ตอนที่ 157 พวกเขาไม่ควรได้รับการประกันตัวจากผม

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 157 พวกเขาไม่ควรได้รับการประกันตัวจากผม

คุณยายหวังและคนอื่นต่างก็งุนงง

พวกเขาคิดมาเสมอว่า ตราบใดที่หลินม่ายมาสถานีตำรวจท้องที่เพื่อกลับคำให้การ หวังเฉียงและเพื่อนสองคนของเขาจะปลอดภัย

คาดไม่ถึงว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์ว่าหวังเฉียงมีความผิดจริงถึงสามครั้งตามที่พวกเขาได้ยินและได้เห็นกับตาพวกเขาเอง

แม่หรงรีบเอ่ย “สหายเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นเรื่องเข้าใจผิดทั้งนั้น เหตุผลคือลูกสาวฉันไม่ชอบเสี่ยวหลินและไม่ต้องการให้เธอขายผลไม้ในชุมชนเราไม่เคยคิดข่มขู่เธอเลย”

“นี่จริง ๆ แล้วเป็นการข่มขู่แน่นอน!”

เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวอย่างเอาจริงเอาจัง “แม้จะไม่การข่มขู่ พวกเขาไล่คนออกไปทั้งขัดขวางไม่ให้พวกเขาขายผลไม้ นี่เป็นการกลั่นแกล้งซึ่งอยู่ในขอบเขตการลงโทษอย่างร้ายแรงด้วย”

แม่หรงและคนอื่น ๆ ตลึงงัน

หลินม่ายไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า แต่ในใจเธอกลับเริงร่า

เจ้าหน้าที่ตำรวจเอ่ยต่อ “พวกคุณพยายามก้าวก่ายกระบวนการยุติธรรมโดยคาดคั้นและหลอกล่อเหยื่อ ความประพฤติเช่นนี้ไม่อาจไม่เอาโทษได้​ ทิ้งข้อมูลทุกอย่างเช่น ชื่อ ที่อยู่ สถานที่ทำงาน ถนนสำนักงาน ของพวกคุณไว้ เราจะต้องจัดการเรื่องนี้อย่างเป็นจริงเป็นจัง”

คุณยายหวังและคนอื่นมึนงง พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะยิ่งทำยิ่งเสีย

แม้พวกเขาจะอธิบายแล้วอธิบายอีกว่าพวกเขาไม่ได้ข่มขู่และหลอกล่อหลินม่าย

หวังแค่ว่าเธอจะมาอธิบายความเข้าใจผิดและทำให้กระจ่างว่าพวกหวังเฉียงสามคนนั้นไม่ใช่คนไม่ดี

แต่เจ้าหน้าที่ชี้ไปประเด็นที่ว่ากลุ่มหวังเฉียงทั้งสามคนได้ขู่กรรโชกตอนนั้นจริง ความเข้าใจผิดมาจากที่ไหน? เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเถียงข้างๆคูๆ

และยังขัดขวางกระบวนการยุติธรรมของศาลอีก พวกเขาทุกคนจึงถูกกักตัวไว้เพื่อรับการอบรม

หลินม่ายกลับบ้านคนเดียว

คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางเดินไปทั่วบ้านอย่างเป็นกังวล

ทันทีที่เห็นหน้าเธอจึงถามด้วยความเป็นห่วง “ได้ยินจากโจวฉายอวิ๋นว่าเธอไปกับครอบครัวแซ่หวังหรือ? พวกเขาพาไปทำไม? เรื่องแย่ ๆ เธอไม่ควรเก็บเอาไว้กับตัวนะ?”

หลินม่ายไม่เพียงแต่บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดแก่ผู้เฒ่าทั้งสองว่าทำไมครอบครัวหวังพาเธอไปสถานีตำรวจท้องที่ ยังบอกผู้เฒ่าทั้งสองเรื่องที่ครอบครัวได้รับการอบรมอยู่สถานีตำรวจท้องที่

คุณย่าฟางรู้สึกโล่งใจแล้วเอ่ยขึ้น “พวกเขาโยนก้อนหินใส่เท้าตัวเองแท้ ๆ สมควรโดน!”

