ตอนที่ 130

The simple life of the emperor

หลังจากที่พูดคุยกันเล็กน้อยกับอาร์คบิชอปคาเพียร์ เทียนหลางก็รู้สึกว่าตัวเขาก็ควรจะกลับได้แล้วแม้ในตอนนี้เขาจะยังไม่รู้ว่าจะเอาอะไรจากวาติกันดีเพื่อเป็นการตอบแทนในการช่วยเหลือครั้งนี้ แต่เขาเชื่อว่าในอนาคตทางวาติกันจะต้องมีสิ่งที่เขาต้องการแน่นอน

เมื่อคิดได้แบบนั้นเทียนหลางก็จึงกล่าวลากับอาร์คบิชอปคาเพียร์

“ถึงเวลาที่ผมควรจะต้องกลับแล้วล่ะ”

อาร์คบิชอปคาเพียร์ที่ได้ยินแบบนั้นก็ตกใจเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าและกล่าวขอบคุณกับเทียนหลาง

“ฉันต้องขอขอบคุณเธอจริงๆกับการช่วยเหลือในครั้งนี้ หากไม่ได้เธอฉันเกรงว่าทางเราคงเสียหายมากกว่านี้อย่างแน่นอน”

เมื่อพูดจบอาร์คบิชอปคาเพียร์ก็ยื่นมือออกมา เทียนหลางยิ้มก่อนจะจับมือและกล่าวว่า

“เรื่องเล็กครับ แน่นอนว่าทางคุณจะต้องจ่ายค่าจ้างย้อนหลังให้กับผมด้วย”

ทันทีที่อาร์คบิชอปคาเพียร์ได้ยินคำพูดของเทียนหลางเขาก็หัวเราะออกมาเสียงดังก่อนจะเอ่ยว่า

“แล้วค่าจ้างของเธอเท่าไหร่กันล่ะ ? ทางวาติกันยินดีจะจ่ายให้”

เทียนหลางเกาหัวเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับว่า

“ในตอนแรกผมตกลงกับแอนเดียว่าจะเอาสิ่งของสักสองสามชิ้นจากคลังของวาติกันกลับไป แต่เมื่อผมดูแล้วกลับไม่มีอะไรที่น่าสนใจเลย ตอนนี้ผมก็เลยไม่รู้จะเอาอะไรกลับไปแทนค่าจ้างดี”

อาร์คบิชอปคาเพียร์ได้ยินคำพูดของเทียนหลางก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะลูบคางเบาๆพร้อมกับขบคิด จากนั้นเขาก็ยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า

“เอาอย่างงี้เป็นไง เธอพาแอนเดียกลับไปด้วยแม้เธอนั้นจะไม่ได้โดดเด่นเรื่องการต่อสู้มากนักแต่เธอก็ถือว่าเป็นผู้ช่วยที่ยอดเยี่ยมทีเดียว”

เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็ครุ่นคิดพร้อมกับมองไปยังแอนเดียที่กำลังแสดงท่าทีตกใจออกมาอยู่ ในตอนนี้ตัวของเทียนหลางนั้นไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินทอง หรือว่าวัตถุดิบในการบ่มเพาะแต่ในตอนนี้เขากลับมีปัญหาในเรื่องชีวิตประจำวันเสียมากกว่า

เพราะตัวของเทียนหลางในตอนนี้นอกเสียจากจะเป็นเจ้าของร้านอาหารที่ตอนนี้กำลังขยายกลายเป็นภัตตาคาร เขายังเป็นเจ้าของร้านเครื่องประดับโด่งดังที่สุดในจิงไห่อีกด้วย แถมในตอนนี้ศาลาสวรรค์ก็ยังมีธุรกิจอีกมากมายที่กำลังจะเริ่ม

แม้ซูหลินและหลินเสวี่ยนั้นจะมีความสามารถด้านธุรกิจแต่การจะให้พวกเธอดูแลภาพรวมและธุรกิจทั้งหมดของเขานั้นคงจะเป็นการยากเกินไป นอกเสียจากเทียนหลางจะจัดการแบ่งทุกอย่างออกเป็นส่วนๆและคอยให้พวกเธอดูแล

ดังนั้นในตอนนี้ตัวของเทียนหลางจึงขาดคนที่จะคอยดูแลภาพรวมส่วนใหญ่อยู่ แน่นอนเรื่องนี้เขาขอให้เฟิงหยวนจัดการให้ก็ได้แต่เทียนหลางเลือกที่จะไม่ทำเพราะตัวของเฟิงหยวนตอนนี้นอกเสียจากจะดูแลตำหนักประกายสวรรค์ที่เป็นที่ตั้งหลักของนิกายอยู่หลังม่านอยู่แล้ว และเธอยังคงดูแลภาพรวมของนิกายอีกด้วยฉะนั้นในตอนนี้งานของเฟิงหยวนมากมายกว่าตัวเขาในตอนนี้เสียอีก

และเมื่อได้ยินจากอาร์คบิชอปคาเพียร์ว่าแอนเดียนั้นถือเป็นผู้ช่วยที่ยอดเยี่ยมตัวของเทียนหลางก็เริ่มรู้สึกสนใจทันทีก่อนจะยิ้มออกมาพร้อมกับมองไปที่แอนเดียเล็กน้อย

แอนเดียที่ได้เห็นแบบนั้นก็แสดงท่าทีลนลานออกมาทันทีก่อนจะพูดขึ้นว่า

“นายจะพาฉันไปด้วยเหรอ ?”

เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะพูดออกไปว่า

“ตอนนี้ผมกำลังขาดคนดูแลภาพรวมธุรกิจของผมอยู่พอดี ช่วยได้มากเลยครับท่านคาเพียร์”

อาร์คบิชอปคาเพียร์ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมาพร้อมกับจับมือเทียนหลางเขย่าไปมา

“แน่นอนๆ ต้องขอบคุณเธอมากนะที่ตกลงรับข้อเสนอของฉัน”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ”

เทียนหลางยิ้มให้กับอาร์คบิชอปคาเพียร์ก่อนจะหันมาคุยกับแอนเดีย

“เอาล่ะ ในเมื่อเรื่องของที่นี้จบแล้วผมก็ควรจะกลับได้แล้ว”

แอนเดียที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะกล่าวว่า

“ฉันจะไปส่งคุณที่ลานบิน ต้องขอโทษด้วยที่ฉันกลับไปคุณวันนี้ไม่ได้เพราะมีเรื่องที่จะต้องจัดการอีก”

เทียนหลางส่ายหน้าเล็กน้อยพร้อมกับบอกว่า

“ไม่เป็นไรคุณจัดการเรื่องของคุณให้เสร็จเถอะ”

หลังจากพูดคุยกันอีกเล็กน้อยแอนเดียก็พาเทียนหลางมาส่งที่เครื่องบินส่วนตัวของวาติกันเพื่อที่จะให้เขาได้นั่งเครื่องบินกลับบ้าน

เมื่ออยู่บนเครื่องบินเทียนหลางก็นึกถึงเรื่องที่อาร์คบิชอปคาเพียร์ได้เสนอให้แอนเดียมาเป็นผู้ช่วยของเขา ในตอนแรกเทียนหลางนั้นก็ยังงุนงงอยู่บ้างเล็กน้อย แต่เมื่อเขานั้นคิดอย่างรอบคอบแล้วตัวของเทียนหลางก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมากับความรักของท่านอาร์คบิชอปคาเพียร์

เหตุเพราะการที่อาร์คบิชอปคาเพียร์เสนอให้แอนเดียมาทำงานกับเขานั้นก็เพราะหนึ่งเพื่อให้ตัวของแอนเดียจะได้ไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายกับเรื่องของปีศาจเหล่านี้ ดูเหมือนว่าตัวของอาร์คบิชอปคาเพียร์จะรู้อะไรบางอย่างที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเขาจึงต้องการให้แอนเดียถอยห่างออกมาจากเรื่องนี้ และสองตัวของอาร์คบิชอปคาเพียร์มั่นใจว่าเทียนหลางจะสามารถปกป้องแอนเดียได้ดีกว่าตัวเขาและองค์กรวาติกัน

เทียนหลางนั้นก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตัวอาร์คบิชอปคาเพียร์นั้นเอาความมั่นใจนี้มาจากไหน แต่เขาก็อดชมเชยกับสายตาอันเฉียบแหลมของตัวอาร์คบิชอปคาเพียร์ไม่ได้จริงๆ

และเรื่องนี้ก็ยังมีประโยชน์กับตัวของเทียนหลางเองอีกด้วย ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ปฏิเสธเขาขอของอาร์คบิชอปคาเพียร์และเลือกที่จะตอบตกลง

เทียนหลางบิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขึ้นกับตัวเอง

“เรื่องนี้ก็ถือว่าไม่แย่อะไรนัก”

——————————————————————————————————————————

ภายใต้ซากปรักหักพังแห่งหนึ่งมีชายหนุ่มสวมชุดสีขาวสองคนกำลังพูดคุยกันอยู่

“จะเอายังดีศิษย์พี่ เรื่องนี้จะแจ้งแก่ท่านอาจารย์ดีไหม ?”

ผู้เป็นศิษย์พี่ได้ยินคำถามก็คิดเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยกับศิษย์น้องของตนเองว่า

“เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ควรจะแจ้งท่านอาจารย์โดยด่วน เขียนสารส่งไปยังที่นิกายเดียวนี้เลย !!”

เมื่อศิษย์น้องได้ยินคำสั่งก็พยักหน้าก่อนจะหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาและเขียนเนื้อหาลงไป จากนั้นกระดาษแผ่นนั้นก็ได้กลายเป็นนกสีแดงและพุ่งหายไป

“เรียบร้อยแล้วศิษย์พี่”

ผู้เป็นศิษย์พี่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะกล่าวออกมาว่า

“รีบกลับไปที่นิกายกันเถอะ”

“ครับ”

เมื่อพูดจบร่างของทั้งคู่ก็กลายเป็นลำแสงพุ่งหายไป เหลือทั้งไว้เพียงสัญลักษณ์ปริศนาที่อยู่บนพื้นของซากปรักหักพังแห่งนั้น