ตอนที่ 128 เย่ซิวตู๋มาแล้ว

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว

ตอนที่ 128 เย่ซิวตู๋มาแล้ว

บุรุษที่กำลังพูดสวมชุดสีขาวทั้งตัว เนื้อตัวดูสะอาดสะอ้าน มีราศีของคนร่ำรวยและสง่างามกำจายออกมา ใบหน้าดูงดงามไม่แยแสต่อสิ่งใด มองเพียงปราดหนึ่งราวกับเทพเซียนที่ถูกเนรเทศลงมาทำให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงความสุข

หลังจากผู้อารักขาจวนโหวที่เพิ่งพูดจาหยิ่งผยองเมื่อครู่เห็นหน้าตาของบุคคลผู้นั้นอย่างชัดเจนแล้ว เขาถึงกับสูดลมเย็นอย่างฉับพลันและคุกเข่าลงบนพื้น “คารวะเสนาบดีฝั่งขวาขอรับ”

เสนาบดีฝั่งขวา? ผู้คนภายในโรงเตี๊ยมที่เดิมทีเข้ามาดูความครึกครื้นเท่านั้น พากันหันมามองบุรุษหนุ่มเจ้าสำราญที่มีท่าทางราวกับเทพยดา บุคคลผู้นี้…คือเสนาบดีฝั่งขวาคนที่ถูกเล่าลือว่ามีความฉลาดปราดเปรื่องและเด็ดเดี่ยว ทั้งยังได้รับความเคารพจากฝ่าบาทด้วยอย่างนั้นหรือ?

จินหลิวหลีกะพริบตาปริบ ๆ จ้องมองบุรุษที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาราวกับคนบ้าบุรุษ ดูดี ดูดีจริง ๆ บุรุษผู้นี้ช่างดูอ่อนโยน เมื่อเทียบกับเย่ซิวตู๋แล้วแตกต่างกันคนละขั้วเลย ทว่ากลับทำให้ผู้คนรู้สึกชื่นชอบได้ทั้งคู่

คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ บุรุษเช่นนี้จะปรากฏตัวให้นางเห็นที่นี่

อวี้ชิงลั่วนั่งอยู่ชั้นสองของโรงเตี๊ยม นางเปิดหน้าต่างตั้งแต่แรก และกำลังมองลงไปชั้นล่างพร้อมกับอวี๋จั้วหลิน

มุมนี้ทำให้เห็นใบหน้าของเสนาบดีฝั่งขวาอันงดงามสะท้อนเข้ามายังนัยน์ตาได้พอดี ใบหน้างดงามไร้ที่ติเป็นทุนเดิมช่างล่อสตรีได้จริง ๆ สินะ

อวี๋จั้วหลินกลับหรี่ตาลง ภายในใจแอบแค่นเสียงเย็นอย่างเงียบเชียบ

อวี้ชิงลั่วสังเกตเห็นถึงท่าทางของเขาได้อย่างฉับไว คิ้วพลันเลิกขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนว่าข้อมูลที่นางตรวจสอบมาจะไม่ผิดเลย เสนาบดีฝั่งขวาผู้นี้ดูเหมือนว่าจะขัดกับอวี๋จั้วหลินทั้งตั้งใจและไม่ตั้งอยู่เสมอ การลดตำแหน่งในครั้งนี้ ได้ยินมาว่าเดิมทีฮ่องเต้แค่จะลงโทษสถานเบาเท่านั้น แต่เป็นเพราะเสนาบดีฝั่งขวาแอบดันมือทำให้อวี๋จั้วหลินถูกดันมารับตำแหน่งรองเจ้ากรมฝ่ายกลาโหม

ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้ทรงให้ความสำคัญกับอวี๋จั้วหลินมาก คิดว่าเขาเป็นบุรุษหนุ่มผู้มีความสามารถและความตั้งใจจึงอยากผลักดันสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเพื่อเป็นมือขวาให้พระองค์ ภายหลังเสนาบดีฝั่งขวาก็เข้ามาประจำตำแหน่ง จนอวี๋จั้วหลินดูเหมือนจะค่อย ๆ สูญเสียความโปรดปรานต่อเบื้องพระพักตร์ของฮ่องเต้

