บทที่ 13 ภาพวาดสร้อยคอ

อ้อนรัก คุณภรรยาคนสวย

“พบอะไรอย่างนั้นเหรอ?”หลิ่วเยว่เอ่อร์หรี่ตาของเธอและถามอย่างจงใจ: “ฮวนฮวน เธอทำอะไรหายอย่างนั้นเหรอ? ในคืนนี้ตอนที่ฉันไปทำพาร์ทไทม์จะช่วยถามให้นะ! ”

“ฉันไม่รู้ว่ามันหายไปในบลูส์คลับหรือเปล่า มันคือสร้อยคอทองคำ”เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากของเธอและพูดด้วยเสียงที่สับสน: “เยว่เอ่อร์ เธอช่วยฉันไปหามันที่ห้องเก็บของคืนนี้ได้ไหม? บางทีอาจจะทำหายที่นั่น ”

“ห้องเก็บของหรอ?”หลิ่วเยว่เอ่อร์เบิกตาขึ้นและเธอก็รีบถามออกไปว่า: “ฮวนฮวน สำหรับงานพาร์ทไทม์ของฉันมันไม่จำเป็นต้องไปที่ห้องเก็บของไม่ใช่เหรอ หรือมีคนบังคับให้เธอไป?”

“ไม่ ไม่ใช่ ฉัน … ” เฉินฮวนฮวนรู้สึกว่ามันยากที่จะบอก

เธออยากจะเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจ

“ฮวนฮวน เธอมีเรื่องอะไรปิดบังฉันหรือเปล่า? ทำไมเธอถึงทำของหายในห้องเก็บของ? “เมื่อเห็นความลังเลของเฉินฮวนฮวน หลิ่วเยว่เอ่อร์ก็แอบรู้สึกโกรธเล็กน้อย

สำหรับเฉินฮวนฮวนแล้ว เธอไม่ต้องการพูดถึงเรื่องที่ไม่สามารถอธิบายออกไปได้ และเธอกลัวว่าเรื่องนี้จะถูกพูดถึงถ้ามันถูกแพร่กระจายออกไป

เธอไม่เพียงแต่กลัวตัวตนของอีกฝ่าย เลยทำให้เธอไม่กล้าที่จะโทรแจ้งตำรวจ และยังเป็นเพราะเธอกลัวว่าจะเสื่อมเสียชื่อเสียงอีกด้วย

คนที่สามารถเข้าและออกจากบลูส์คลับได้แน่นอนว่าต้องไม่ใช่คนธรรมดา ถ้าเธอโทรแจ้งตำรวจเธอคงไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้แน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้นคืนนั้นในห้องเก็บของก็มืดมาก เธอมองไม่เห็นหน้าของชายคนนั้นและชายคนนั้นก็น่าจะมองไม่เห็นหน้าของเธอเช่นกัน

เธอไม่อยากให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ เธอแค่อยากจะลืมมันไปให้เร็วๆ

“ฮวนฮวน บอกฉันมาเร็วๆ! ทำไมสร้อยคอของเธอถึงหายในห้องเก็บของ เกิดอะไรขึ้นกับเธอในห้องเก็บของหรอ? เธอเห็นว่าฉันเป็นเพื่อนหรือเปล่าเนี่ย? “หลิ่วเยว่เอ่อร์นึกถึงสิ่งที่ผู้จัดการพูดเมื่อคืน นั่นทำให้เธอรู้สึกกังวลมากขึ้น ทำให้เธอยังคงเค้นถามเฉินฮวนฮวนต่อ

ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นแน่ๆ นั่นคือเหตุผลที่เฉินฮวนฮวนดูกังวลมาก

ผู้จัดการกล่าวว่าเฟิงหานชวนกำลังมองหาคนที่ทำสร้อยคอทองคำหายไปในคืนวันศุกร์

พนักงานหญิงทุกคนได้รับการตรวจสอบแล้วและพบว่าไม่มีใครมีสร้อยคอทองคำเลย ผู้หญิงหลายคนพยายามแสร้งทำเป็นว่าพวกเธอเป็นคนที่ทำสร้อยคอหายไปเพื่อที่จะได้เข้าใกล้เฟิงหานชวน แต่ก็ถูกขอให้วาดรูปสร้อยคอนั้นเสียก่อน

ดังนั้นท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีใครมีคุณสมบัติอย่างที่เฟิงหานชวนตามหาเลยสักคน

หลิ่วเยว่เอ่อร์ไม่ได้อยู่ที่บลูส์คลับในวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่ดันเป็นเฉินฮวนฮวนที่มาทำงานแทนเธอในวันนั้น พนักงานหญิงคนอื่น ๆ ทั้งหมดถูกตรวจสอบหมด จะเหลือก็เพียงแค่เฉินฮวนฮวนเท่านั้น

