ตอนที่ 116

My Disciples Are All Villains

“ได้โปรดตอบข้าด้วยท่านปรมาจารย์! ” ฮั๊ววู่เด๋าพูดออกมาด้วยความเคารพ

ชายวัยกลางคนที่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกปวดไปทั้งตัว อาจารย์ของเขากำลังคุกเข่าอ้อนวอนเพื่อที่จะให้คู่ปรับของตัวเองต่อสู้ด้วย หลายปีก่อนฮั๊ววู่เด๋ามีอำนาจที่น่าเกรงขามในสำนักหยุน เขาเป็นคนที่ผู้คนในสำนักต่างก็นับหน้าถือตากัน แต่ในตอนนี้ฮั๊ววู่เด๋ากลับทำตัวน่าสมเพชในศาลาปีศาจลอยฟ้า และยิ่งแย่ไปกว่านั้นตัวเขาที่เป็นลูกศิษย์กลับช่วยอะไรไม่ได้ ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่แบบนี้และต่อหน้าเหล่ายอดฝีมือ ตัวเขาจะทำอะไรได้? ในตอนนั้นศิษย์ของฮั๊ววู่เด๋าทำได้เพียงก้มหน้ารับผลกรรมเท่านั้น

ลู่โจวลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ เขาวางมือข้างหนึ่งเอาไว้ที่หลังก่อนที่จะใช้มืออีกข้างหนึ่งลูบเครา ลู่โจวได้พูดออกมาอย่างช้าๆ “ข้าจะบอกเจ้าอย่างแรก เจ้าน่ะไม่มีสิทธิ์ที่จะมาสู้กับข้า หมิงซี่หยินและด้วนมู่เฉิงจะเป็นคนที่ต่อสู้แทน เจ้าจะต้องป้องกันการโจมตีจากศิษย์ทั้งสองคนของข้า และเรื่องที่สองเวลาของข้ามีค่ามาก ถ้าหากเจ้าพ่ายแพ้ไปเจ้าจะต้องยอมรับเงื่อนไขอะไรของข้าสักอย่างหนึ่ง”

ใบหน้าของชายวัยกลางคนเปลี่ยนไปเป็นสีแดง ตัวเขาเริ่มรู้สึกโกรธขึ้นมาจริงๆ แล้ว

เสียงของลู่โจวได้ดังขึ้นมาอีกครั้ง “เจ้าจะเลือกปฏิเสธก็ย่อมได้ ข้าไม่ฝืนใจเจ้าหรอก”

“เจ้า…” ชายวัยกลางคนกัดฟันพูด ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว เห็นได้ชัดว่าชายคนนี้รู้สึกโกรธ ชายคนนี้อาจจะเป็นเหมือนกับคำพูดคำพูดหนึ่งที่ว่าเอาไว้ ‘คนหนุ่มคนสาวมักจะไร้ความกลัว’ มันเป็นคำพูดที่ถูกเสมอ

พรึ๊บ!

ฮั๊ววู่เด๋าได้เตะชายวัยกลางคนคนนั้นอย่างแรง ชายวัยกลางคนคนนั้นคุกเข่าลงทันที “ข้าพาเจ้ามาที่นี่ก็เพื่อเปิดโลกทัศน์เท่านั้น แต่ดูเจ้าตอนนี้สิ พยายามที่จะมายุ่งกับเรื่องของข้า? “

“ข้าไม่กล้า! “

“ถ้าหากเจ้ากล้ามาขัดขวางข้าอีก เจ้าก็อย่าเรียกข้าว่าอาจารย์อีก! “

ชายวัยกลางคนตกตะลึงกับคำพูดของผู้เป็นอาจารย์ เขาทำได้เพียงพยักหน้าตอบรับเท่านั้น “ดะ…ได้ครับท่านอาจารย์”

ฮั๊ววู่เด๋าก้าวไปข้างหน้า ในตอนนี้เขาดูมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิม เขามองไปที่ด้วนมู่เฉิงและหมิงซี่หยินก่อนที่จะพูดออกมา “ข้ายอมรับเงื่อนไขของท่าน ตราบใดที่มันไม่เกี่ยวกับสำนักหยุนข้าก็จะทำตามทุกอย่าง”

“เยี่ยมมาก” ลู่โจวลูบเคราก่อนที่จะตอบกลับมาอย่างใจเย็น

หมิงซี่หยินก้าวเดินมาข้างหน้า เขาประเมินฮั๊ววู่เด๋าด้วยความสนใจ “ในฐานะที่ข้าเป็นตัวแทนของท่านอาจารย์ ข้าจะได้เห็นว่าเคล็ดวิชาการเลี้ยงเต่าของเจ้าสักที” หมิงซี่หยินพูดความจริง เคล็ดวิชาการป้องกันของฮั๊ววู่เด๋าที่ฝึกฝนมานานกว่า 20 ปีเป็นเหมือนกับเคล็ดวิชาการป้องกันของเต่าดีๆ นี่เอง