ในฐานะที่เป็นศัตรูตัวฉกาจของอวี๋จั้วหลิน หลินฝานที่ปรากฏตัวขึ้นภายในเจียงเฉิงคราวก่อน ดูเหมือนจะแอบร่วมมือกับเสนาบดีฝั่งขวาด้วย

เสนาบดีฝั่งขวาคนนี้ดูเหมือนจะอายุยังน้อย เขาไม่พอใจอะไรอวี๋จั้วหลินกันแน่?

ดูเหมือนว่าอวี๋จั้วหลินเองก็เกลียดอีกฝ่ายเข้ากระดูกด้วยเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อของอีกฝ่าย

แม้ว่าจะคิดเช่นนี้ ทว่าอวี้ชิงลั่วกลับเอ่ยปากพูดแกล้งทำเป็นไม่รู้ “คิดไม่ถึงเลยว่าเสนาบดีฝั่งขวาที่คนเล่าลือกันกลับยังหนุ่มแน่นเช่นนี้ ทั้งยังช่วยเหลือคนที่ไม่รู้จักด้วย”

อวี๋จั้วหลินยิ้มเยาะ “แม่นางอย่าได้หลงกลเพราะรูปลักษณ์ภายนอกของเขา บุคคลผู้นี้อายุยังน้อยแต่กลับมีวิธีการที่เหี้ยมโหดนัก ครั้งนี้เขาช่วยออกเสียงก็เป็นเพราะต้องการต่อต้านเว่ยหยวนโหวเท่านั้น เสนาบดีฝั่งขวาเห็นเว่ยหยวนโหวเป็นหนามยอกอก คงดีใจแทบแย่ที่จะฆ่าศัตรูให้ตายโดยเร็ว”

“งั้นหรือ?” อวี้ชิงลั่วตอบกลับอย่างคลุมเครือ

ทว่าภายในใจของนางกลับแอบเกิดความสงสัยเล็ก ๆ ดูเหมือนว่าเสนาบดีฝั่งขวาและตระกูลอวี้จะมีความสัมพันธ์ระหว่างกันที่ไม่เลวเลย มิเช่นนั้นจะให้อวี้ชิงโหรวและเฉินจีซินยืมรถม้าได้อย่างไรกัน?

หรือว่า เขาจะชอบพอกับอวี้ชิงโหรว?

ครั้นนึกถึงความเป็นไปได้นี้ จู่ ๆ อวี้ชิงลั่วก็รู้สึกขนลุกขนชันอย่างห้ามไม่อยู่ หากสายตาของเสนาบดีฝั่งขวาแย่ขนาดนี้ เช่นนั้นการประเมินของนางที่มีต่อเขาก็คงสูงเกินไปแล้ว

ระหว่างที่กำลังคิดอยู่นั้น จู่ ๆ เสียงอ่อนโยนของเสนาบดีฝั่งขวาก็ดังขึ้นมาจากด้านล่างอีกครั้ง “จวนเว่ยหยวนโหวมีหมอปีศาจมาตั้งแต่เมื่อใดกัน? ข้าได้ยินมาว่าหมอปีศาจไม่แยแสต่อชื่อเสียงและโชคลาภมาโดยตลอด และไม่คิดจะติดต่อกับผู้มียศตำแหน่งและมีเงินทอง เหตุใดตอนนี้กลับเข้ามาอยู่ในจวนเว่ยหยวนโหวแล้ว?”

