ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง…
โชคดีที่ข้ามากับผู้อาวุโสว่านหลินหยุน…
หากข้าไม่อาจรั้งผู้อาวุโสเอาไว้ได้ ชายชราคนนี้คงจะพุ่งตรงไปข้างหน้าจริงๆ และจะเผชิญหน้ากับกลุ่มคนทรงพลังกลุ่มนั้นอย่างแน่นอน!
สถานที่แห่งนี้อยู่ห่างจากสำนักตู้เซียนสองพันห้าร้อยลี้ ซึ่งเกินกว่าขอบเขตตรวจจับของสำนักตู้เซียน
ตามกฎของดินแดนเทวะบูรพา ทรัพยากรและเส้นชีพจรวิญญาณที่อยู่ห่างจากสำนักตู้เซียนไปไม่เกินสองพันลี้จะเป็นของสำนักตู้เซียน
ในระยะที่ละเอียดอ่อนนี้ คู่ต่อสู้ยังคงจงใจตั้งค่าค่ายกลซ่อนเร้นและค่ายกลอำพรางที่ชาญฉลาดในตำแหน่งที่สำนักตู้เซียนไม่สามารถตรวจจับได้…
เช่นนี้ ต้องเป็นการกระทำของคนในนั้นที่เป็นปัญหาแน่แล้ว!
แต่ดูเหมือนจะเป็นการกดดันเล็กๆ เพื่อสร้างความบาดหมาง
อย่างไรก็ตาม…
เมื่อผู้อาวุโสว่านหลินหยุนหยิบอาวุธเวทที่ดูเหมือนปลาแฝดหยิน-หยางออกมา และพาตุ๊กตากระดาษจำแลงกายหลี่ฉางโซ่ว เข้าไปในค่ายกลใต้ดินอย่างเงียบๆ…
ถ้าไม่ใช่เพราะปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วของหลี่ฉางโซ่วที่ทำให้เขาสามารถหยุดว่านหลินหยุนซึ่งเป็นเซียนเทียนระดับสูงได้ ว่านหลินหยุนก็คงจะพุ่งออกไปแล้วร้องคำรามอย่างโกรธจัดว่า ‘เจ้าเดรัจฉาน เจ้ากำลังรนหาที่ตายแล้ว!’
หากไม่มีหลี่ฉางโซ่ว ลมปราณปีศาจภายในกายว่านหลินหยุนก็คงจะพุ่งขึ้นและสะสมกรรมชั่วเพิ่มขึ้นอีกอย่างแน่นอน
เวลานี้มีปีศาจใหญ่ขอบเขตเซียนเสิ่นและเซียนเทียนหลายสิบตัวอยู่ในค่ายกลนั้น
นอกจากนั้น ยังมีคนอีกกว่าร้อยคน ส่วนใหญ่อยู่ในขอบเขตเซียนเสิ่น และมีมากกว่าสิบคนที่อยู่ในขอบเขตเซียนเทียน…
ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนหันศีรษะไปจ้องมองหลี่ฉางโซ่ว และขณะที่กำลังจะกล่าวออกมา หลี่ฉางโซ่วทำท่าทางให้อีกฝ่ายเงียบๆ ก่อนทันที
จากนั้น เขาก็หยิบจี้หยกสองอันออกมาแล้วยื่นให้ผู้อาวุโสว่านหลินหยุน
มันคือ ‘หยกเสียงหัวใจ’ หนึ่งในเครื่องประดับเล็กๆ ที่หลี่ฉางโซ่วทำขึ้นมา
เมื่อถือจี้หยกนี้ ทั้งสองฝ่ายจะสามารถสื่อสารกันได้ผ่านกระแสจิตโดยไม่เกิดความผันผวนของพลังเซียน พลังศักดิ์สิทธิ์ พลังต้นกำเนิด และลมปราณ พวกมันทั้งหมดจะถูกปกปิดเอาไว้ได้อย่างดีเยี่ยม
แต่มีข้อเสียคือ พวกเขาจะต้องไม่อยู่ห่างกันมากเกินไป
หลี่ฉางโซ่วส่งข้อความผ่านกระแสจิตว่า “ท่านผู้อาวุโส ท่านเพียงนึกถึงสิ่งที่ต้องการจะพูดในใจของท่าน ศิษย์จะได้ยินมันเองขอรับ”
“อา! ฉางโซ่ว เหตุใดเจ้าถึงหยุดข้าเล่า!!”
ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนกัดฟันชั่วขณะหนึ่งและกล่าวในใจว่า “เมื่อข้าสังหารปีศาจเหล่านี้ ข้าจะฆ่าพวกสวะที่เกี่ยวข้องกับพวกมันทั้งหมดด้วย!