และคนอื่นๆก็ไม่ได้สังเกตเลยว่าเฉินฮวนฮวนมาทำงานแทนที่เธอในวันนั้น วันนั้นเธอจึงโทรหาเฉินฮวนฮวนในตอนเช้ามืดเพื่อถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับเฉินฮวนฮวน

อย่างไรก็ตามเธอวางสายเพราะเธอไม่ต้องการให้เฉินฮวนฮวนรู้ว่าเฟิงหานชวนกำลังมองหาเธออยู่

เธอต้องการรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ระหว่างเฉินฮวนฮวนและเฟิงหานชวน

“เยว่เอ่อร์ ฉัน…..”มันเป็นเรื่องยากที่เฉินฮวนฮวนจะบอกได้และเธอไม่ต้องการพูดถึงเรื่องในคืนนั้นอีก

“ฮวนฮวน คืนนี้ฉันจะต้องไปเข้ากะเพื่อทำงานพาร์ทไทม์ ฉันสามารถไปที่บลูส์คลับก่อนเพื่อช่วยเธอหาสร้อยคอในห้องเก็บของได้ แต่เธอต้องบอกฉันมาก่อนว่าทำไมสร้อยของเธอถึงถูกทิ้งไว้ในห้องเก็บของ?”หลิ่วเอ่อร์ยังคงถามไม่หยุดและเกือบจะแสดงอาการหงุดหงิดออกไปแล้ว

จะต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ถูกต้องแน่ๆ!

อย่างไรก็ตามเฉินฮวนฮวนก็ไม่ได้พูดมันออกไป

“ฉัน ฉันถูกบังคับ”เฉินฮวนฮวนมองไปรอบ ๆ และกระซิบไปที่หูของหลิ่วเยว่เอ่อร์

ไม่ควรให้คนอื่นได้ยินสิ่งนี้

“เธอพูดว่าอะไรนะ!”ดวงตาของหลิ่วเยว่เอ่อร์เบิกกว้างขึ้นอย่างกะทันหันและเธอก็อุทานออกมาว่า “จริงๆแล้วมันเกิดอะไรขึ้น!”

ใบหน้าของเธอดูไม่เชื่อเพราะเธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเฟิงหานชวนจะทำกับเฉินฮวนฮวนแบบนี้ได้ …

“ชู่ว!”เฉินฮวนฮวนปิดปากของหลิ่วเยว่เอ่อร์ทันที เธอส่ายหัวและพูดด้วยเสียงเบา: “เยว่เอ่อร์ อย่าบอกเรื่องนี้กับใคร ฉันยังไม่อยากเป็นที่รู้จัก”

หลิ่วเยว่เอ่อร์จับมือของเธอออกไปพยักหน้าทันทีและถามต่อไปว่า: “บอกฉันสิว่าจริงๆแล้วเกิดอะไรขึ้น! เธอรู้ไหม…….ว่าอีกฝ่ายรู้เป็นใคร? ”

ตามหลักแล้ว ถ้าเฟิงหานชวนเห็นหน้าตาของเฉินฮวนฮวน อย่างไรก็คงไม่มีทางส่งคนมาตามหาคนที่เป็นเจ้าของสร้อยคอแน่ๆ

ดังนั้นเฟิงหานชวนต้องไม่รู้ว่าเป็นเฉินฮวนฮวนอย่างแน่นอนและเขาก็ไม่รู้แน่ๆว่าผู้หญิงในคืนนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร

จากการคำนวณของเธอแล้วเฉินฮวนฮวนเองก็ไม่น่าจะรู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายคือเฟิงหานชวน!

“ฉัน……ฉันไม่รู้ ตอนนั้นฉันกำลังเดินไปตามทางเดินพร้อมกระเป๋าและกำลังจะเดินออกไป แต่หลังจากนั้นก็มีมือดึงฉันเข้าไปในห้องเก็บของ แล้วจากนั้นก็ …ข้างในมันมืดมากเลยมองไม่เห็นว่าผู้ชายคนนั้นหน้าตาเป็นยังไง … ”

เฉินฮวนฮวนพูดด้วยน้ำเสียงที่เบามาก ดวงตาของเธอค่อยๆหรี่ลงและดูหดหู่มาก

เมื่อเห็นท่าทางที่เจ็บปวดและอึดอัดของเฉินฮวนฮวน หลิ่วเยว่เอ่อร์ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องตลก เธอช่างโง่เสียจริง!