อาจารย์เสิ่นได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าจึงเปลี่ยนเป็นไม่สู้ดี เขาเม้มปากยังคงมองเสนาบดีฝั่งขวาด้วยท่าทางหยิ่งผยอง “ท่านเสนาบดี คำเล่าลือไม่เพียงพอที่จะเชื่อถือได้ หมอปีศาจก็เป็นมนุษย์เช่นกัน แม้ว่าจะมีความสามารถช่วยเหลือผู้คนบนโลก แต่ก็จำเป็นต้องมีเวทีที่ทำให้สามารถแสดงออกถึงความสามารถได้เช่นกัน ท่านโหวมีสายตาเฉียบคมมองเห็นถึงความสามารถ จึงให้ข้าเข้าไปอยู่ในจวนโหวของเขา ทั้งยังมอบสมุนไพรและสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุดให้ข้า เพื่อให้ข้าแสดงออกถึงความตั้งใจ ผิดตรงไหนหรือ?”

“อ๋อ…” เสนาบดีฝั่งขวาหัวเราะด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง “ช่วยเหลือผู้คนบนโลก? ที่แท้อาจารย์ก็ช่วยเหลือคนบนโลกนี่เอง ก็แค่อาศัยสายตาที่เฉียบแหลมของท่านโหวเพื่อทะเลาะกับแม่นางสองคนภายในโรงเตี๊ยมแห่งนี้? อะไรกัน ห้องพิเศษชั้นสองนั่น ทำให้อาจารย์แสดงออกถึงความตั้งใจได้งั้นหรือ?”

“เจ้า…” อาจารย์เสิ่นถูกอีกฝ่ายพูดเช่นนี้ใบหน้าพลันแดงก่ำ แต่กลับโต้แย้งอะไรไม่ได้ ชาวบ้านที่อยู่รอบตัวเริ่มส่งเสียงเห็นด้วยกับสิ่งที่เสนาบดีฝั่งขวากล่าว ทั้งยังใช้สายตาสงสัยจ้องมองมาที่อาจารย์เสิ่น

ผู้อารักขาของจวนโหวเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ภายในใจก็แอบเกิดความกังวล

ทว่าเสนาบดีฝั่งขวาในตอนนี้กลายเป็นคนโปรดของฝ่าบาทแล้ว ต่อให้พวกเขาเป็นคนของจวนโหว ก็มิอาจสร้างความขุ่นเคืองได้

เมื่อไร้ซึ่งวิธี เขาจึงทำได้เพียงแค่ดึงเสื้อของอาจารย์เสิ่น กระซิบว่า “อาจารย์ วันนี้พวกเรากลับไปก่อนเถิด วันอื่นค่อยมาใหม่ดีหรือไม่?”

อาจารย์เสิ่นดึงแขนเสื้อของตนเองกลับมา แค่นเสียงเย็น “ในเมื่อมาถึงแล้ว จะให้กลับไปได้อย่างไรกัน?”

ตอนนี้เขาคือหมอปีศาจที่เหมิงกุ้ยเฟยให้ความสำคัญ เขาจะยอมถอยให้ในสถานที่แห่งนี้ได้อย่างไร เสนาบดีฝั่งขวาแล้วจะทำไม? เหมิงกุ้ยเฟยต่างหากเล่าคือคนที่ฝ่าบาททรงโปรดปรานมากที่สุด ขอแค่เป่าหูสักหน่อย ต่อให้เสนาบดีฝั่งขวาจะเก่งกาจกว่านี้ก็หนีไม่พ้น

อวี้ชิงลั่วที่อยู่ด้านบนถึงกับอมยิ้ม ถึงตายก็ขอรักษาหน้าไว้ แม้จะมีชีวิตอยู่เพื่อรับกรรมก็ตาม ก็สมควรที่จะได้รับความซวยแล้ว ความสามารถของเขาเช่นนี้ จะสู้กับเสนาบดีฝั่งขวาได้อย่างไรกัน?

