บทที่ 156 หลักฐานปรักปรำ

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 156 หลักฐานปรักปรำ

เว่ยสั่ว แสดงสีหน้ากระอักกระอ่วนกับคำพูดยกยอตัวเองของ ซูอัน เขาแอบถอนหายใจและเปลี่ยนเรื่องคุยทันที “ว่าแต่ลูกพี่ วันนี้ถุงน่องของอาจารย์ใหญ่เจียงเป็นสีอะไร?”

เมื่อได้ยินคำถามนี้ความคอกของ ซูอัน ก็ล่องลอยไปถึงขาที่เรียวและเรียบเนียนของ เจียงลั่วฝู จากนั้นเขาก็เผลอตอบไปโดยไม่รู้ตัวว่า “สีเนื้อ~”

เว่ยสั่ว กลืนน้ำลายดังเอื้อก “หึหึหึหึ เทพธิดาของข้านี่ช่าง…. ลูกพี่ ท่านนี่น่าอิจฉามากเลยรู้ตัวหรือเปล่า ท่านเข้ามาอยู่ในสถาบันไม่กี่วันก็ได้เจอกับอาจารย์ใหญ่เจียงไปแล้วตั้ง 2-3 รอบ ส่วนข้ายังไม่มีโอกาสได้เจอนางเลยสักครั้ง!”

ซูอันระเบิดเสียงหัวเราะ “เจ้าหมกมุ่นอยู่กับนางทั้ง ๆ ที่ไม่เคยพบนางมาก่อนเลยเนี่ยนะ?”

“ท่านไม่เข้าใจหรอก บางทีความห่างไกลก็สามารถทำให้หัวใจของผู้คนเบิกบานได้ ตั้งแต่วินาทีที่ข้าเห็นนางครั้งนั้น ข้าก็หลงใหลในเสน่ห์ของนางและหลงรักนางจนหมดหัวใจ…” เว่ยสั่ว เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเพ้อฝัน

ซูอัน ส่ายหัวด้วยสีหน้าละอายใจ เด็กน้อยเอ๊ย! ชาตินี้ทั้งชาติเจ้าไม่มีทางได้สมหวังกับผู้หญิงคนนั้นแน่

“ว่าแต่ เจ้ารู้ไหมว่าใครคืออาจารย์ที่สอนพวกเราอยู่ตอนนี้?” ซูอัน ใช้โอกาสนี้เพื่อรวบรวมข้อมูลของอาจารย์ผู้ที่ดูเหมือนจะพุ่งเป้ามาที่เขา

เว่ยสั่ว หัวเราะและตอบกลับทันที “ชื่อของเขาคือ หยางเว่ย มีตำแหน่งเป็นผู้ดูแลกิจการ พลเรือนของ เมืองจันทร์กระจ่าง เขามีหน้าที่เก็บภาษีเกษตรกรในเมืองแถมเขายังเป็นอาจารย์ สอนวิชาคำนวณของเราอีกด้วย”

“โอ้ อาจารย์คณิต” ซูอันพึมพำอย่างครุ่นคิด

“ซูอัน ลุกขึ้นและไปยืนอยู่หลังห้องเรียนซะ!” จู่ ๆ หยางเหว่ย ตะโกนขึ้นชี้นิ้วมายัง ซูอัน ด้วยสีหน้าโมโห

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนหันไปมองที่ ซูอัน อย่างรวดเร็วอยากรู้ว่า ซูอัน ไปทำอะไรให้อาจารย์ผู้นี้โกรธอีกรอบ

ตั้งแต่ชั้นเรียนเริ่มต้นเพียงไม่กี่นาที แต่อาจารย์หยางตะโกนใส่ ซูอัน ไปแล้วสองครั้ง

ซูอันขมวดคิ้ว เขารู้ว่าหยางเหว่ยเป็นศัตรูกับเขา แต่เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะหาเรื่องเขา อีกรอบเร็วขนาดนี้