ฮั๊ววู่เด๋าที่ได้ฟังแบบนั้นไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองเลย เขายกมือขวาขึ้นมาอย่างช้าๆ ก่อนที่จะตอบกลับมา “ด้วยความยินดี” หลังจากพูดเสร็จร่างกายของฮั๊ววู่เด๋าก็เปล่งแสงสีทองออกมา

พลังสวรรค์, โลก, ชีวิต, ความตาย, น้ำ และไฟ พลังทุกอย่างได้ปรากฏขึ้นเป็นตราประทับทั้งหมดได้ปรากฏตัวขึ้นตามลำดับ มันโคจรรอบตัวฮั๊ววู่เด๋าด้วยความเร็วสม่ำเสมอ

“ผนึกตราประทับทั้งหก! “

ตราประทับทั้งหกเป็นเคล็ดวิชาจากเต๋าที่มีความสลับซับซ้อนมาก ผู้ฝึกยุทธที่สามารถฝึกฝนจนมาถึงขั้นสูงสุดได้เป็นอะไรที่หาได้ยากมาก คำว่า “ตราประทับทั้งหก” เป็นเหมือนกับคำศัพท์ของโลกแห่งการฝึกยุทธ มันประกอบไปด้วยความสำคัญทั้งสามอย่างประกอบเข้าด้วยกัน แก่นแท้, พลัง, และจิตวิญญาณ พลังทั้งสามได้ผสมผสานเข้ากันกับทั้ง มือ, ตา และร่างกาย

ตราประทับทั้งหกของฮั๊ววู่เด๋ามีพลังมากยิ่งขึ้น วงกลมที่เป็นจุดศูนย์กลางอยู่ที่ใต้เท้ามีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเกือบ 2 เมตรด้วยกัน ตราสัญลักษณ์ที่เกิดขึ้นมีลักษณะคล้ายกับผังหยินหยาง มันเต็มไปด้วยพลังชีวิต ถ้าหากเขาสามารถฝึกฝนตัวเองจนถึงขั้นนี้ได้ เวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมาก็นับว่าไม่ได้ผ่านไปอย่างไร้ประโยชน์สักที่เดียว ดูเหมือนว่าชายคนนี้จะหลงใหลในการฝึกยุทธอย่างแท้จริง

เมื่อหมิงซี่หยินเห็นตราประทับทั้งหก เขาก็หยุดมองไปที่ฮั๊ววู่เด๋า ในตอนนั้นเขาก็ได้ปรับท่าทางของตัวเองก่อนที่จะรวบรวมพลังลมปราณเอาไว้ ในตอนนั้นรอบตัวของเขาก็เต็มไปด้วยพลัง พลังทั้งหมดได้เอ่อล้นรวมกันจนเกือบปกคลุมทั่วทั้งท้องฟ้าของภูเขาทองไป

เมื่อฮั๊ววู่เด๋าเห็นแบบนั้นเขาก็พูดออกมา “ถ้าหากนี่เป็นพลังทั้งหมดของเจ้า ข้าแนะนำว่าให้พวกเจ้าทั้งคู่เข้ามาเลยพร้อมกันจะดีกว่า! “

“หืม? ” หมิงซี่หยินขมวดคิ้ว เขากระโดดไปต่อหน้าผนึกพลังของฮั๊ววู่เด๋า ในตอนนั้นเองหมิงซี่หยินก็ได้ตะโกนออกมาก่อน “โอหังยิ่งนัก! ” พลังทั้งหมดได้ซัดเข้าใส่ฮั๊ววู่เด๋า

ในพริบตาผนึกพลังทั้งหกก็ขยายใหญ่ขึ้น วงแหวนพลังใต้เท้าของฮั๊ววู่เด๋าเองขยายขนาดใหญ่ขึ้นเกือบสองเท่า

พลังของฮั๊ววู่เด๋าขยายขนาดใหญ่ยิ่งขึ้น

ตู๊ม!

