บทที่ 170 นักธุรกิจผู้คิดแต่กำไร

หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า

บทที่ 170 นักธุรกิจผู้คิดแต่กำไร

บทที่ 170 นักธุรกิจผู้คิดแต่กำไร

เวลา 10.00 น.

โจวอี้ออกจากบ้านและรีบไปที่พาราไดซ์คลับ

เมื่อหลี่หงอี้รู้ว่าโจวอี้กำลังจะมา เขาก็ได้เตรียมอาหารและไวน์อย่างดีไว้รอ เขาและหวงไห่เทารอที่จะให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น

และเมื่อโจวอี้มาถึง หลี่หงอี้ก็ออกจากห้องไปเพื่อให้คนทั้งคู่ได้คุยธุระสำคัญ

“ผมเจอข้อมูลที่คุณต้องการแล้ว มันเหมือนกับที่คุณพูดเลย พวกเขาเป็นเด็กกำพร้า ญาติห่าง ๆ ไม่เต็มใจที่จะเลี้ยงดูพวกเขา ก็เลยส่งพวกเขาไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จากนั้นเด็กน้อยสองคนนี้ก็หนีไป” หวงไห่เทาโยนกองเอกสารให้กับโจวอี้

โจวอี้ถอนหายใจหลังจากอ่านข้อมูลทั้งหมด

“เหล่าหวง มาร่วมมือกันไหม”

“ธุรกิจที่ทำกำไร?” หวงไห่เทาเลิกคิ้วขึ้นถามหยั่งเชิง

เขาไม่ได้ขาดแคลนเงิน และไม่สนใจว่าเขาจะหาเงินได้เท่าไหร่ เขาสนใจว่าเขาจะเจ๋งแค่ไหนถ้าได้ทำงานกับโจวอี้

“ใช่ ธุรกิจที่ทำกำไรได้ ถ้าคุณมีความสามารถมากพอ ธุรกิจนี้จะทำเงินได้มหาศาล” โจวอี้กล่าว

“มหาศาล? บอกผมทีว่ามันจะมหาศาลแค่ไหน” หวงไห่เทาดูสนใจ แต่เขายังไม่วางใจนัก

เขารู้จักกับโจวอี้มาสักพักแล้ว เขาจึงเข้าใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้สนใจเรื่องเงินหรือรู้ค่าของเงินมากนัก บางทีธุรกิจแค่สิบล้านหรือร้อยล้านหยวน โจวอี้ก็อาจจะเข้าใจผิดคิดว่ามันเยอะแล้วก็ได้

“ยาต้มอี้เฉิน คุณจำมันได้ไหม” โจวอี้ถาม

ยาต้มอี้เฉิน?

หวงไห่เทาตกตะลึง จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป เขารู้สึกตื่นเต้นและมองไปที่โจวอี้อย่างจริงจัง

“จำได้!”

“ผมจะทำยาต้มอี้เฉินขึ้นมาชุดหนึ่ง คุณคิดว่าจะขายได้เท่าไหร่” โจวอี้ถาม

“จริงเหรอ? เยี่ยมมาก ในสุดคุณก็คิดได้!” หวงไห่เทารู้สึกตื่นเต้นมากจนเขาตบหน้าอกและสัญญาเสียงดังว่า “ผมยืนยันได้เลยว่าคุณจะมีเงินมหาศาล และผมสามารถขายมันได้ในราคาสูงสุด ๆ แน่นอน!”

“หนึ่งหมื่นขวด”

“ได้สิ ในสามเดือนเลย ไม่ ไม่ ไม่ อย่างมากที่สุดก็สองเดือน ผมขายได้หมดทั้งหมื่นขวดแน่นอน!” หวงไห่เทากล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจ

“คุณแน่ใจ?”

“โจวอี้ คุณกำลังดูถูกช่องทางการขายและดูถูกเครือข่ายของผมกับพี่ชายอยู่นะ ถ้าผมพูดว่าทำได้ นั่นคือผมสามารถทำได้อย่างแน่นอน!” หวงไห่เทาตะโกน

“ถ้างั้นเริ่มแรกคือหมื่นขวด”

“เดี๋ยวก่อน บอกราคาคร่าว ๆ ได้ไหมว่าจะขายเท่าไหร่” จู่ ๆ หวงไห่เทาก็ถามขึ้น

“ผมเก่งแค่เรื่องทำยาต้มอี้เฉินเท่านั้น แต่ไม่รู้มูลค่าตลาดของมัน คุณคิดว่าราคาขวดละเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสมล่ะ?”

