“ท่านผู้อาวุโส ท่านควรจะไปที่ยอดเขาพิชิตสวรรค์ก่อน อีกไม่นาน ศิษย์จะกลับไปฝึกบำเพ็ญที่ยอดเขาขอรับ”
ในขณะนั้น เขาเพิ่งเข้าไปในค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาและเข้าไปในประตูสำนักที่แกะสลักจากหยกขาว
หลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็มอบไข่มุกสะกดวิญญาณและถุงเก็บสมบัติที่บรรจุของที่เอามาจากการต่อสู้ให้กับผู้อาวุโสว่านหลินหยุนด้วยความเคารพ
ไม่ใช่ว่าเขาไม่คิดจะซ่อนและเก็บสมบัติใดๆ เอาไว้สำหรับตัวเขาเอง
แต่คลังเวทจัดเก็บที่เขารวบรวมมาได้ในครั้งนี้ส่วนใหญ่ถูกทำลายไปในเปลวเพลิงพิษของผู้อาวุโสว่านหลินหยุน และมีคุณค่าเหลือไม่มากนัก…
ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้ยังเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความเป็นตายของสำนัก
ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะมีผู้สนับสนุนเป็นที่พึ่งพาได้ในโลกบรรพกาลอันกว้างใหญ่นี้
กล่าวตามตรงว่า สำนักตู้เซียนปฏิบัติต่อเขาเป็นอย่างดีในฐานะศิษย์ที่ ‘ดีเด่น’ แม้ว่าเขาจะเป็นศิษย์ที่อ่อนแอและยากจนที่สุดในสำนัก เขาก็ไม่เคยถูกใครดูหมิ่น จงใจทำให้อับอายหรือตำหนิใดๆ เลยตั้งแต่เขาเริ่มฝึกฝน
ทว่าตรงกันข้าม ยังมีผู้อาวุโสหลายคนของหอไป่ฝานดูแลห่วงใยเขาเพราะปลาวิญญาณและปลาหลี่เหว่ย…
ดังนั้นหลี่ฉางโซ่วจึงไม่อยากเห็นสำนักต้องล่มสลายลง
ยกตัวอย่างเช่น เขาได้เปิดเผยไพ่ใบสำคัญสองใบ ได้แก่ ไข่มุกสะกดวิญญาณและหินสัมผัสต่อหน้าผู้อาวุโสว่านหลินหยุนในวันนี้
นั่นเป็นความพยายามเล็กน้อยสำหรับเขา
หลักการของเขาคือ การช่วยหากสามารถช่วยได้และต้องแน่ใจว่าเขาจะป้องกันตัวเองได้
ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนหรี่ตาเมื่อเห็นหลี่ฉางโซ่วก้มศีรษะลงเพื่อมอบสมบัติและไข่มุกสะกดวิญญาณ เขาเผยรอยยิ้มเย็นชาขณะที่เก็บเอาไว้ในแขนเสื้อของเขา
เซียนเสิ่นผู้บริหารของสำนักที่ก้มหน้าต่ำและเหล่าเซียนผู้พิทักษ์ประตู ต่างพากันเป็นห่วงหลี่ฉางโซ่วเมื่อเห็นเช่นนี้
พวกเขาไม่รู้ว่าศิษย์รุ่นเยาว์ที่อยู่ในขอบเขตคืนกลับอนัตตาผู้นี้มาจากที่ใด แต่…พวกเขารู้สึกว่าเขาจะไม่อาจคาดเดาได้หลังจากที่ได้เห็นรอยยิ้มของผู้อาวุโสว่านหลินหยุน!
ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนบินไปที่ยอดเขาพิชิตสวรรค์ทันทีเพื่อพูดคุยกับปรมาจารย์เจ้าสำนักและผู้อาวุโสใหญ่เกี่ยวกับเรื่องนี้
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วหันกลับมาและโค้งคำนับให้เหล่าเซียนในสำนัก
จากนั้นเขาก็ขับเคลื่อนเมฆและบินไปด้วยระดับความสูงที่ต่ำ เขาพบเส้นทางเมฆที่ไม่ค่อยมีผู้คนใช้ผ่านไปมาและค่อยๆ เคลื่อนตัวไปยังยอดเขาหยกน้อย
ระหว่างทางกลับหลี่ฉางโซ่วก็เอาแต่คิดถึงยุงที่ตุ๊กตากระดาษสังหาร…
ยุงตัวนี้…
ไม่รู้ว่า ยากันยุงจะใช้กับมันได้ผลหรือไม่
เมื่อกลับมาที่ยอดเขาหยกน้อย เขาก็พบว่าศิษย์น้องหญิงและท่านอาจารย์ของเขายังคงฝึกฝนวิธีการหลบหนีของพวกเขาอย่างขยันขันแข็ง
หลี่ฉางโซ่วไม่ได้รบกวนพวกเขาและเดินตรงไปที่หอโอสถทันที
หลังจากนั้น เขาก็เปิดใช้ค่ายกลต่างๆ และมองไปที่หินสัมผัสที่แขวนอยู่ทั่วทุกหนแห่ง จากนั้นเขาก็ปล่อยให้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์กลับคืนสู่สภาพเดิม…
ทันใดนั้นก็มีควันสีเขียวลอยออกมาจากพื้นดินและก่อตัวขึ้นเป็นร่างของหลี่ฉางโซ่ว เขายกมือขึ้นคว้าตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์แล้วใส่มันไว้ในแขนเสื้อของเขา
หลังจากนั้นเขาก็พึมพำ “พูดถึงยาฆ่ายุง…เกิดอะไรขึ้น ยุงกลัวอะไร ข้าควรเพิ่มพิษในเลือดหรือไม่”
แล้วหลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกขบขันกับความคิดของเขาเอง
หากมันเป็นตัวตนที่โหดเหี้ยมเช่น ผู้บำเพ็ญเหวินจริงๆ เขาย่อมจะไม่อาจรับมือได้อย่างแน่นอน
แต่หากเป็นยุงที่ควบคุมหุ่นเชิดได้และถูกตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ตบจนตายอย่างวันนี้ หลี่ฉางโซ่วก็ย่อมสามารถคิดหาวิธีจัดการกับมันได้จริงๆ
กระดาษขึ้นรูปตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์มีพลังแห่งการสกัดกั้นตามธรรมชาติ
ถึงอย่างไร เมื่อมาคิดดู…
การจัดเตรียมต่างๆ ที่ข้าทำขึ้นในช่วงหกเดือนที่ผ่านมานั้นก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์จริงๆ
และการเสียสละของต้นไม้โบราณเหล่านั้นก็คุ้มค่าเช่นกัน!