“เจ้าหูหนวกเหรอ? เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าบอกให้เจ้ายืนอยู่ที่หลังห้องเรียนเหรอไง!” หยางเว่ย จ้องเขม็งไปที่ ซูอัน ด้วยสีหน้ามืดหม่น

ซูอัน แอบเยาะเย้ยอยู่ในใจ เจ้าไม่ได้ให้คะแนนความโกรธข้าเลยสักแต้ม เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เจ้าก็แสร้งทำเป็นโกรธเพื่อหาเรื่องข้า! เมื่อคิดได้เช่นนี้ ซูอัน จึงตอบกลับอย่างสบาย ๆ ว่า “ข้าขอถามได้หรือไม่ ท่านลงโทษข้าด้วยสาเหตุอะไร?”

“ข้าจะไม่ลงโทษเจ้าได้ยังไงในเมื่อเจ้าเอาแต่คุยกับเพื่อนที่อยู่ข้าง ๆ โดยไม่สนใจบทเรียน ที่ข้าสอน!” หยางเหว่ย ตวาดกลับด้วยสีหน้าที่ดูดุดันกว่าเดิม

นี่เป็นสิทธิพิเศษของการมีตำแหน่งที่เหนือกว่า หากอาจารย์อย่างเขาตั้งใจจะลงโทษนักศึกษาสักคน เขาก็สามารถทำได้โดยง่ายโดยการหาข้อแก้ตัวแบบลวก ๆ ซึ่งมันจะไม่มีใครตำหนิเขาได้ นอกจากนี้ ซูอัน ไม่ได้ฟังบทเรียนจริง ๆ ซึ่งทำให้ หยางเว่ย ยิ่งไม่มีปัญหาเลยในการคิดหาข้ออ้าง

คิ้วของ ซูอัน เลิกขึ้น ชั้นเรียนสีเหลืองเต็มไปด้วยนักศึกษาที่แย่ที่สุดในสถาบัน และแทบไม่มีใครสนใจที่จะเรียนเลย เขาเห็นหนึ่งในสามของนักศึกษาในห้องนอนหลับและอีกในสามก็คุยกันเองอย่างออกรสและยิ่งไปกว่านั้นบางส่วนยังแอบเล่นไพ่อยู่ที่หลังห้องเรียน

แทนที่จะจัดการกับตัวตลกพวกนั้น เขากลับเลือกที่จะหาเรื่องข้า…

“อาจารย์ ข้าเกรงว่าข้าคงต้องปฏิเสธคำกล่าวหาของท่าน ข้าตั้งใจฟังมาตลอดและไม่ได้คุยกับใครเลย ท่านมีหลักฐานมาพิสูจน์หรือเปล่าว่าข้าไม่ได้สนใจบทเรียนของท่านจริง ๆ ?” ซูอัน ถามกลับด้วยสีหน้าไร้เดียงสา

การโต้แย้งของ ซูอัน ทำให้ หยางเว่ย พูดไม่ออก

การจัดการกับนักศึกษาเพียงคนเดียวมันควรจะง่ายเหมือนกับเดินเล่นชมนกชมไม้ในสวน เขาแค่ต้องหาเหตุผลที่จะลงโทษก่อนที่จะขยายความผิดจนไล่ฝั่งตรงข้ามออกไปให้ได้เพื่อจบงานที่เขาได้รับมอบหมายมา

แต่เขาไม่นึกเลยว่า ซูอัน จะกล้าต่อปากต่อคำกับเขา?

