ตอนที่ 143

Silver Overlord

143 – อาจารย์

“นายน้อยฟูท่านไม่สามารถรักษาคนผู้นี้ไว้ได้นี่ไม่ใช่ลูกแกะอย่างที่ท่านคิด เด็กน้อยนี่เป็นหมาป่าเดียวดายเขาจะหักคอท่านทุกครั้งที่มีโอกาส” จูอันส่งเสียงเตือนนายน้อย

เด็กน้อยนี้แม้ว่าจะมีลักษณะภายนอกที่งดงามคล้ายกับคุณชายตระกูลใหญ่แต่ความอํามหิตโหดเหี้ยมของเขานั้นเป็นของแท้อย่างแน่นอน

หลังจากสร้างศัตรูกับคนประเภทนี้แล้วจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใครคนหนึ่งต้องตาย

“ถ้าวันนี้เจ้ายอมติดตามข้าข้าจะสั่งให้คนของข้าไว้ชีวิตเจ้า เจ้าจะว่าอย่างไร” นายน้อยฟูกลื่นน้ําลายอย่างประหม่าแล้วตะโกนใส่เอี้ยนลี่เฉียง

“หากวันนี้บิดาสังหารเจ้าไม่ได้ชาติหน้าบิดาเกิดใหม่จะตามมาฆ่าเจ้าอย่างแน่นอน!”

“อันเจ้าทําตามที่เห็นสมควรเถอะ…” เมื่อนายน้อยฟูเห็นการแสดงออกของเอี้ยนลี่เฉียงเขาส่ายหัวอย่างไม่เต็มใจ

“ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะเป็นคนเนรคุณขนาดนี้ สําหรับผู้ชายที่หล่อเหลาเช่นเจ้าเหตุไฉนจึงเลือกความลําบากให้กับตัวเอง!”

“ไม่ต้องไปสงสารเขาหรอกคุณชายฟู ท่านอาจจะเจอคนที่ดีกว่าในอนาคต!” จูอัน ยิ้มและยื่นมือของเขาออกไปอันธพาลที่อยู่ข้างๆเขายืนดาบให้เขาทันที

จอันเช็ดใบมีดของเขาด้วยรอยยิ้มที่โหดร้ายขณะที่เขาเข้าไปใกล้เอี้ยนลี่เฉียงทีละก้าวเมื่อเขาอยู่ห่างจากเอี้ยนลี่เฉียงหนึ่งวาเขาก็หรี่ตาลงและกําลังจะจบชีวิตของเอี้ยนลี่เฉียง

แต่ทันใดนั้นทุกคนก็ได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ

“ข้าเดินทางข้ามโลกมาสองสามทศวรรษแล้ว ในที่สุดข้าก็พบศิษย์ที่ถูกใจ แต่วันนี้พวกเจ้าคิดจะพรากเขาไปจากข้าอย่างนั้นหรือ?”

ทุกคนหันกลับพร้อมกันด้วยความตกใจและพบว่าชายชราขาหักซึ่งเอี้ยนลี่เฉียงเพิ่งวางลงข้างถนนก่อนหน้านี้ได้ยืนขึ้นแล้ว

เขาหันหน้ามามองอันธพาลทุกคนอย่างไม่แยแส

เอี้ยนลี่เฉียงกระพริบตาและจ้องไปที่ขาของชายชราที่น่าจะหัก เขาคิดว่าดวงตาของเขากําลังเล่นกล กระดูกของขาที่หักของชายชราคนนั้นยื่นออกมาในมุมแปลกๆก่อนหน้านี้และขาของ เขาบวมมาก

ทว่าขาของชายชรากลับคืนสู่สภาพปกติแล้วในเวลานี้ก่อนที่ใครจะรู้ตัว พร้อมกันนั้นรัศมีพลังที่ชายชราปลดปล่อยออกมาก็น่าหวาดหวั่นเป็นอย่างยิ่ง

“เจ้าก็แค่คนเก็บสมุนไพร! จบกล้าข่มขู่พวกเราอย่างนั้นหรือ..!” อันธพาลคนหนึ่งตะโกนอย่างขุ่นเคืองและเขาพุ่งเข้าหาชายชราด้วยอาวุธ

“ระวังตัวด้วยท่านผู้เฒ่า!” เอี้ยนลี่เฉียงตะโกนด้วยความตกใจ

ชายชรายิ้มให้เอี้ยนลี่เฉียงก่อนที่เขาจะเคลื่อนไหว รังสีแสงสีทองก็บินออกมาจากแขนเสื้อของเขา

มันพุ่งกระแทกใบหน้าของอันธพาลคนนั้นก่อนจะทะลุออกจากหูของเขา

เพียงมองเห็นแสงสีทองนั้นเกิดเป็นวงกลมด้วยความเร็วสูงราวสายฟ้าอันธพาลทุกคนรวมทั้งจูอันก็ล้มลงกับพื้นไม่สามารถดิ้นรนได้

ในท้ายที่สุดนายน้อยฟูที่เหลืออยู่คนเดียวก็กรีดร้องออกมาพร้อมกับวิ่งหนี

“ผี…!!”