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดในใจก่อนจะหยิบตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ซึ่งได้ทำความสะอาดสนามต่อสู้และท่องพระสูตรก่อนหน้านี้ออกมา
เขาเปิดเตาหลอมโอสถ และใส่เพลิงสมาธิแท้ก่อนจะโยนตุ๊กตากระดาษที่มีทักษะเวทเดิมลงไปในนั้น
ในขณะนั้น เปลวเพลิงลุกโชนโชติช่วง และตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ก็กลายเป็นเถ้าถ่านในพริบตา
จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ได้ตรวจสอบชิ้นส่วนที่สามารถป้องกันการต่อต้านในร่างกายของเขาได้…
และหลังจากแน่ใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ในไม่ช้า เขาก็เข้าสู่ภวังค์แห่งความคิดของเขาอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว เขาคิดอย่างเงียบ ๆ เกี่ยวกับสิ่งที่เขาอาจเปิดเผยได้ในตอนนี้
ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่ฆ่ายุงตายได้จำลองลมปราณของเขา…
เพลิงแท้จริงของผู้อาวุโสว่านหลินหยุนรุนแรงจนเกือบจะโหมไหม้ภูเขาลูกนั้นจนหมดสิ้น…
“ไม่น่าจะมีข้อผิดพลาดใดๆ”
อย่างไรก็ตาม หลี่ฉางโซ่วตระหนักได้ว่าผู้อาวุโสว่านหลินหยุนคล้ายคลึงกับท่านอาจารย์ของเขา พวกเขาทั้งสองล้วนถูกกระตุ้นขึ้นได้อย่างง่ายดาย
เป็นไปได้หรือไม่ว่า พวกเขาล้วนฝึกฝนอยู่บนภูเขานานเกินไปจนลืมความชั่วร้ายและอันตรายของโลกบรรพกาล
โชคดีที่ข้าสามารถหยุดผู้อาวุโสได้ทันเวลาในบางโอกาส ไม่เช่นนั้นหากเขาปรากฏตัวขึ้นเองและถูกยุงซุ่มโจมตี ผลที่ตามมาก็คงไม่อาจจินตนาการได้!
และในขณะที่เขาเดินไปมาในหอโอสถ เขาก็พยายามค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้น และความคิดของเขาก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น…
สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่ได้เกินความคาดหมายของเขา
เพราะเมื่อครึ่งปีก่อน เขาได้ระบุรายการวิธีและแนวโน้มของเรื่องราวที่สามารถพัฒนาไปได้ในอนาคตเอาไว้ทั้งหมดแล้ว
และการต่อสู้ในวันนี้ก็ได้ยืนยันเค้าโครงเรื่องเพียงสองหรือสามเรื่องเท่านั้น
“เป็นไปตามคาดไว้”
สำนักตู้เซียนไม่มีอะไรพิเศษในตัวเอง นอกเหนือจากความจริงที่ว่า สำนักตู้เซียนอยู่ภายใต้สำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน
เหตุผลที่ดึงดูดความสนใจของผู้อื่นก็เพราะว่า สำนักตู้เซียนและผู้บำเพ็ญของเกาะเต่าทอง มีความขัดแย้งกันเล็กน้อยก่อนหน้านี้
และต่อมา ก็มีคนต้องการใช้ประเด็นเรื่องนี้สร้างความวุ่นวาย
ผู้บงการคนนี้ได้วางกับดักไว้หน้าสำนักจินกงในดินแดนเทวะมัชฌิมาและตั้งการซุ่มโจมตีที่สำนักตู้เซียน นั่นคือสร้างชื่อเสียงของสำนักตู้เซียนเพื่อให้ทั้งสามสำนักบำเพ็ญเต๋ารู้ว่ามีสำนักหนึ่งในดินแดนเทวะบูรพาที่สั่งสอนเต๋า
หลังจากนั้นผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังจะใช้ประโยชน์จากการพบกันระหว่างสามสำนักบำเพ็ญเต๋าเพื่อหารือเกี่ยวกับการประชุมแหล่งกำเนิดสามสำนักบำเพ็ญเต๋าที่สำนักจินกง และใช้หุ่นเชิดภายใต้การควบคุมของเขาเพื่อทำลายสำนักตู้เซียน…
สำหรับผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังในครั้งนี้ จะแบกรับความเสี่ยงและความสูญเสียน้อยมากในขณะที่พวกเขาจะสามารถบรรลุเป้าหมายที่ยอดเยี่ยมได้!
