ตอนที่ 159 คนส่งถ่านกลางหิมะ

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 159 คนส่งถ่านกลางหิมะ

ตอนนั้นเอง หลินม่ายเห็นแสงไฟจากไฟฉายลอดมาใต้ช่องประตูลายตารางหมากรุก

อาจจะเป็นแสงจากไฟฉายของหมอหรือพยาบาลระหว่างการตรวจเยี่ยมผู้ป่วย

นี่ไม่ต่างจากแสงแดดอบอุ่นในฤดูหนาวและร่มในวันฝนตกเลย

ดังนั้น เพื่อจะอยู่ในโลกนี้ต่อไปได้ เรายังคงต้องเชื่อมันในแสงสว่าง

หลินม่ายรู้สึกดีใจและรีบเคาะประตูห้องเล็ก ๆ ที่เธออยู่

ในความเงียบสงัดของราตรี เสียงเคาะประตูกังวาลแจ่มชัดเรียกความสนใจของผู้ตรวจตรายามค่ำคืนทันที แสงไฟฉายด้านนอกหยุดนิ่งลง

หลินม่ายถามเสียงเบาแต่กระตือรือร้น “มีใครอยู่ไหม?”

แสงของไฟฉายเคลื่อนมาหยุดอยู่ที่ประตู

“คือว่า….” หลินม่ายรู้สึกอายเล็กน้อยที่จะพูดออกไป แต่เธอจำเป็นต้องพูด

เธอตะกุกตะกัก “ขอ…ขอผ้าอนามัยให้ฉันได้ไหม? ประจำเดือนฉันมา”

อ๊า! หวังว่าข้างนอกนั่นจะเป็นนางพยาบาลนะ หรือไม่ก็หมอผู้หญิงก็ได้

อย่าได้เป็นหมอผู้ชายเลย จะน่าอายเกินไปแล้ว!

ด้วยกลัวว่าอีกคนจะไม่ช่วย เธอจึงเร่งรีบกล่าวเสริม “ฉันจะให้เงิน”

หลังจากนั้น เธอควักเอาเงินหนึ่งหยวนออกมาจากตัวเธอ แง้มประตูเล็กน้อย ค่อย ๆ ยื่นมันออกไป

ไม่มีใครตอบอยู่หน้าประตู และไม่มีใครหยิบเงินหยวนนั่นไป

หลินม่ายเห็นว่าแสงไฟนั้นไกลออกไปและไม่กลับมาอีกสักพัก

ในใจเธอคิด ทำไมถึงมีเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่ไม่แม้แต่จะอยากช่วยเรื่องเล็กๆน้อยๆแค่นี้กันนะ

ในตอนที่ขาเธอเริ่มชาจากการนั่งยอง ๆ และเธอกำลังจะออกไปทั้งอย่างนี้นั่นเอง แสงจากไฟฉายเคลื่อนที่เข้ามาอย่างช้า ๆ อีกครั้ง

จากนั้น ใครบางคนจากด้านนอกเคาะเบา ๆ ที่ประตู

หลินม่ายรีบร้อนแง้มเปิดประตูออกไป ผ้าอนามัยห่อหนึ่งจึงถูกยื่นมาให้ผ่านรอยแยกนั้น

มันไม่ใช่สายรัดผ้าอนามัยและกระดาษชำระที่ผู้หญิงยุคนี้ใช้ตามปกติ แต่เป็นผ้าอนามัยแบบแผ่น ทำให้หลินม่ายประหลาดใจ

ต้องรู้ว่าผ้าอนามัยแบบแผ่นพึ่งจะวางขายในยุคนี้ และซื้อได้ที่ร้านเฟรนด์ชิพสโตร์เท่านั้น

เฟรนด์ชิพสโตร์ขายแค่ชาวต่างชาติเท่านั้น ยากมากที่คนทั่วไปจะซื้อผลิตภัณฑ์ระดับไฮเอนด์ข้างในนั้นได้

หลินม่ายสงสัย ใครกันเป็นคนมีความสามารถส่งถ่านกลางหิมะให้เธอ กระทั่งผ้าอนามัยยังหามาให้ได้!