ครอบครัวหวังหรงทั้งสี่คนไม่เพียงแต่ได้รับการอบรมที่สถานีตำรวจท้องที่ พวกเขาต้องได้การการประกันจากผู้รับประกันว่าพวกเขาจะไม่ทำผิดอีกครั้งก่อนที่พวกเขาจะถูกปล่อยตัวออกมา

ผู้รับประกันเป็นได้ทั้งเครือญาติ เพื่อน ป้าในสำนักงานแขวง หรือเจ้านายที่ทำงาน

มันไม่ใช่เรื่องน่าสรรเสริญอะไรและเจ้านายที่ทำงานจะต้องไม่รู้เรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะโดนลงโทษ

ในทศวรรษนี้ ที่ทำงานมีการจัดการเกี่ยวกับศีลธรรมจรรยาที่เคร่งครัดกับฝ่ายบริหารและพนักงาน ตราบที่ศีลธรรมจรรยาของบุคคลนั้นมีรอยด่างพร้อย ไม่ต้องพูดถึงการลงโทษเลย ถึงขั้นขับออกก็เป็นไปได้

ไม่อาจให้คนที่สำนักงานแขวง ญาติหรือเพื่อนที่ไม่ค่อยสนิทกันรู้ได้ เพราะอาจรับไม่ไหวหากจะสูญเสียคนนั้นไป

หลังจากครุ่นคิดกลับไปกลับมา พ่อหรงจึงไม่มีทางเลือกต้องโทรหาไปน้องสาวของเขาที่ที่ทำงานของหวังเหวินฟางและขอให้หล่อนเป็นผู้รับประกันเพื่อปล่อยครอบครัวพวกเขาทั้งสี่คนออกมา

หวังเหวินฟางจะกล้าไปที่สถานีตำรวจท้องที่ประกันตัวพวกเขาออกมาได้หรือ ถ้าโดนเอี่ยวไปด้วยจะทำอย่างไร?

ตอนนี้หล่อนกำลังแข่งขันชิงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานวัฒนธรรมประจำจังหวัดกับคู่แข่ง

หากเกิดเรื่องอื้อฉาวขึ้นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ หล่อนจะปีนขึ้นไปได้อย่างไรกัน?

หวันเหวินฟางคิดคำนวนบางอย่างอยู่ในใจแล้วโทรหาฟางจั๋วหรานให้ไปเป็นผู้รับประกันที่สถานีตำรวจท้องที่

แม่ของหล่อนใจดีมีเมตตาต่อฟางจั๋วหราน ถึงเวลาที่เขาจะตอบแทนความใจดีของหล่อน

หลังจากฟางจั๋วหรานได้รับโทรศัพท์จึงรีบบึ่งไปที่สถานีตำรวจท้องที่ประกันคนออกมา แต่ว่าประกันออกมาเพียงคุณยายหวังเท่านั้น

เมื่อคุณยายหวังเห็นว่านางได้ออกมาเพียงคนเดียวจึงถามฟางจั๋วหราน “พวกน้องสาวของเธอล่ะ?”

ฟางจั๋วหรานตอบด้วยท่าทางปกติ “ไม่มีคนประกันตัวพวกเขา พวกเขาเลยยังอยู่ข้างในครับ”

คุณยายหวังเงียบลงแล้วออกคำสั่ง “ถึงอย่างไรเธอก็มาแล้ว ประกันตัวพวกเขาออกมาเถอะ”

ฟางจั๋วหรานช่วยพาคุณยายหวังออกไป “พวกเขารอให้คุณน้ามารับประกัน พวกเขาควรรอให้คุณน้าประกันตัว ไม่ใช่ผม”

หวังเหวินฟางโทรหาเขา เขารู้ว่าหล่อนต้องการอะไร

หล่อนไม่กล้าและไม่ต้องการประกันตัวครอบครัวฝั่งแม่ของตัวเอง เพราะกลัวว่าจะส่งผลร้ายแรงต่อตัวเอง จึงผลักเขาออกมาเป็นพลทหารสังเวยลูกปืน

เขาเองก็มักน้อย ห่วงใยเพียงแค่คุณยายที่เลี้ยงเขามา คนที่เหลือที่รอเขาอยู่เขาไม่สนใจแม้แต่น้อย

ต้องการหลอกใช้เขาหรือ? ฝันไปเถอะ!