“ท่านผู้อาวุโสโปรดสงบใจ อย่าวู่วามไป…โปรดสงบใจก่อนขอรับ ความหุนหันพลันแล่นจะกระตุ้นมารขอรับ!”
หลี่ฉางโซ่วรีบกล่าวว่า “ท่านผู้อาวุโส ท่านบอกข้าได้หรือไม่ว่าท่านคิดจะฆ่าปีศาจเหล่านี้อย่างไร”
“แน่นอนว่า ข้าจะใช้ทักษะเวทรวมถึงโอสถพิษของข้า!”
“แค่ลุยไปข้างหน้าเลย?”
“เมื่อพูดถึงการลอบโจมตี เราต้องเริ่มการโจมตีอย่างรุนแรงฉับไวก่อน และกำจัดผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขาสักหนึ่งหรือสองคนทันที!”
บางทีผู้อาวุโสว่านหลินหยุนอาจรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่สังเกตเห็นเขา ในเวลานี้เขาพลันสงบสติอารมณ์และเตือนหลี่ฉางโซ่วว่า “เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ในอนาคต ฉางโซ่ว เจ้าอย่าได้วู่วาม เจ้าจะตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน หากถูกปิดล้อมอย่างหนัก”
“แต่ข้าไม่กลัว! ยิ่งพวกมันอยู่ใกล้ข้ามากเท่าใด โอสถพิษและทักษะพิษของข้าก็จะยิ่งได้ผลมากขึ้นเท่านั้น!”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวในใจว่า “แต่ท่านผู้อาวุโสโปรดลองคิดดูก่อน จะเกิดอันใดขึ้น หากท่านได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตที่นี่ พวกมันมีจำนวนมากกว่าเรา และนี่คือปัจจัยหนึ่งนะขอรับ”
“พวกเราสัมผัสได้เพียงขอบเขตของพวกมันเท่านั้น หากมีเซียนจินซ่อนตัวอยู่ที่นี่และจงใจหลอกล่อพวกเราให้ติดกับ นี่ก็คือสิ่งที่สองที่ต้องพึงระวังนะขอรับ…”
ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่า ใบหน้าชราที่หารอยยิ้มไม่ได้ของเขาจะเผยท่าทีครุ่นคิดอยู่ลึกๆ ออกมา
คำพูดของฉางโซ่วก็มีหตุผล
และในที่สุด หลี่ฉางโซ่วก็ยังคงเกลี้ยกล่อมได้สำเร็จ
“ท่านผู้อาวุโส อีกสักครู่ ท่านจะต้องได้ปล่อยพลังออกมาอย่างแน่นอน ด้วยทักษะเวทที่ท่านสอนข้าและโอสถพิษที่ท่านสะสมมานับหมื่นปี ย่อมไม่มีปัญหาในการฆ่าศัตรูเหล่านี้ขอรับ”
“แต่จะเกิดอะไรขึ้น หากพวกเขารู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติและหลบหนีกระจัดกระจายไปทุกทิศทาง นั่นจะไม่เป็นการทิ้งอันตรายที่ซ่อนเร้นอยู่เอาไว้ในสำนักหรือขอรับ และนี่ก็คือปัจจัยที่สามที่เราต้องพิจารณานะขอรับ”
“นั่นก็จริง” ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนเห็นด้วย
หลี่ฉางโซ่วกล่าวเสริมอีกว่า “แม้จะมีเซียนเทียนมากมายที่นี่ แต่ก็มีมนุษย์ ปีศาจ และวิญญาณด้วย ท่านผู้อาวุโสดูเอาสิขอรับ ผู้คน ปีศาจ และวิญญาณล้วนแต่นั่งกระจายปะปนกันไปในที่แห่งนี้ แต่ไม่มีการสื่อสารระหว่างกัน หากเป็นภายใต้สถานการณ์ปกติ มนุษย์ไม่ควรใกล้ชิดกับมนุษย์ด้วยกันมากกว่า ในขณะที่ปีศาจก็น่าจะเข้าใกล้ปีศาจด้วยกันมากกว่าไม่ใช่หรือขอรับ”
“ท่านผู้อาวุโส โปรดดูอีกทีสิขอรับ! ปีศาจใหญ่สองตัวที่มีขนสีน้ำเงิน มีกลิ่นอายลมปราณคล้ายคลึงกันและปะปนกันนั่น พวกมันต้องอยู่ด้วยกันมาตลอดทั้งปี หากไม่ใช่พี่น้องกัน ก็อาจจะเป็นสามีภรรยากันก็ได้ และแน่นอนว่า พวกมันอาจเป็นพวกรักร่วมเพศกันก็ได้…แค่กๆ เอ่อ…แต่ตอนนี้พวกมันอยู่ห่างกันนับร้อยจั้งเสียแล้ว…”
“ท่านดูมันสิขอรับ มองดูดีๆ เรื่องนี้ต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ ขอรับ”
“เป็นไปได้มากที่ในเวลานี้ ผู้คนเหล่านี้ ทั้งปีศาจ และวิญญาณจะถูกคนอื่นยึดครองสติของพวกมันไปหมดแล้ว! เช่นเดียวกับผู้บำเพ็ญที่โจมตีอาจารย์ลุงจิ่วอู และคนอื่นๆ นอกสำนักจินกงในวันนั้น พวกมันอาจเป็นแค่หุ่นเชิดเท่านั้นขอรับ!”