เธอจัดแจงตัวเองให้เรียบร้อยแล้วเปิดประตูออกไปด้วยความโล่งใจ ใบหน้าประดับรอยยิ้ม เธอกำลังจะกล่าวขอบคุณกับวีรสตรีที่มาช่วยชีวิตเธอ

แต่แล้วกลับพบว่าเป็นฟางจั๋วหรานยืนอยู่หน้าประตู ทำให้เธอรู้สึกเหมือนสายลมได้พัดพาเธอไปไกล

แสงจากไฟฉายในมือของฟางจั๋วหรานโอบล้อมเธออย่างพอดิบพอดีราวกับเธอคือปีศาจที่ถูกกักขังอยู่ในแสงอันเรืองรองของเจดีย์ของโลกบาลหลี่(1)

หลินม่ายปิดหน้าตัวเองโดยสัญชาตญาณแล้วคิดว่าคอเสื้อที่เธอใส่กลางคืนนั้นต่ำอยู่หน่อย ๆ เพราะอากาศร้อน

เธอปิดหน้าอกด้วยมือหนึ่ง อีกมือปิดหน้า ราวกับเป็นหญิงสาวที่ถูกจับกุมในฉากต่อต้านสื่อลามก

ฟางจั๋วหรานแสดงความไม่เข้าใจพฤติกรรมแปลก ๆ ของเธอในการปกปิดนู่นนั่นนี่ “ผมเป็นศัลยแพทย์ มีส่วนไหนของคุณบ้างที่ผมจะไม่คุ้นเคย?”

อ๊า~ ประโยคนี้ช่างน่าอายเกินไปไหม?

หลินม่ายตอบกลับอย่างว่องไร “ถึงคุณคุ้นเคยกับโครงสร้างร่างกายมนุษย์ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะคุ้นเคยกับฉันนี่!”

“ดูเหมือนจะมีเหตุผลเล็กน้อย” ฟางจั๋วหรานยิ้มพริ้มพราย “ถ้าคุณให้โอกาสผมได้คุ้นเคยกับคุณ ผมจะมีความสุขที่ได้เรียนรู้โครงสร้างร่างกายของคุณมาก”

หลินม่ายคลางแคลงใจว่าเขาจะพูดเรื่องลามก แต่เธอไม่มีหลักฐาน

นอกจากนั้นถึงเขาจะพูดจริง ก็เป็นเพราะคำพูดผิด ๆ ของเธอ

นี่มันฉากมรณะทางสังคม(2)ชัดๆ หลินม่ายรู้สึกละอายจนต้องหนีไป

ฟางจั๋วหรานกอบกุมข้อมือของเธอไว้แล้วผลักเธอไปที่ประตูไม้ของห้องน้ำ

แขนเรียวยาวทรงพลังประคับประคองตัวเธอไว้ทั้งสองข้าง เขาเคลื่อนเข้าไปใกล้หน้าของเธอขึ้นมากกว่าเดิม ใบหน้าเขามีความลังเลและยับยั้งชั่งใจ

ในใจหลินม่ายยุ่งเหยิงวุ่นวายมันเต้นกระหน่ำราวกับจะทะลุออกมาจากหน้าอกของเธอ

ศาสตราจารย์ฟาง….เขาคงไม่คิดจะสารภาพรักเธอหรอกใช่ไหม…ไม่อย่างนั้นคงไม่ตกอยู่ในสภาพแบบนี้….

อ๊าาาาาาา ! ถ้าเขาคิดจะสารภาพต่อเธอจริง ควรจะตกลงทันที หรือควรรีรอดี?