ถูกเฟิงหานชวนขืนใจ แถมยังถูกมองว่าเป็นผู้หญิงคนอื่นและเฉินฮวนฮวนยังต้องมานั่งบ่นพึมพำกับตัวเองอยู่อย่างนี้ ช่างน่าขันเสียจริง

อย่างไรก็ตามเฉินฮวนฮวนยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครและอาจคิดว่าเขาคือผู้ชายโรคจิตคนหนึ่ง หากเฉินฮวนฮวนรู้ว่าอีกฝ่ายคือเฟิงหานชวน เธอจะต้องมีความสุขอย่างแน่นอน

หลิ่วเยว่เอ่อร์พยายามกลั้นหัวเราะไว้และรีบขมวดคิ้วทันที เธอยื่นมือไปตบหลังเฉินฮวนฮวนแล้วแสร้งทําเป็นปลอบใจ: “ฮวนฮวน เธออย่ารู้สึกเศร้าไปเลย เรื่องนี้มันผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านๆไปเถอะ! อย่าเศร้าไปเลย อย่าทำหน้าเหมือนถูกหมากัดสิ ไม่เป็นไรนะ …เออใช่แล้ว!”

จู่ๆหลิ่วเยว่เอ่อร์ก็ร้องออกมา

“เป็นอะไรไป?”เฉินฮวนฮวนหันหน้าไปมองหลิ่วเยว่เอ่อร์และถามด้วยความสับสน

“ฮวนฮวน เธอโทรแจ้งตำรวจแล้วหรือยัง? เธอห้ามแจ้งตำรวจเด็ดขาดนะ! คนที่ไปบลูส์คลับเป็นคนมีเงินทั้งนั้น ถ้าเธอแจ้งตำรวจไปยังไงก็แพ้คดี… “หลิวเยว่เอ่อร์แสร้งทําเป็นกลัวและกล่าวว่า: “ครั้งก่อนมีคนรวยชอบพนักงานพาร์ทไทม์ที่นั่น ฉันน่าจะเคยบอกเธอไปแล้วนะ ชื่อซูเสวี่ย แต่ซูเสวี่ยไม่ยอมเขา เขาเลย…”

เฉินฮวนฮวนรู้สึกตัวชาไปหมด เธอพยักหน้าอย่างรวดเร็ว: “ฉันรู้เรื่องนี้ เธอเคยบอกฉันเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันน่ากลัวมาก! ฉันไม่ได้โทรแจ้งตำรวจและฉันก็ไม่กล้าแจ้งตำรวจด้วย ดังนั้นฉันก็เลยไม่พูดอะไรออกไป ฉันจะแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น … ”

คนที่ชื่อซูเสวี่ยแม้ว่าเธอจะไม่รู้จักก็ตาม แต่หลิ่วเยว่เอ่อร์เคยบอกกับเธอว่าตอนนั้นซูเสวี่ยถูกมัดโดยพวกคนรวยนั่นและพวกของเขาหลายๆคนก็รุมทำร้ายซูเสวี่ยทั้งคืน

ต่อมาซูเสวี่ยก็ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลและก็ไม่ได้กลับมาที่บลูส์คลับอีกเลย หลังจากนั้นก็ไม่รู้ข่าวคราวของเธออีกเลย

“ใช่ แบบนั้นและ ต้องแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น! ฮวนฮวน เธอทำได้ดีมาก! “หลิ่วเยว่เอ่อร์แอบกลอกตาของเธอ ดวงตาของเธอเป็นประกายด้วยความเจ้าเล่ห์และเธอพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า: “ฮวนฮวน คืนนี้ฉันจะช่วยเธอหาสร้อยคอ แต่ฉันไม่รู้ว่าสร้อยคอของเธอหน้าตาเป็นอย่างไร เธอช่วยวาดให้ฉันดูได้ไหม ?”

“โอเค เดี๋ยวฉันจะวาดให้ดู”เฉินฮวนฮวนไม่ได้คิดอะไรมาก เธอหยิบสมุดบันทึกออกมาจากกระเป๋าทันทีและฉีกกระดาษออกมาหนึ่งแผ่น เธอเริ่มวาดมันด้วยปากกา

ในไม่ช้าภาพวาดสร้อยคอทองคำก็เสร็จสมบูรณ์

เมื่อเห็นงานศิลปะนี้ดวงตาของหลิ่วเยว่เอ่อร์ก็เป็นประกายทันที

ก่อนที่เฉินฮวนฮวนจะส่งมันให้กับเธอ แต่เธอก็รีบคว้าภาพวาดนั้นมาไว้ก่อนทันที