หมิงซี่หยินได้ซัดพลังเข้าใส่ผนึกพลังทั้งหกอย่างไม่หยุดยั้ง ฮั๊ววู่เด๋าไม่ได้รู้สึกร้อนใจเลยแม้แต่น้อย พลังโจมตีของหมิงซี่หยินไม่สามารถที่จะทำลายผนึกพลังทั้งหกได้ พลังของเขายังถูกสะท้อนกลับมาอีกด้วย

ทุกๆ คนที่เห็นแบบนั้นต่างก็รู้สึกตกใจ

หมิงซี่หยินพลิกตัวไปมากลางอากาศ เขาถอยหลังกลับไปสามก้าวก่อนที่จะตั้งหลักขึ้นมาอีกครั้ง ในตอนนี้หมิงซี่หยินรู้สึกชาไปทั้งแขน ไม่น่าแปลกใจเลยที่ฮั๊ววู่เด๋ามั่นใจมากถึงขนาดมาท้าทายผู้เป็นอาจารย์ของเขา ฮั๊ววู่เด๋าไม่คิดเลยว่าทั้งหมิงซี่หยินและด้วนมู่เฉิงจะเป็นคู่ต่อสู้ที่คู่ควร

ในรอบนี้ฮั๊ววู่เด๋าสามารถป้องกันเอาไว้ได้ ฮั๊ววู่เด๋าชนะ!

“อีกครั้ง! ” หมิงซี่หยินเคยเอาชนะคู่ต่อสู้มาแล้วด้วยกลวิธีที่โจมตีคู่ต่อสู้ในทีเผลอ การโจมตีทีเผลอมักจะทำให้ศัตรูของเขาไม่สามารถที่จะตั้งหลักได้ทัน วิธีนี้เป็นวิธีที่เขาใช้ได้ผลมาโดยตลอด แต่ถึงแบบนั้นในการต่อสู้จริงการจะใช้งานวิธีนี้ได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

“เคียวพื้นพิภพ! ” หมิงซี่หยินได้เรียกอาวุธระดับสรวงสวรรค์ออกมา

ทุกๆ คนต่างก็ตกตะลึง เคียวพื้นพิภพได้กวัดแกว่งไปมาอยู่ที่กลางอากาศ

ฮั๊ววู่เด๋าขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนที่จะพูดออกมาเยือกเย็น “อาวุธระดับสรวงสวรรค์อย่างงั้นหรอ! “

หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้อาวุธระดับสรวงสวรรค์มีค่ามากเป็นเพราะว่าในความจริงแล้วพวกมันสามารถทำลายคลื่นพลังได้นั่นเอง และเพราะเนื่องจากมันสามารถทำลายพลังได้ มันจึงเป็นเรื่องธรรมดาด้วยเช่นกันที่จะทำให้เจาะทะลุผ่านม่านพลังป้องกันรวมไปถึงพลังร่างอวตารได้!

เคียวพื้นพิภพได้สร้างภาพติดตาเอาไว้มากมายในตอนที่หมิงซี่หยินโบกไปโบกมากลางอากาศ

ปั๊ง! ปั๊ง! ปั๊ง! ปั๊ง! ปั๊ง!

หมิงซี่หยินได้มุ่งไปที่การโจมตีเพียงจุดๆ เดียว!

พลังผนึกทั้งหกเองได้เตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีของอาวุธระดับสรวงสวรรค์แล้วเช่นกัน

ในตอนนั้นเองผนึกทั้งหกได้เปล่งแสงเจิดจ้าออกมาก่อนที่จะรวมเป็นหนึ่ง มันรวมกันเป็นหนึ่งเพื่อที่จะป้องกันจุดที่หมิงซี่หยินได้เล็งโจมตีมา!

ปั๊ง!

พลังผนึกได้สะท้อนการโจมตีออกมา

ยิ่งหมิงซี่หยินโจมตีได้อย่างรุนแรงมากขึ้นเท่าไหร่ พลังที่จะสะท้อนกลับมาก็มากขึ้นเท่านั้น ด้วยการโจมตีครั้งนี้ทำให้ตัวของเขากระเด็นกลับไปก่อนที่จะชนกับเสาของห้องโถงใหญ่ ก่อนที่ขาของหมิงซี่หยินจะแตะลงถึงพื้น ในตอนนัน้เขาก็ได้ชิงพูดออกมาซะก่อน “อีกครั้ง!! “

หมิงซี่หยินไม่เต็มใจที่จะยอมรับความพ่ายแพ้นี้ ตัวเขาได้พลิกตัวไปในกลางอากาศก่อนที่จะเตรียมโจมตีอีกครั้ง ในตอนนั้นเองเสียงของด้วนมู่เฉิงก็ได้ดังออกมาซะก่อน

“พอได้แล้วศิษย์น้อง! ข้าจะเป็นคนลงมือเอง! ” หอกราชันย์ได้พุ่งผ่านตัวของหมิงซี่หยินไป มันได้ขวางทางตัวของเขาเอาไว้นั่นเอง

หมิงซี่หยินไม่ใช่คนบ้าดีเดือด แต่ถึงแบบนั้นเขาก็เป็นคนที่ทักษะสูงและมีความคล่องตัวมากเช่นกัน แต่ถึงแบบนั้นถ้าหากคู่ต่อสู้ของเขาซ่อนตัวอยู่หลังตราประทับทั้งหก หมิงซี่หยินก็ได้แต่เสียเปรียบอย่างรุนแรงเท่านั้น

ด้วนมู่เฉิงได้ใช้หอกราชันย์ของเขาพุ่งไปข้างหน้า

ซู่ว!