ไม่นาน หลินม่ายก็รู้ว่าเธอคิดมากไปเอง

เสียงฟางจั๋วหรานฟังดูเหมือนผู้จัดรายการวิทยุยามค่ำคืน “มีเลือดติดอยู่ด้านหลังกระโปรงของคุณ…”

หลินม่ายหวังเหลือเกินว่าเธอจะหาที่มุดเข้าไปหลบได้ คืนนี้เธออับอายขายขี้หน้าต่อหน้าเขาพอแล้ว

ฟางจั๋วหรานถอดเสื้อกาวน์ของเขาออกมาคลุมเอวของเธอ “ดีขึ้นแล้ว ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว คุณกลับไปเปลี่ยนกระโปรง ผมจะเฝ้าโต้วโต้วให้เอง”

หลินม่ายวิ่งกอดอกตัวเองจากไปอย่างรวดเร็ว

ฟางจั๋วหรานเตือนอย่างอ่อนโยนไล่หลังเธอไป “อย่าวิ่งตอนประจำเดือนมา กันไม่ให้เลือดไหลไปตลอดทาง คนที่เขาไม่รู้เขาจะคิดว่าคุณถูกแทงเอานะ”

หลินม่ายไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป ไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปจริง ๆ

ศาสตราจารย์ ถ้าคุณไม่เปิดปาก ก็ไม่มีใครหาว่าคุณเป็นบ้าหรอกนะ!

หลินม่ายกลับเข้าบ้านทางสวนอย่างเบา ๆ ด้วยไม่ต้องการรบกวนใคร

ผลปรากฎว่า เมื่อเธอขึ้นไปชั้นบน เสียงเอี้ยดอ้าดของพื้นบันไดไม้ปลุกหลี่หมิงเฉิงที่นอนหลับอยู่ในร้านขึ้น

เมื่อหลี่หมิงเฉิงเปิดไฟในร้านขึ้น หลินม่ายรู้สึกปวดใจ เธอกลัวว่าหวานใจวัยเด็กจะเห็นสภาพนี้ของเธอ เธอจึงรีบวิ่งขึ้นไปบนห้องในอึดใจเดียว

เมื่อจัดการตัวเองเรียบร้อยและกำลังจะลงไปซักผ้าข้างล่างด้วยเสื้อผ้าที่เปลี่ยนใหม่ จึงเห็นว่าหลี่หมิงเฉินยืนอยู่ที่บันได

สายตาของเขาเคลื่อนไปตามหลินม่าย “ทำไมเธอกลับมากลางดึก มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?”

หลินม่ายรีบตอบอย่างชาญฉลาด “ไม่มี ฉันช่วยเหลือผู้ป่วยห้องถัดไป ผู้ป่วยคนนั้นอ้วกใส่ฉันทั้งตัว ก็เลยกลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้าน่ะ”

หลังจากหลี่หมิงเฉิงไปและซักผ้าเรียบร้อยแล้ว หลินม่ายกลับไปที่โรงพยาบาล

ถนนที่พลุกพล่านในยามกลางวัน กลับร้างผู้คนในยามค่ำคืน

ลมราตรีเดือนพฤษภาคมพัดมากระทบศีรษะ ลมให้ความรู้สึกเย็นเล็กน้อย หอบเอาความความร้อนรุ่มในใจเธอพัดพาไปกับสายลม ช่วยให้ความคิดของหลินม่ายสงบลง

ฟางจั๋วหรานผู้ชายตัวโตคนหนึ่งสามารถหาผ้าอนามัยที่ขายแค่เพียงชาวต่างชาติในยุคนี้มาได้ ทำให้พอจะคิดได้ว่าผ้าอนามัยนี้บางทีเขาอาจจะเตรียมไว้เพื่อผู้หญิงที่ใกล้ชิดกับเขา

คำตอบที่หาออกมาได้ทำให้หลินม่ายรู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อย และยังรู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย

เมื่อกี้เธอยังหวังให้เขาสารภาพรักกับเธอ….

เธอจินตนาการสูงเกินไปแล้ว

ถ้าหากฟางจั๋วหรานไม่ตาบอดเขาคงไม่เลือกเธอ ไม่ต้องคำนึงถึงพื้นเพของพวกเขา ความรู้ หน้าที่การงาน ไม่มีสิ่งใดเหมาะสมกันเลยระหว่างทั้งสองคน

คิดมากเกินไปแล้ว….