คุณยายหวังหยุดเดินแล้วอ้อนวอน “จั๋วหราน ฉันรู้เธอไม่ชอบน้าของเธอ แต่เธอช่วยเห็นแก่หน้าฉัน ช่วยครอบครัวน้องสาวเธอออกมาดีหรือไม่?”

ฟางจั๋วหรานก้มหัวลงแล้วมองนางด้วยสายตาซับซ้อน “ท่านรู้ไหมว่าทำไมลูกสาวท่านไม่มาที่สถานีตำรวจท้องที่เพื่อหาคน? และยังเป็นญาติของเธอด้วย?”

แน่นอนว่าคุณยายหวังรู้

สำหรับหล่อนแล้ว คนที่จะมาย่อมเป็นฟางจั๋วหราน ไม่ใช่หวังเหวินฟาง

ในยามวิกฤต ฟางจั๋วหรานสามารถเสียสละได้ แต่พวกเขาครอบครัวหวังไม่สามารถเสียสละได้

คุณยายหวังพูดด้วยความไม่มั่นใจ “ไม่ใช่ว่าน้าเธอยุ่งเกินไปหรือ ไม่อย่างนั้นหล่อนคงมาที่นี่นานแล้ว”

ฟางจั๋วหรานหัวเราะเบา ๆ “สำนักงานวัฒนธรรมงานยุ่งหรือผมกันแน่ที่งานยุ่ง? ผมมาได้แต่หล่อนกลับมาไม่ได้?”

คุณยายหวังตกตะลึงไม่อาจปฏิเสธได้

ฟางจั๋วหรานพูดต่อเสียงราบเรียบ”ลองมองย้อนกลับไป หากหล่อนยุ่งเกินกว่าจะมาจริง​ ทำไมไม่โทรเรียกจั๋วเยวี่ยมา งานของจั๋วเยวี่ยคงไม่ยุ่งนะครับ”

พูดมาถึงตอนนี้ เขาก็จงใจให้คุณยายหวังเป็นแนวกันชน “ถ้างั้นผมโทรหาจั๋วเยวี่ยให้มาประกันครอบครัวน้าเขาดีไหม?”

“ไม่ต้อง!” คุณยายหวังโพล่งออกมา

ฟางจั๋วหรานยังคงมีรอยยิ้มงดงามและอ่อนโยนในตา ทว่ารอยยิ้มเขากลับเยือกเย็น

“ทำไมถึงไม่ต้องครับ?”

คุณยายหวังมองเขา ไร้คำพูดโดยสิ้นเชิง

“ผมจะตอบแทนคุณยายเอง เพราะจั๋วเยวี่ยเป็นหลานของท่าน ท่านไม่อยากให้เขาต้องพาตัวเองมาเดือดร้อน​ ผมเสี่ยงได้ แต่ผมต้องการเสี่ยงเพราะท่านเท่านั้น ครอบครัวหวังหรงไม่ได้ช่วยเหลือผม ทำไมผมต้องเสี่ยงเพราะพวกเขาครับ?”

คุณยายหวังพึมพำ “ดังนั้นฉันถึงให้เธอเห็นแก่หน้าฉัน”

“ผมเข้าใจความหมายของคุณยาย คุณยายใจดีกับผม จึงมีสิทธิ์ที่จะร้องขอให้ผมตอบแทนบุญคุณ​ หากความสัมพันธ์ระหว่างคุณยายและหลานเป็นความเพียงความรักและการตอบแทน ผมจะยอมรับมัน​ ผมแค่อยากจะถามคุณยาย ผมต้องตอบแทนอีกสักกี่ครั้งผมถึงจะตอบแทนคุณยายได้หมดสิ้น?”

คุณยายหวังราวกับหัวใจแตกสลายแล้วพูดขึ้น “จั๋วหราน เธอพยายามจะสะสางบัญชีกับฉันหรือ?”