เสนาบดีฝั่งขวาจิบน้ำชาหนึ่งคำ หัวเราะเบา ๆ มองดูคนเหล่านั้นที่ยังยืนนิ่งอยู่กับที่โดยไม่คิดจะถอยออกไป

จินหลิวหลีเชิดคางขึ้นเล็กน้อย หัวเราะพรืดสองเสียง ใช้อำนาจบาตรใหญ่เพิ่งข่มเหงผู้อื่นจริง ๆ ข่มเหงคนดี หวาดกลัวคนชั่ว ในเมื่อมีความสามารถ เช่นนั้นเจ้าก็ลองชักกระบี่สู้กับเสนาบดีฝั่งขวาดูสักหน่อยสิ

ระหว่างที่นางกำลังครุ่นคิด ดวงตาก็เริ่มเหลือบมองไปด้วยความภาคภูมิใจ การเหลือบมองนี้ทำให้นางเห็นอารักขาอีกคนหนึ่งของจวนโหวที่กำลังวิ่งเข้ามาจากด้านนอกพอดี ทั้งยังกระซิบข้างหูผู้อารักขาที่กำลังจะชักดาบสองประโยค

ครั้นคนคนนั้นฟังจบ ก็รีบนำเรื่องนั้นมาบอกอาจารย์เสิ่นโดยเร็ว

ครู่ต่อมา ดวงตาของอาจารย์เสิ่นก็เป็นประกายขึ้นมาในทันที

จินหลิวหลีแอบรู้สึกได้ถึงสถานการณ์ไม่สู้ดี สีหน้าเช่นนี้ คงมิใช่ว่ามีความคิดแผลง ๆ อะไรอีกกระมัง

ความคิดของนางยังคงวนเวียนอยู่ในหัว ก็ได้ยินเสียงหัวเราะเย็นชาของอาจารย์เสิ่นผู้นั้น “เสนาบดีฝั่งขวาพูดมาเยอะแยะเช่นนี้ คงยังไม่เชื่อว่าข้าคือหมอปีศาจสินะ?”

“อ๋อ? ความหมายของอาจารย์ที่พูดเช่นนี้ หมายความว่าสามารถพิสูจน์ว่าตนเองคือหมอปีศาจตัวจริง และมีความเก่งกาจมากงั้นหรือ?” เสนาบดีฝั่งขวาย่อมเห็นการเคลื่อนไหวระหว่างผู้อารักขาทั้งสองคนนั้นแล้ว รอยยิ้มที่มุมปากยิ่งมากขึ้น นั่งตัวตรงวางแก้วน้ำชาในมือลงอย่างเกียจคร้าน ราวกับรู้สึกสงสัยมากจริง ๆ

จินหลิวหลีอดแปลกใจไม่ได้ อาจารย์เสิ่นอะไรนี่ คงไม่ใช่ว่าจะรักษาโรคที่รักษาให้หายได้ยาก ณ สถานที่แห่งนี้หรอกนะ หรือว่าเขาจะมีความสามารถอยู่หลายส่วนจริง ๆ?

ระหว่างที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เงาหนึ่งก็สาวเท้าเข้ามาจากด้านนอก สีหน้าเคร่งขรึมไร้อารมณ์ แผ่ไอรังสีสังหารทุกสรรพสิ่งรอบตัวภายในชั่วพริบตาออกมามหาศาล ทั้งยังเดินเข้ามาด้านในประตูด้วยท่าทีหยิ่งผยอง

ทุกคนที่อยู่โดยรอบหลีกทางให้ และมองเขาเดินเข้าไปด้านในโรงเตี๊ยม

จินหลิวหลีถึงกับสูดลมเย็นเข้าปาก เย่…เย่…เย่ซิวตู๋? เย่ซิวตู๋มาทำอะไรที่นี่?

สายตาของนางเหลือบมองขึ้นไปหาอวี้ชิงลั่วที่นั่งอยู่ด้านบนชั้นสองโดยไม่รู้ตัว

อีกฝ่ายเกือบจะพ่นน้ำชาออกมา โชคดีที่มีความเข้มแข็งมากพอจึงสงบสติอารมณ์ได้โดยเร็ว และเริ่มมองหาโอกาสในการหลบหนีอย่างใจเย็น

ทว่า คิดไม่ถึงเลย…

……………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ตัวใหญ่ ๆ มากันแพคคู่เลยค่ะ หมอปีศาจก็อปเสิ่นเจิ้นจะรอดไหม ชิงลั่วด้วยจะรอดไหม

ไหหม่า(海馬)