ตามปกติแล้วนักศึกษาทุกคนจะต้องกลัวอาจารย์ผู้สอนเป็นเรื่องปกติ มันไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ของสถาบันที่นักศึกษาจะกล้าเถียงกับอาจารย์ผู้สอนเช่นนี้

แต่การที่ ซูอัน เถียงกับเขาเช่นนี้มันก็เป็นเรื่องที่เขาสามารถใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ได้เช่นกันเพราะในตอนแรกเขาเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจะป้ายความผิดของซูอันอย่างไรให้ถูกไล่ออกไปจาก สถาบันดี ต้องรู้ว่าเขาเป็นเพียงอาจารย์ผู้สอนธรรมดา ๆ เท่านั้น เขายังไม่มีอำนาจพอที่จะไล่นักศึกษาคนใดออกจากสถาบันได้ แต่ถ้าหากซูอันกล้าเถียงเขาแบบนี้ เขาก็จะมีเหตุผลในการอ้างกฎท้าทายอำนาจอาจารย์ผู้สอนได้อย่างชอบธรรมและนั่นมันจะนำไปสู่การขับไล่ซูอันออกจากสถาบันในท้ายที่สุด

“ข้าดูเหมือนคนตาบอดหรือไง ข้าเห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเมื่อครู่เจ้าคุยกับคนที่นั่งข้าง ๆ เจ้า!” หยางเหว่ย รีบสวนกลับทันทีอย่างรวดเร็ว

ซูอัน โต้กลับอย่างรวดเร็วไม่แพ้กัน “ถ้าท่านเห็นพวกเราสองคนคุยกันแล้วทำไมท่านถึงเรียกข้าแค่คนเดียว? เป็นไปได้ไหมว่าตอนนี้ท่านกำลังลำเอียงไม่ชอบข้าก็เลยเลือกพุ่งเป้าลงโทษแต่ข้า แค่คนเดียว?”

“ก็ข้าไม่รู้ว่านักศึกษาที่นั่งข้าง ๆ เจ้าชื่ออะไร นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าเรียกชื่อเจ้าแค่คนเดียวเท่านั้น!” หยางเหว่ยรีบอธิบาย

ซูอัน ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น “โอ้? งั้นเรื่องนี้มันก็ยิ่งแปลก ข้าจำไม่ได้เลยว่าตั้งแต่ข้าเข้ามาในห้องเรียนข้าแนะนำตัวเองไปเมื่อไหร่และยิ่งไปกว่านั้นข้าเพิ่งลงทะเบียนเข้าเรียนในสถาบัน เมื่อไม่กี่วันก่อนนี้เอง และนี่เป็นชั้นเรียนแรกที่ข้าเรียนกับท่าน แต่ท่านกลับรู้ชื่อของข้าแล้ว…หึหึ ท่านแน่ใจนะว่าท่านไม่ได้ตั้งพุ่งเป้ามาที่ข้าคนเดียวจริง ๆ ?”

นักศึกษาคนอื่น ๆ ที่กำลังดูสถานการณ์อยู่ต่างก็พากันขมวดคิ้ว พวกเขาทุกคนไม่ได้โง่ พวกเขารู้สึกได้ทันทีว่าบางอย่างแปลก ๆ เกิดขึ้นที่นี่จริง ๆ

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ชอบ ซูอัน สักเท่าไหร่แต่ทุกคนกลับรู้สึกไม่ชอบขี้หน้าอาจารย์ผู้นี้มากกว่า แค่พวกเขาเห็นผู้ชายวัยกลางคนร่างผอมที่หวีผมให้กลายเป็นแสกกลางเรียบแปร้มันก็ทำให้พวกเขารู้สึกหมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูก และที่สำคัญมากไปกว่านั้นหากอาจารย์ผู้นี้มีนิสัยชอบเล่นงานนักศึกษาแบบไร้เหตุผลจริง ๆ ในอนาคตมันอาจจะเป็นพวกเขาคนใดคนหนึ่งต่อไปก็ได้!

เมื่อทุกสายตาจับจ้องไปที่เขา หยางเว่ย จนเขาเองเริ่มรู้สึกอึดอัด อาจารย์วัยกลางคนชี้แจงอย่างรวดเร็วว่า “ใครบ้างในเมือง จันทร์กระจ่าง ที่ไม่เคยได้ยินชื่อของเจ้า ซูอัน? เจ้ามีความขัดแย้งกับผู้บ่มเพาะระดับ 5 แถมเจ้ายังชนะบ่อนโกยเงินจนได้เงินไปเจ็ดล้านเหรียญ ข้าจะไม่รู้ได้ยังไง ว่าเจ้าเป็นใคร!”