หลินม่ายคิดว่าคืนนี้เธอทำเรื่องน่าอายต่อหน้าฟางจั๋วหรานมากพอแล้ว และจะไม่สถานการณ์ที่เลวร้ายไปยิ่งกว่านี้ แต่เธอคาดไม่ถึงว่าจะมีสถานการณ์ที่ร้ายแรงกว่ารอเธออยู่ไม่ไกลออกไป

เมื่อเธอเปิดประตูของห้องผู้ป่วย เธอก็เห็นฟางจั๋วหรานนั่งอยู่หน้าเตียงของโต้วโต้ว กำลังอ่านหนังสืออยู่ข้างโคมไฟ

หากมองแค่ภาพนี้ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี

ทว่าจุดสำคัญคือ ขณะที่เขากำลังอ่านหนังสือเขามีรอยยิ้มแปลกประหลาดประทับบนใบหน้า ทำให้ขนของหลินม่ายลุกชันไปทั้งตัว

เมื่อเห็นเธอเข้ามา ฟางจั๋วหรานส่งยิ้มมีเลศนัยมาให้เธอ “คาดไม่ถึงว่าคุณจะชอบอ่านหนังสือประเภทนี้”

จากนั้นเขาก็ลุกขึ้น รับเสื้อกาวน์จากหลินม่ายแล้วเดินออกไป

หนังสือประเภทไหน? เธอเองไม่แม้แต่จะนำหนังสือมาอ่านด้วยซ้ำ

หลินม่ายเดินตรงไปเก้าอี้ที่ฟางจั๋วหรานนั่งเมื่อสักครู่และนั่งลงด้วยความมึนงง หยิบหนังสือที่เขาเพิ่งอ่านแล้วเริ่มอ่านมัน

คาดไม่ถึงมันกลับเป็นหนังสือปกขาว!

คำบรรยายในหนังสือช่างน่าหวาดกลัว

‘เธอไม่สนใจกระมิดกระเมี้ยนอีกต่อไป กอดรัดชายคนนั้นราวกับเป็นงู พลางเอ่ยอย่างออดอ้อน “ฉันยังต้องการอยู่เลย คุณให้ฉันได้ไหมคะ?”’

หลินม่ายโยนหนังสือออกไปไกล อยากจะร้องไห้ แต่หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่ของเธอ มันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องเธอทั้งนั้นเข้าใจไหม?

ใครโยนหนังสือลามกมาใส่เตียงโต้วโต้ว ออกมาเดี๋ยวนี้นะ สาวน้อยอย่างฉันสัญญาว่าจะไม่อัดเธอจนตาย!

———————————————————

托塔李天王 = โลกบาลหลี่ผู้ถือเจย์ดี / 李靖 หลี่จิ้งเป็นแม่ทัพสมัยราชวงศ์ฮั่นตอนต้น หลังเสียชีวิต เขาได้รับการแต่งตั้งจากองค์เง็กเซียนฮ่องเต้ได้เป็นขุนพลสวรรค์ มีอาวุธคู่กายคือ เจดีย์ 7 ชั้น ที่เคยจับซุนหงอคงขังเอาไว้ เจดีย์นี้สามารถกักขังได้ทั้งวิญญาณ ภูตผีปีศาจ หรือแม้แต่เทพเจ้า

社死现场 หมายถึง การทำสิ่งที่โง่เง่าหรือน่าอับอายในที่สาธารณะ จนไม่อยากปรากฏในสังคมอีก เป็นการตายทางสังคม

สารจากผู้แปล

ผช.ที่ยื่นผ้าอนามัยให้เราตอนที่เรามีประจำเดือนนี่ถือว่าน่ารักมากนะคะ

เดี๋ยวนะ พี่หมอ พี่เห็นม่ายจื่อเป็นผู้หญิงแบบนั้นเหรอ หนังสือนั่นเป็นของพี่มากกว่ามั้ง

ไหหม่า(海馬)