“ห้าแสน… ไม่สิ หนึ่งล้านต่างหาก!” หวงไห่เทาตอบ

“แค่ก ๆ ๆ” โจวอี้สำลักทันทีเมื่อได้ยินราคานี้

หนึ่งล้าน?

หัวใจของหวงไห่เทาคนนี้ทำด้วยอะไรกัน?

แม้ว่าจะมีคนร่ำรวยมากมาย แต่ใครจะยอมจ่ายเงินหนึ่งล้านหยวนเพื่อซื้อยาต้มอี้เฉินขวดเล็ก ๆ แค่หนึ่งขวด? หัวสมองของผู้ชายคนนี้ถูกกระทบกระเทือนมารึไง?

“อย่าพูดไร้สาระน่า เหล่าหวง ผมขอแบบจริงจัง!” โจวอี้กล่าวด้วยความรำคาญ

“ผมไม่ได้พูดไร้สาระ! ผมเคยสัมผัสผลลัพธ์ของยาต้มอี้เฉินมาแล้ว ซึ่งมัน… ยอดเยี่ยมสุด ๆ ผมกล้าพูดได้เลยว่าต่อให้ขายราคาหนึ่งล้านหยวน มันก็จะมีคนรวยนับไม่ถ้วนซื้อมันไปแน่นอน พวกเขาจะเข้าแถวกันเป็นพัลวันเชียวล่ะ” หวงไห่เทากล่าวอย่างจริงจัง

“ราคาสูงเกินไป คุณควรรู้ว่าแต่ละขวดมีต้นทุนไม่เกินห้าพันหยวน หรือหากบรรจุในขวดหยกแบบสั่งทำพิเศษ ต้นทุนต่อขวดจะอยู่ที่ประมาณหมื่นห้าหยวนเท่านั้น!”

“ต้นทุนต่ำขนาดนั้นเลยเหรอ?” หวงไห่เทาตกใจ

“คุณคิดยังไงล่ะ?”

“ยิ่งต่ำก็ยิ่งดีสิ!” หวงไห่เทาส่งบุหรี่ให้โจวอี้ ก่อนจะพูดต่ออีกว่า “ถ้าคิดว่าราคาหนึ่งล้านต่อขวดสูงไปหน่อย ถ้างั้นหกแสนหยวนต่อขวดก็ได้ ผมสามารถขายหมดในเวลาไม่กี่เดือนได้แน่”

“ราคายังสูงเกินไป” โจวอี้ส่ายหัว เขาเข้าใจได้ว่านักธุรกิจย่อมแสวงหากำไรสูงสุด แต่เขาจะใจดำเกินไปไม่ได้ ไม่เช่นนั้นแม้ว่าเขาจะทำเงินได้มากมาย แต่เขาอาจจะอยู่ไม่ได้อย่างสุขสบายเพราะผลกรรม

“สามแสน! ขวดละสามแสน” โจวอี้กล่าว

“เอ่อ… คุณมักน้อยเกินไปหน่อยไหม? อย่ามองผมแบบนั้น แต่สามแสนหยวนมันก็เกินไป… สี่แสนหยวนเถอะ! ถอยกันคนละก้าวก็แล้วกัน!” หวงไห่เทาต่อรอง แต่เมื่อพบว่าสีหน้าของโจวอี้ยังคงดูไม่พอใจ เขาจึงรีบเสริมว่า “เอาแบบนี้ ๆ เราจะขายมันก่อนในปริมาณที่จำกัด ด้วยราคา สี่แสนหยวนต่อขวด ตกลงไหม?”

“คุณนี่มันหน้าเลือดจริง ๆ!” โจวอี้ส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะยอมพยักหน้าในที่สุด “ตกลง! สี่แสนหยวนต่อขวด แต่คุณจ่ายค่าวัตถุดิบและค่าขวดหยกเองนะ”

“ต้นทุนเป็นของผม ส่วนกำไร ผมเอาแค่ 30%” หวงไห่เทายิ้ม

“ไม่มีปัญหาถ้าคุณอยากจะแบกรับค่าใช้จ่ายต้นทุน แต่ผลกำไรเราต้องแบ่งอย่างเท่าเทียมกัน! ผมไม่ชอบเอาเปรียบใครเกินไป มันคือกฎของผม” โจวอี้กล่าว

