลทรายอีกเธอจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลังจากเดินทางมาถึงทะเลทรายเพื่อพบกองกำลังอันทรงพลังเพียงคนเดียว อีกฝ่ายก็รอต้อนรับเธออยู่แล้ว เมื่อเธอตรงเข้าไปขอให้คืนสิ่งของมา กองกำลังใหญ่ในทะเลทรายก็ตอบกลับมาอย่างดูถูก

พวกเขานึกว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้านี้กำลังตั้งใจดูถูกพวกเขาอยู่ แม้ว่าพลังของพวกเขาจะไม่ได้แข็งแกร่งและไม่ได้มีประวัติยาวนานนัก แต่พวกเขาทำเรื่องเลวทรามต่ำช้ามาไม่น้อย โดยเฉพาะการปล้นสะดมของพรรคอื่นๆ เรื่องทั้งหมดไม่ใช่เรื่องที่พูดซี้ซั้วขึ้นมาแต่อย่างใด

คุยถูกคอดื่มเหล้าพันจอกก็ไม่ถือว่าเยอะ คนไม่ถูกจริตพูดครึ่งคำก็ถือว่าเยอะแล้ว* ใครก็จะคิดว่าท่าทางเกรงใจเมื่อครู่จะเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วในพริบตา อีกนิดก็เกือบจะลงมือกันแล้วด้วยซ้ำ! แต่กองกำลังทะเลทรายก็ยังสามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดี พวกเขายังไม่โจมตีก่อน (*酒逢喜事千杯少,话不投机半句多 เปรียบเทียบว่า ถ้าพูดกับคนที่ชอบต่อให้พูดนานเท่าไรก็ไม่รู้สึกเบื่อ กลับกันคุยก็คนที่ไม่ชอบพูดแค่ครึ่งคำก็ไม่อยากจะพูดด้วยแล้ว)

ภายในทะเลทรายแห่งนี้คือดินแดนของพวกเขา ใครกล้าจะมีอิทธิพลเหนือพวกเขาในดินแดนนี้? ช่างไม่ดูสถานการณ์เอาเสียเลย! พรรคกระบี่แห่งเทียนซานมีประวัติอันยิ่งใหญ่ที่สืบทอดมานานเกือบพันปี แต่กลุ่มโจรทะเลทรายของพวกเขาก็ใช่ว่าจะไม่มีอะไรเลย! หากเปรียบเทียบอายุกันแล้วเกรงว่าคงเทียบกับพรรคกระบี่แห่งเทียนซานไม่ได้ แต่ก็แค่ประวัติและชื่อเสียงไม่นับเป็นอะไรเลย!

หลังจากการสนทนาอยู่สักพัก ต่างฝ่ายต่างก็คุมเชิงกันอยู่เป็นความรู้สึกที่ทั้งไม่ต้อนรับแต่ก็ไม่ผลักไสไล่ส่ง หลังจากที่เม่ยซานเหนียงกำลังจะกลับเธอคิดจัดเตรียมกองกำลังชายหญิงถือปืนจริงมุ่งหน้าสู่ทะเลทรายมาอีกครั้ง เธอได้เห็นความแข็งแกร่งของอีกฝั่งในระหว่างเดินทางมาทะเลทรายแห่งนี้ ความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายไม่สามารถมองข้ามได้ หากทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันจริงๆ มันจะส่งผลให้เกิดการสูญเสียอย่างมากกับทั้งคู่ เธอต้องกลับไปเตรียมตัวให้พร้อมมากกว่านี้

อย่ามองว่าเธอนั้นใจร้อน ที่จริงในจิตใจของเธอเยือกเย็นมาก เธอกลัวว่าจะมีบุคคลที่สามโผล่ออกมาฉวยโอกาส หากเป็นเช่นนั้นจริงคนนั้นจะต้องฉลาดมาก คนที่สามารถเคลื่อนไหวภายใต้สายตาอันยิ่งใหญ่ของกองกำลังทะเลทรายไม่ใช่คนธรรมดาแน่

ดังนั้นเธอจึงต้องรีบกลับไปให้เร็วที่สุดเพื่อหารือทุกอย่างกับศิษย์พี่ก่อนที่จะตัดสินใจลงมือ หลังจากที่เธอออกจากทะเลทราย เธอก็พบทันทีว่ามีคนดักซุ่มโจมตีอยู่ข้างหน้า เธอรู้สึกว่าสัมผัสแบบนี้มันคล้ายๆกับเหล่ากองกำลังแห่งทะเลทรายเมื่อกี้

เรื่องนี้มันชักจะสับสนขึ้นมาอีกครั้ง คู่ต่อสู้ไม่ให้เวลากับเธอมากนัก เหล่าผู้มีฝีมือสูงส่งยังอยู่ที่เดิมไม่ลงมือใดๆ แต่ยืนเงียบๆ อยู่ข้างหลังแต่ตอนนี้มีคนนับร้อยกว่าคนที่ยืนล้อมรอบตัวเธออยู่

แต่คนหลายร้อยคนนี้ไม่ได้เก่งอะไรเท่าไร ในการต่อสู้ตอนที่คุณถูกฆ่าตายใครจะบอกได้ว่าคุณตายด้วยอะไร ดังนั้นเธอมีแต่ต้องสู้เท่านั้น!