ฟางจั๋วหรานส่ายหัว “ไม่เลย เป็นคุณยายต่างหากที่ต้องการเปลี่ยนความเมตตาที่ชุบเลี้ยงผมมาให้กลายเป็นการลงทุน”

คุณยายหวังหลับตาลงด้วยความปวดหัว “เธอจะพูดอย่างไรก็ตาม ถือว่ายายขอ ประกันครอบครัวน้องสาวเธอออกมาเถอะ​ ไม่ใช่ว่าเธอพูดว่าต้องการกตัญญูต่อฉันหรือ? ช่วยประกันครอบครัวน้องสาวเธอออกมาก็เป็นการแสดงความกตัญญูต่อฉันแล้ว”

ฟางจั๋วหรานพยักหน้า “ผมเข้าใจแล้ว ผมกตัญญูต่อท่านจึงต้องเสียสละตนได้ทุกเวลา แต่มันไม่จำเป็นที่ครอบครัวของท่านเองต้องกตัญญูต่อท่าน”

เขาไม่พูดอะไรอีก สมตามความปรารถนาของคุณยายหวัง เขาประกันครอบครัวหวังหรงทั้งสามคนออกมา

ทันทีที่หวังหรงออกมา​ หล่อนก็โผเข้าหาเขา “พี่ชาย ฉันรู้ว่าพี่ดีต่อฉัน~”

ก่อนที่หล่อนจะกระโจนเข้าใส่เขา ฟางจั๋วหรานก็หันหลังกลับแล้วจากไปโดยไม่แยแส

หวังหรงรู้สึกผิดหวัง หงุดหงิด และมึนงง ถามคุณยายหวังว่า “คุณย่า ญาติผู้พี่เป็นอะไรไปคะ?”

คุณยายหวังถอนหายใจด้วยใจแตกสลาย “พี่ชายเธอไม่ได้ต้องการประกันตัวพวกเธอออกมาเลย ฉันบังคับให้เขาประกันเธอออกมา”

แม่หรงโพล่งขึ้นมาทันใด “เขาช่างไม่คิดบ้างเลย เขาเป็นแค่หมาที่ท่านเลี้ยงมา ทำไมเขาจะไม่ต้องประกันตัวเรา จะเป็นไปได้ไงที่ท่านเลี้ยงเขามาเปล่าๆ ปลี้ ๆ”

พ่อหรงพูดขึ้นด้วยหน้าตาบูดเบี้ยว “ผมบอกแม่ตลอด ตอนที่หมาป่าตาขาวนั่นยังฟังแม่อยู่ ให้บังคับเขาแต่งงานกับหรงหรง แต่แม่ยืนกรานเองว่าค่อยเป็นค่อยไป​ ตอนนี้แม่ต้องการให้เขาประกันพวกเราออกมา เขาไม่แม้แต่จะเต็มใจชดใช้ท่าน ให้เขาแต่งงานกับหรงหรงน่ะเหรอ ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นไปได้!”

ใบหน้าคุณยายหวังเต็มไปด้วยความเสียใจ

ถ้ารู้ว่าฟางจั๋วหรานจะควบคุมยากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างนี้นางควรฟังลูกชายและหมั้นหมายเขากับหรงหรงให้เร็วกว่านี้

หลังกลับจากสถานีตำรวจท้องที่ คุณยายหวังพูดเสียงเบา “อย่ารีบร้อนเรื่องการแต่งงานระหว่างหรงหรงกับจั๋วหรานไปนัก ฉันมีวิธีบังคับให้เขาแต่งงานกับหรงหรง”

แม่หรงและพ่อหรงพูดขึ้นพร้อมเพรียงกัน “วิธีไหน?”

……………………………………………………

สาร​จาก​ผู้แปล​

วินาทีที่บังคับ​พี่หมอให้ประกันตัวครอบครัวนังดอกบัวขาว​ ก็รู้เอาไว้เลยนะคะคุณยายว่าพี่หมอหมดความศรัทธา​ต่อท่านแล้ว

นังหรง​ อย่าให้เจอพี่หมอเวอร์ชั่นปาก​มีดผ่าตัดด่าเธอกลางสี่แยกเชียวนะ

ไหหม่า​(海馬)