หวงไห่เทาสังเกตท่าทีของโจวอี้และพบว่าอีกฝ่ายไม่ได้ล้อเล่น เขาจึงยกนิ้วให้และพูดอย่างจริงใจว่า “ในเมื่อเทพแห่งความมั่งคั่งพูดมาแบบนี้ ผมก็จะยอมรับมัน”

“โอเค ตกลงกันได้แบบนี้ก็ดี แต่คุณยังต้องช่วยอะไรผมอีกนิดหน่อย” โจวอี้หัวเราะ

“ผมรู้ว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะทำงานกับคุณ” หวงไห่เทาชูนิ้วกลางใส่อีกฝ่ายแล้วพูดว่า “เอาเลย! บอกมาว่าต้องการให้ทำอะไรอีก”

“ผมอยากสร้างโรงเรียน”

“ว่าไงนะ?!!” หวงไห่เทาตกตะลึง

สร้างโรงเรียน?

ทาสลูกสาวคนนี้ไม่ใช่ว่าอยากสร้างโรงเรียนให้ลูกสาวเพื่อให้เธอไปโรงเรียนได้สะดวกใช่ไหม?

ถ้าเป็นเช่นนั้น ชายคนนี้ไม่ใช่ทาสลูกสาวแล้ว แต่เป็นปีศาจร้ายที่ทำลายลูกสาวให้เสียนิสัย!

“ผมจะสร้างโรงเรียนเพื่อรับเด็กเร่ร่อนมาอุปการะ และจะจัดหาที่เรียนและที่อยู่อาศัย ก่อนที่พวกเขาจะโต ผมจะออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอง” โจวอี้กล่าว

“คุณไม่สบายหรือเปล่า ไปหาหมอหน่อยไหม?”

“ผมเป็นหมอ”

“…”

หวงไห่เทาไม่รู้จะพูดอะไรดี

ผู้ชายคนนี้ใจดีงั้นเหรอ?

หรือมีพระโพธิสัตว์มาเข้าฝัน? จะใจบุญแบบนี้จริง ๆ ดิ?

“เหล่าหวง ผมเคยเป็นเด็กกำพร้า แต่โชคดีที่อาจารย์ของผมรับไปเลี้ยงดูและสอนความรู้ทุกอย่างให้” โจวอี้กล่าวอย่างจริงจัง

หวงไห่เทาดับบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ จากนั้นเขาก็พยักหน้าช้า ๆ และพูดว่า “คุณต้องการสร้างโรงเรียนขนาดเท่าไหร่ล่ะ”

“เริ่มแรกไม่จำเป็นต้องใหญ่เกินไป เอาแค่สามารถรองรับเด็ก ๆ ได้สักหลายร้อยคนเพื่ออยู่อาศัยและเรียนก็พอแล้ว”

“ผมคิดว่าการเช่าสถานที่ดีกว่าสร้างโรงเรียนใหม่นะ เพราะเงินทุนในการสร้างโรงเรียนใหม่นั้นมากเกินไป ไหนจะต้องซื้อที่ดิน สร้างอาคาร สิ่งอำนวยความสะดวก และอื่น ๆ… มันไม่ต่างอะไรจากการผลาญเงิน” หวงไห่เทากล่าวอย่างจริงจัง

“เช่า?”

โจวอี้ไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน แต่ข้อเสนอของหวงไห่เทานั้นดีมาก

การสร้างโรงเรียนต้องใช้เวลา หากโครงการมีขนาดใหญ่ อาจใช้เวลาหนึ่งปี สองปี หรือมากกว่านั้นในการสร้างโรงเรียน

“คุณมีคำแนะนำอะไรดี ๆ ไหม” โจวอี้ถาม

“ตอนนี้ยังพูดไม่ได้ ต้องขอเวลาไปคิดอย่างรอบคอบก่อน”

โจวอี้จุดบุหรี่อีกครั้ง

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดขึ้นมาว่า “แผนการแรกคือเช่าสถานที่ชั่วคราวเพื่อดูแลเด็ก ๆ ให้เร็วที่สุด แต่จากนั้น โรงเรียนใหม่ก็ยังต้องสร้าง เราจะได้มีเวลามากขึ้นในการเลือกทำเลที่เหมาะสม และการก่อสร้างก็จะได้ไม่ต้องเร่งรีบมาก”