ข้าเกือบตกหลุมพรางของไอ้เด็กนี่แล้วไง! ก่อนหน้านี้ หยางเว่ย ได้รับการเตือนมาเหมือนกันให้ระวังปากที่แหลมคมของ ซูอัน แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าฝั่งตรงข้ามจะแข็งแกร่งขนาดนี้

ซูอัน พยักหน้าเล็กน้อย “เอาล่ะ ถึงแม้ว่าท่านจะรู้จักข้า แต่ข้าก็ยังขอยืนยันว่าเมื่อครู่ข้าไม่ได้พูดคุยกับคนที่อยู่ข้าง ๆ ของข้าเลย ในฐานะอาจารย์ ท่านไม่ควรใส่ร้ายนักศึกษาของตัวเอง”

“ไอ้เจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม! ข้าเห็นกับตาอยู่เมื่อครู่ว่าเจ้าคุยกับเพื่อนที่นั่งอยู่ ถัดจากเจ้า เจ้ายังจะกล้าเถียงอีกงั้นเหรอ! ข้าเป็นอาจารย์ ข้าจะใส่ร้ายนักศึกษาของตัวเองทำบ้าอะไร!” เมื่อครู่หยางเว่ยยังรู้สึกพอใจอยู่เลยที่เขาไม่ต้องกล่าวหาซูอันแบบเลื่อนลอยเพื่อเอาผิด แต่ตอนนี้ไอ้เด็กผู้นี้กลับกลายเป็นโกหกกับเขาหน้าตายซะอย่างนั้นเพื่อตอบโต้เขา นี่มันบ้าอะไรกัน?

“มันก็ยากที่จะพูด ท่านเคยได้ยินประโยคที่ใครหลายคนเคยพูดกันรึเปล่าว่า ในผืนป่า อันกว้างใหญ่มันก็มักจะมีนกแปลก ๆ อยู่ทุกชนิดให้ได้เจอ” เมื่อรู้ตัวแล้วว่า หยางเว่ย พุ่งเป้ามาที่ตัวเองด้วยเหตุผลอะไรสักอย่างซึ่งไม่น่าจะดีเท่าไหร่ ซูอัน ก็รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องรั้งตัวเองเอาไว้ “ในเมื่อท่านอ้างว่าข้ากำลังคุยกับเพื่อนร่วมชั้นข้าง ๆ ไม่อย่างนั้นท่านก็ต้องมีหลักฐานจริงไหม? เอาล่ะ รีบเอาหลักฐานออกมาไม่งั้นข้าจะฟ้องจะท่านกลับ!”

ท่านยั่วยุ หยางเว่ย สำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น 666!

หยางเหว่ย แทบจะสำลักจากความโกรธ ในชีวิตเขาก่อนหน้านี้เขาเป็นฝ่ายให้ร้ายผู้อื่นแบบ อยุติธรรมเสมอมา แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นว่าเขาไม่สามารถทำอะไรกับฝั่งตรงข้ามได้แถมเขายังโดนกล่าวหาแบบลอย ๆ อีกต่างหาก!

ข้าจะหาหลักฐานเรื่องนี้ได้ยังไง? ที่นี่มันไม่มีของวิเศษที่เอาไว้ใช้บันทึกภาพหรืออะไร สักหน่อย!

“เจ้าอยากได้หลักฐานใช่ไหม?” หยางเว่ย ยังไม่เต็มใจที่จะโยนธงขาวตอนนี้ เขาเบนสายตาไปหา เว่ยสั่ว และตวาดถามขึ้นด้วยสีหน้าดุดัน “พูด! ก่อนหน้านี้เจ้าคุยกับเขาไหม?”

เว่ยสั่ว กะพริบตาอย่างไร้เดียงสา “อาจารย์ ข้าไม่ได้คุย…”