“และนี่ก็เป็นปัจจัยที่สี่…”
เวลานี้ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนหรี่ตาและพยักหน้าช้าๆ เขารู้สึกละอายใจอยู่บ้าง
ชายชราพลันรำพึงในใจว่า “โชคดีที่เจ้ามากับข้าที่นี่ด้วย ไม่เช่นนั้น เกรงว่าข้าคงทำผิดพลาดครั้งใหญ่แล้ว!”
หลี่ฉางโซ่วเผยรอยยิ้มจากใจและกล่าวว่า “ท่านผู้อาวุโส ท่านเป็นผู้ทรงคุณธรรม หาใช่คนชั่วร้ายไม่ จึงเป็นเรื่องปกติที่ท่านจะไม่คิดถึงเรื่องเช่นนี้ ศิษย์เพียงแค่คิดถึงมันมาก่อนหน้านี้และกังวลว่าอาจเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น แต่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นจริงๆ ขอรับ…”
“เฮ้อ ฉางโซ่ว แล้วเจ้าคิดว่าเราควรทำอย่างไรกันดีเล่า”
ทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก…
ในที่สุดเขาก็ทำให้ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนเชื่อเขาได้สำเร็จ
หลี่ฉางโซ่วเอ่ยถามในใจว่า “ท่านผู้อาวุโส ท่านได้หลอมโอสถหรือโอสถพิษอ่อนๆ ที่สังเกตและตรวจพบได้ยากบ้างหรือไม่ขอรับ”
“แน่นอนว่าข้าทำไว้ แล้วไฉนเราถึงต้องใช้มันเล่า”
ดวงตาของผู้อาวุโสว่านหลินหยุนเต็มไปด้วยความงุนงงและกล่าวว่า “เราจะใช้ยาพิษที่มีพลังฤทธิ์แรงที่สุดโดยตรงได้หรือไม่”
“หากเราพ่นหมอกพิษออกไปโดยตรงที่นี่ ศัตรูเหล่านี้ย่อมต้องหนีกระเจิงไปทุกทั่วทิศทันทีราวกระต่ายจะกระโดดหนีออกจากเตาหลอมโอสถอย่างแน่นอนขอรับ”
“แต่หากฝาเตาหลอมค่อยๆ ร้อนขึ้นจนกระต่ายหมดสติก่อน มันก็จะถูกย่างจนสุกโดยไม่รู้ตัวขอรับ…”
ดวงตาของผู้อาวุโสว่านหลินหยุนเป็นประกาย เขายิ้มเย็นให้หลี่ฉางโซ่ว และคิดว่า “มันก็จริงนะ”
จากนั้นผู้อาวุโสก็หยิบขวดกระเบื้องเจ็ดหรือแปดขวดออกมาจากแหวนของเขาแล้วกระซิบว่า
“สิ่งเหล่านี้สามารถทำให้ปราณวิญญาณของเซียนเทียนมึนเมาและทำให้ร่างกายของเขาชาได้ มันมีชื่อว่าผงมึนเมาวิญญาณ”
หลี่ฉางโซ่วกะพริบตาและถามว่า “โอสถเม็ดนี้ทำจากสูตรของท่านเองใช่หรือไม่ขอรับ”
“ถูกต้อง” ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนแค่นเสียงเย้ยหยันอีกครั้ง “ข้าเป็นคนคิดขึ้นมาเองจากช่วงเบื่อหน่ายในยามว่าง และในท้ายที่สุดโอสถพิษนี้ก็มีฤทธิ์รุนแรงเกินไป แม้จะมีกระบวนการขัดเกลามัน แต่การขัดเกลาของมันซับซ้อน ดังนั้นจึงไม่มีสูตรยาในคัมภีร์พิษที่ข้ามอบให้เจ้ามาก่อนหน้านี้ ไว้ข้าจะสอนเจ้าเมื่อเรากลับไปแล้ว”
หลี่ฉางโซ่วพลันกล่าวชื่นชมว่า “ท่านผู้อาวุโส ศิษย์ได้รับสูตรยามาจากโถงชั้นนอกแล้ว มันถูกบันทึกเอาไว้ในม้วนตำราหยกที่เสียหาย ข้าไม่คิดว่ามันจะเป็นยาล้ำค่าที่ท่านผู้อาวุโสสร้างขึ้นมาขอรับ”
“ฮ่าฮ่า…เจ้าเอาพวกนี้ไปป้องกันตัว ข้าลืมเรื่องนี้ไปเลย นี่เป็นเพียงแค่ยาสลบที่เหมาะสำหรับการป้องกันตัวเองเท่านั้น”
ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนยัดขวดกระเบื้องใส่มือของหลี่ฉางโซ่วอย่างรวดเร็วเพราะกลัวว่าหลี่ฉางโซ่วจะปฏิเสธ และหยิบขวดกระเบื้องมากกว่าสิบขวดออกจากมาแหวนของเขาทันที
แล้วทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ได้เห็นยาพิษสำรองของเซียนพิษอย่างกะทันหัน…
ช่างน่าอิจฉานัก
นั่นคือทรัพย์สินของเขา!