เอี้ยนลี่เฉียงเห็นคนเก็บสมุนไพรชราชี้นิ้วไปที่นายน้อยฟูจากระยะยี่สิบหรือสามสิบวา จุดแสงสีขาวพุ่งออกมาจากนิ้วของเขาราวกับดาวเพียงชั่วพริบตานายน้อยฟูก็ยืนนิ่งไม่สามารถวิ่งต่อได้

ชายชราเดินมาที่ด้านข้างของเอี้ยนลี่เฉียงพร้อมกับยิ้มและกล่าวว่า

“โชคดีที่คนๆนั้นฝึกแค่ร้อยอสรพิษพิขอบเขตที่สาม ซึ่งแทบไม่มีรอยขีดข่วนบนพื้นผิว หากมันอยู่เหนือชั้นที่เจ็ดอาจทําให้เจ้าได้รับความลําบากสักเล็กน้อย”

ชายชราพูดแล้วเอื้อมมือไปตบไหล่ขวาของเอี้ยนลี่เฉียงในขณะนั้นเอี้ยนลี่เฉียงรู้สึกได้ถึงกระแสน้ําอุ่นที่ไหลลงมาจากไหล่ของเขาไปยังภายในร่างกาย

ความเจ็บปวดและอาการชาที่ด้านขวาของร่างกายของเขาหายไปในทันที และเขารู้สึกเหมือนกับปลาที่ละลายน้ําแข็งและสามารถฟื้นคืนความแข็งแกร่งได้ดังเดิม

เอี้ยนลี่เฉียงกระโดดขึ้นทันที จากนั้นเขาก็รีบวิ่งไปหานายน้อยฟูพร้อมกับมีดที่อยู่ในมือ นายน้อยฟูมองด้วยความหวาดกลัวขณะที่เอี้ยนลี่เฉียงยกมีดในมือขึ้นแล้วฟันลงมาดังฉับ

“น่าอัศจรรย์ มหัศจรรย์มาก เจ้าทําให้ข้านึกถึงตัวเองในอดีต…” เมื่อเห็นเอี้ยนลี่เฉียงตัดศีรษะนายน้อยฟูชายชราก็หัวเราะอย่างเต็มที่ในขณะที่ปรบมือจากด้านข้าง

ในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีศพเหล่านั้นซึ่งถูกแสงสีทองบนพื้นละลายกลายเป็นแอ่งเลือดนองอยู่ที่

เอี้ยนลี่เฉียงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนาวสั่นในใจเมื่อได้เห็นฉากนี้

เมื่อเขาตระหนักว่าชายชรากําลังจ้องมองเขาด้วยรอยยิ้ม เอี้ยนลี่เฉียงก็โยนมีดในมือทิ้งและเดินเข้ามาหาชายชราทันที เขาคุกเข่าลงและโขกศีรษะถึงสามครั้ง พร้อมกับกล่าวออกมาเสียงดัง

“เอี้ยนลี่เฉียงคํานับอาจารย์!”

“ฮ่าๆๆๆ!” ชายชราหัวเราะเสียงดัง แล้วดึงเอี้ยนลี่เฉียง

“ศิษย์ที่ดีของข้าเดี๋ยวจะมีคนมาที่นี้พวกเราไปคุยกันบนฟ้าดีกว่า”

เอี้ยนลี่เฉียงยังคงสงสัยว่าเขาหมายถึงอะไรที่บอกว่า ไปคุยกันบนฟ้า” จู่ๆเสียงหึงๆก็วิ่งมาข้างๆหูของเขา

หัวใจของเขาเกือบจะกระโจนออกมาจากหน้าอกเพราะร่างกายของเขากระเด้งขึ้นราวกับว่าเขากําลังกระโดดบันจี้จัมเขาทะยานขึ้นไปเหนือพื้นดินกว่าร้อยวาในเวลาเพียงชั่วพริบตา

เอี้ยนลี่เฉียงแทบกรีดร้องด้วยความตื่นตระหนกเมื่อเขารู้สึกว่าร่างกายของเขาตกลงสู่พื้นทันใดนั้นนกอินทรีสีน้ําเงินขนาดมหึมาที่มีปีกสองคู่ที่มีปีกกว้างสิบวาบินเข้า หาพวกเขาด้วยความเร็วสูง

ชายชราคนนั้นก็ช่วยเอี้ยนลี่เฉียงนั่งบนหลังอินทรียักษ์อย่างปลอดภัย

เสียงนกร้องของนกอินทรีขนาดมหึมาดังก้องไปทั่วท้องฟ้า จากนั้นมันก็กางปีกยกระดับความสูงขึ้นและทะยานสู่ด้านบน เอี้ยนลี่เฉียงสัมผัสได้เพียงลมกระโชกแรงที่พัดปะทะใบหน้าของเขา

เขาแทบจะไม่สามารถลืมตาได้เลย เพียงไม่กี่วินาที เขาก็รู้สึกว่าจิตใจของเขาว่างเปล่าและหายใจลําบากขึ้น ร่างกายของเขาเริ่มหนักขึ้น และจากนั้นสิ่งที่เขาเห็นคือความมืด

“อ๊ะ ข้าเกือบลืมไปแล้วว่าลูกศิษย์คนใหม่นี้ยังไม่ใช่นักรบเขาไม่อาจทนต่อความเร็วของนกหลวนได้”

นี่เป็นคําพูดสุดท้ายที่เอี้ยนลี่เฉียงได้ยินก่อนที่เขาจะหมดสติ …