ดูเหมือนว่า หลี่ฉางโซ่วจะเห็นเงาสีดำยืนอยู่ด้านหลังสำนักตู้เซียนและเอื้อมมือไปที่ยอดเขาพิชิตสวรรค์
อย่างไรก็ตาม ยังมีร่างที่สง่างามยิ่งกว่าอยู่เบื้องหลังเงาร่างสีดำนี้ แต่มันดูคลุมเครือเล็กน้อย และมันต้องการตบร่างสีดำที่อยู่ข้างหน้ามันออกไป
สำนักบำเพ็ญเต๋าขนาดใหญ่ต่างๆ กำลังต่อสู้กันอยู่อย่างลับๆ
และสำนักตู้เซียนก็มีโอกาสชนะ
ผู้บงการเบื้องหลังทั้งหมดนี้ไม่กล้าลงมาเอง เขาเพียงกล้าที่จะควบคุมหุ่นเชิดจากระยะไกลโดยผ่านยุงมาเท่านั้น!
เรื่องนี้ได้รับการตรวจสอบผ่านเศษเสี้ยวความทรงจำของวิญญาณที่เหลืออยู่ ในความทรงจำของคนและปีศาจเหล่านั้น ทั้งหมดล้วนมีเสียงยุง
ประเด็นหลักคือ สำนักตู้เซียนจะทำอย่างไรต่อไป
หากหลี่ฉางโซ่วคาดการณ์ได้ถูกต้อง ในไม่ช้าก็จะมีเสียง ตึ้งตึ้งตึ้ง ตึ้งตึ้งตึ้ง มาเป็นชุดๆ…
และนี่ย่อมไม่ใช่การสวดพระสูตรโบราณของพระบางรูปในชีวิตหลังความตายของเขาอย่างแน่นอน
แล้วทันใดนั้น…
ตึ้ง
ตึ้ง
ตึ้ง
เสียงระฆังของยอดเขาพิชิตสวรรค์พลันดังขึ้น
คราวนี้เสียงระฆังเต็มไปด้วยพลังทะลุทะลวงอย่างยิ่ง
…
ทันทีที่เสียงระฆังดังขึ้น ร่างสองร่างต่างก็บินออกมาจากยอดเขาต่างๆ ตรงไปยังยอดเขาหลักของสำนักตู้เซียน
ที่ริมทะเลสาบ ในขณะนั้น นักพรตเต๋าชราฉีหยวนก็ได้ยินเสียงระฆังเช่นกันและรีบขับเคลื่อนเมฆตรงไปที่ยอดเขาพิชิตสวรรค์ทันที
เพราะในท้ายที่สุดแล้ว เขาก็เป็นปรมาจารย์ผู้นำยอดเขาในนาม
เมื่อเห็นเช่นนั้น หลี่ฉางโซ่วก็รีบส่งคำแนะนำสองสามอย่างไปให้ท่านอาจารย์ของเขาโดยขอให้อาจารย์ไปที่นั่น ไม่ว่าจะได้ยินหรือเห็นอะไร ก็อย่าพูดออกมา เพียงแค่ทำตามการจัดเตรียมภายในของสำนักเท่านั้น
เสียงระฆังปลุกบรรดาศิษย์ทั้งหลายที่ยังเข้าปิดด่านบำเพ็ญเพียรอยู่ และทันใดนั้น สำนักตู้เซียนก็คึกคักขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ระฆังที่ดังขึ้นในสถานการณ์ฉุกเฉินนี้ อาจไม่ดังขึ้นในทุกๆ พันปีด้วยซ้ำ ในขณะนี้ เหล่าผู้บำเพ็ญจากยอดเขาต่างๆ ล้วนกำลังเฝ้ามองอย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น…
และไม่นานหลังจากนั้น ก็มีร่างสิบหกร่างบินออกมาจากยอดเขาพิชิตสวรรค์และพุ่งออกไปจากค่ายกลพิทักษ์ขุนเขา จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยัง ‘ฉากสีเทาขนาดใหญ่’ ทันที
คนแรกคือ เจ้าสำนักตู้เซียนตามด้วยผู้อาวุโสว่านหลินหยุน และปรมาจารย์คนอื่นๆ ในสำนัก
หลี่ฉางโซ่วรู้…