หลี่ฉางโซ่วชื่นชมลักษณะนิสัยของผู้อาวุโสว่านหลินหยุนที่มีแต่ให้และให้ เมื่อใดก็ตามที่เขามีปัญหาอย่างแท้จริง
และบังเอิญว่า หลี่ฉางโซ่วก็ชอบรับ รับ รับอย่างจริงจังเช่นกัน!
“ฉางโซ่ว แล้วข้าจะโจมตีตอนนี้เลยได้หรือไม่” ว่านหลินหยุนถามอย่างแข็งขัน
หลี่ฉางโซ่วกล่าวต่อในใจว่า “ผู้อาวุโส ข้าคิดว่าที่นี่เป็นเพียงแนวหน้าของอีกฝ่าย หากพวกเขาต้องการโจมตีสำนักของเราจริงๆ ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะมีปรมาจารย์เพียงไม่กี่คนเท่านั้น เช่นนั้น อย่าปล่อยพวกเขาไปย่อมจะเป็นการดีที่สุดขอรับ”
“เช่นนั้น ฉางโซ่ว แล้วเราจะใช้ยาเหล่านี้เพื่อจัดการพวกโจรชั่วร้ายเหล่านี้ได้อย่างไร”
“ก่อนอื่น ท่านควรใช้พลังเซียนของท่านครอบคลุมค่ายกลทั้งหมดจากใต้ดิน จากนั้นท่านก็ปล่อยยาสลบให้ค่อยๆ ไหลซึมออกมาจากใต้ดิน…
“ไม่จำเป็น ข้าได้ขัดเกลาพวกมันบางส่วนแล้ว ข้าจะใช้มันเพื่อดักจับศัตรูแทนที่จะฆ่าพวกมัน”
ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนตอบในใจและเผยรอยยิ้มออกมาอีกครั้ง
สิ่งที่เขาชื่นชมมากที่สุดคือ ตัวตนของว่านหลินหยุน ด้วยความจริงที่ว่าผู้อาวุโสไม่เคยชอบเก็บสมบัติทั้งหมดเอาไว้สำหรับตัวเขาเองเลย
และตามคำแนะนำของหลี่ฉางโซ่ว ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนก็ใช้ผงมึนเมาวิญญาณทั้งสิ้นสิบแปดขวด
และหลังจากนั้น เขาก็ใช้เสี้ยวพลังเซียนส่งยาเหล่านี้ไปที่เท้าของผู้คนที่กำลังซ่อนตัวอยู่ที่นี่ จากนั้นเขาก็ปล่อยให้ยาก็ค่อยๆ แพร่กระจายออกไป
ทว่าหลี่ฉางโซ่วยังคงกังวล จึงคอยเตือนเขาทางกระแสจิต
“ท่านผู้อาวุโส โปรดให้ความเข้มของยามากขึ้นกับปีศาจใหญ่เหล่านั้นขอรับ ความต้านทานของพวกมันแข็งแกร่งกว่ามนุษย์อย่างพวกเรามาก…”
“ท่านผู้อาวุโส โปรดระวังตัวด้วยขอรับ ความผันผวนของพลังเซียนอาจรบกวนพวกมันให้รู้ตัวได้ขอรับ”
“ท่านผู้อาวุโส ท่านต้องระวังพวกที่อยู่บนต้นไม้เป็นพิเศษด้วยขอรับ …”