พลังร่างอวตารแห่งร้อยวิถี

พลังร่างอวตารด้วนมู่เฉิงที่สูงกว่า 30 ฟุตได้ตั้งตระหง่านเหนือคนอื่นๆ ในห้องโถงใหญ่ แต่ถึงแบบนั้นด้วนมู่เฉิงก็ควบคุมพลังเอาไว้เป็นอย่างดีจนทำให้ห้องโถงใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบ

พลังของด้วนมู่เฉิงมีมากกว่าขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

“คลื่นพันวิถี! “

หอกราชันย์ได้สร้างภาพติดตานับพันเอาไว้กลางอากาศ

เมื่อเห็นแบบนั้นฮั๊ววู่เด๋าก็ได้อุทานออกมาอย่างพึงพอใจ

“ตามที่คาดการณ์เอาไว้ ศาลาปีศาจช่างน่าประทับใจจริงๆ ดูเหมือนว่าทุกคนที่นี่จะมีอาวุธระดับสรวงสวรรค์อยู่สินะ” ขณะที่พูดตัวเขาก็ได้รวบรวมผนึกทั้งหกเป็นจุดเดียวกันอีกครั้ง ม่านพลังป้องกันในครั้งนี้มันมีขนาดใหญ่มากขึ้นกว่าเดิมมาก

ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!

หอกทั้งพันได้กระหน่ำแทงเข้าใส่ม่านพลัง

ผนึกทั้งหกที่รับการโจมตีได้เริ่มจางลง แต่ถึงแบบนั้นมันก็กลับมาเปล่งประกายอีกครั้ง

“นี่มันผนึกพลังแห่งเต๋า ข้าไม่เคยเห็นใครใช้ผนึกทั้งหกแบบนี้ได้มาก่อน” โจวจี้เฟิงพูดชมเชยออกมา

“ข้าก็ด้วย สำนักบริสุทธิ์เองก็ไม่มีใครใช้ผนึกทั้งหกแบบนี้ได้ พวกเรามุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนเคล็ดวิชาที่ใช้ในการโจมตีเท่านั้น พวกเราต่างก็ละลายที่จะฝึกเคล็ดวิชาป้องกัน! การต่อสู้ครั้งนี้ช่างเปิดโลกทัศน์ให้กับพวกเราจริงๆ! ” ฝางซงพูดออกมา

ด้วนมู่เฉิงได้ตะคอกออกมา “ไม่ทำอะไรเลยนอกจากป้องกันมีอย่างที่ไหนกัน! อีกครั้ง! ” ด้วนมู่เฉิงได้เหวี่ยงหอกราชันย์อีกครั้ง ในตอนนั้นเองภาพติดตาก็ได้ปรากฏขึ้น มันดูทรงพลังกว่าครั้งก่อนมาก

ลู่โจวพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ เขาพูดโดยที่ใช้มือของตัวเองไขว้ไว้ที่ด้านหลัง “รวบรวมพลังไปที่จุดจุดเดียวซะ…”

การโจมตีทางอากาศไม่สามารถใช้ได้ผลกับการป้องกันที่ดีที่สุดได้

ด้วนมู่เฉิงพยักหน้า “ขอบคุณสำหรับคำแนะนำท่านอาจารย์! “

ด้วยการใช้พลังร่างอวตารแห่งร้อยวิถี ทำให้ภาพติดตาของหอกทั้งหลายเคลื่อนที่ได้เร็วมากยิ่งขึ้นจนเป็นเหมือนกับภาพเบลอ

“ยุทธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์! ” เคล็ดวิชาขั้นสุดยอดได้ถูกปลดปล่อยออกมา!

ฮั๊ววู่เด๋าที่เห็นแบบนั้นก็ได้อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ “ข้าไม่คิดมาก่อนว่าศาลาปีศาจลอยฟ้าจะมีศิษย์ที่เก่งกาจได้ถึงเพียงนี้…แต่แค่นั้นยังไม่พอหรอก! ” ฮั๊ววู่เด๋าได้พุ่งไปข้างหน้า ในตอนนั้นผนึกพลังใต้เท้าก็ได้ขยายใหญ่มากยิ่งขึ้น จนท้ายที่สุดแล้วผนึกพลังทั้งหกได้หลอมรวมกันจนเป็นผนึกแปดเหลี่ยม