เม่ยซานเหนียงถือได้ว่าเป็นคนมีฝีมือหาตัวจับได้ยาก ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังจะลงมือ เธอก็สะบัดมือจู่ๆกล่องใบหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมา ทันใดนั้นกล่องเล็กๆ ก็เปิดออกต่อหน้าผู้คนที่วิ่งเข้ามา เข็มเหล็กจำนวนมากจากในกล่องใบเล็กยิงออกมาอย่างไม่หยุด

เข็มเหล็กแต่ล่ะเล่มทอประกายแสงสีขาวภายใต้ดวงอาทิตย์ ที่สำคัญคือมันรวดเร็วมาก ไม่มีโอกาสให้ที่ผู้คนเหล่านี้ได้ตอบโต้ เข็มเหล็กยิงออกมาอย่างต่อเนื่อง บางคนมีอาวุธเวทมนตร์ป้องกันที่ทรงพลังก็เลยไม่เป็นอะไรแต่มีหลายบางคนที่โดนเข็มเหล็กเข้าอย่างจัง!

เข็มเหล็กที่มีความยาว 1 นิ้วนี้มีพิษร้ายแรงมาก สามารถเห็นได้จากรอยเลือดคั่งที่คอพวกมัน! ผู้ที่ถูกโจมตีพ่นฟองออกมาเต็มปากของพวกเขา เพียงไม่กี่ลมหายใจ จากนั้นร่างกายของเขาก็กระตุกงอล้มลงบนพื้นพร้อมๆ กับลมหายใจที่ค่อยๆ จางหายไป

เข็มเหล็กไร้เงาที่เธอถืออยู่ในมือฆ่าคนไปมาก แต่ท้ายที่สุดอีกฝ่ายก็เตรียมพร้อมไว้แล้ว พวกเขามีคนหลายร้อยฆ่าไม่หมดง่ายๆ ครั้งนี้พวกเขาไม่รีบร้อนกระจายตัวกันออกไป ก่อนที่พวกเขาจะโบกมือ ธนูหน้าไม้ก็ปรากฏในมือของพวกเขา

เพียงเหนี่ยวไกเบาๆ ศรก็พุ่งมาจากหน้าไม้ หน้าไม้ไม่เร็วเท่ากับเข็มเหล็กไร้เงา แต่ก็ยากจะต้านทาน ผู้คนหลายร้อยคนยิงธนูออกมาในเวลาเดียวกัน หน้าไม้นับพันปรากฏขึ้นกลางอากาศในทันที

ลูกศรธนูนับพันเชื่อมต่อกันเป็นหนึ่งเดียวราวกับว่าเป็นลูกศรแห่งสายฝน ด้วยฝนลูกศรที่หนาแน่นเช่นนี้ไม่ว่าเม่ยซานเหนียงจะเก่งกาจมาจากไหนเธอก็ไม่สามารถหลบได้ทั้งหมด เธอรู้แล้วว่าถ้าเธอตั้งสู้ต่อเธออาจตายได้ เธอต้องยอมเสียสละเลือดเนื้อบ้างแล้ว!

แม้ว่าเธอจะหลบได้อย่างรวดเร็ว แต่เธอก็ยังถูกลูกธนูยิงนับสิบดอก

หน้าไม้ชนิดนี้ถือว่าคมมาก ตอนนี้เธอใกล้ตายแล้ว เม่ยซานเหนียงกระโดดขึ้นบนท้องฟ้าและใช้ความสามารถสร้างโล่ป้องกันร่างกาย แต่เธอก็ไม่คิดว่ามันจะถูกเจาะทะลุโดยหน้าไม้อย่างง่ายดาย

หลังจากกรีดร้องออกมา เธอก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ความเร็วของเธอรวดเร็วจริงๆ พริบตาเดียวก็สามารถหนีออกมาไกลได้เกือบพันลี้หลังจากที่เธอหยุดลง ใบหน้าของเธอก็ซีดเหมือนกระดาษและร่างของเธอเต็มไปด้วยเลือด ในขณะเดียวกันก็มีลูกศรหลายดอกปักอยู่บนร่างกายของเธอ! การปะทะกันครั้งนี้ช่างน่ากลัวจริงๆ

หลังจากติดต่อไปหาศิษย์พี่ เธอก็ต้องหนีการตามล่ากว่า 7 วัน 7 คืน!! อาจจะกล่าวได้ว่าคราวนี้ถ้าเธอไม่ตายก็หมายความว่าเธอโชคดีมากจริงๆ ที่ยังสามารถรักษาชีวิตน้อยๆ ของเธอไว้ได้

ศิษย์ที่ถูกส่งมาช่วย อุ้มเธอวางไว้บนเปลก่อนหามกลับไปที่พรรค ตอนนี้จิตใจของเธอ ตรงกับคำที่ว่า เมื่อออกจากบ้านไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อกลับมาคุณอาจตื้นตันจนเสียน้ำตา เธอมองดูสถานที่ที่คุ้นเคย ที่ๆเธอฝึกวิชามาตลอดเม่ยซานเหนียงอยากจะร้องไห้ออกมาและเปิดปากพูดอะไรบางอย่าง แต่เธอไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี

ด้วยความบังเอิญในตอนนั้นเอง ท่ามกลางฝูงนกที่บินอยู่กลางอากาศจู่ๆก็มีนกตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งตกลงมาใส่หน้าเธอเต็มๆ !