บทที่ 158 ง่ายอะไรแบบนี้

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

ดวงตาของของ หยางเว่ย เปล่งประกายราวกับดวงดาวที่สุกใสที่สุดในยามราตรี เขารีบ ฉีกยิ้มที่เขาคิดว่าเป็นรอยยิ้มที่ดีที่สุดของเขาก่อนที่จะเริ่มพูดขึ้น “อาจารย์ซาง ข้ายินดีเหลือเกิน ที่ได้พบท่านในวันนี้ ว่าแต่ลมอะไรหอบท่านมาถึงชั้นเรียนของข้ากัน?”

ซางหลิวอวี้ ยิ้มกลับและพูดว่า “ข้าแค่บังเอิญเดินผ่านมาและเมื่อข้าได้ยินเสียงเอะอะโวยวายข้าก็เลยแวะเข้ามาดู”

รอยยิ้มของนางมีพลังมากจน หยางเว่ย รู้สึกราวกับว่าเขากำลังหลอมละลายลง แต่เมื่อเขาหวนนึกถึงสถานการณ์ที่เขาเผชิญอยู่ในตอนนี้ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นอับอายทันทีและรีบอธิบายกับนางไปว่า “อาจารย์ซาง ข้าต้องขออภัยท่านด้วยจริง ๆ ที่วันนี้ชั้นเรียนของข้าดูไม่เป็นระเบียบนัก โดยเฉพาะไอ้เจ้านักศึกษาคนนี้ที่ชื่อ ซูอัน เขาช่างดื้อรั้นเกินไปจริง ๆ ข้าหวังว่าข้าจะสามารถสอนเขาให้รู้จักการเคารพผู้ที่อาวุโสกว่าได้”

ซางหลิวอวี้ เหลือบมอง ซูอัน และริมฝีปากของนางก็ยกขึ้น “ข้าบังเอิญได้ยินว่าท่านกับนักศึกษาซูตั้งใจจะพนันกัน ท่านจะขัดข้องไหมถ้าข้าเสนอตัวขอเป็นพยานให้เอง?”

“ฟังดูดีจริง ๆ ~”

“อาจารย์ซาง ยอดเยี่ยมที่สุด~”

“อาจารย์ซาง ท่านคือเทพธิดาของข้า!”

เสียงโห่ร้องดังขึ้นในห้องเรียน ซึ่งบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าซางหลิวอวี้ เป็นที่นิยมมากเพียงใด

“นี่มัน…” หยางเว่ย ลังเลเล็กน้อยที่จะยอมรับข้อเสนอของซางหลิวอวี้ อาจารย์อย่างเขาน่าจะจัดการกับนักศึกษาที่ดื้อรั้นได้ง่ายพอสมควร แต่ถ้าอาจารย์คนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย อาจเกิดความยุ่งยากที่ไม่คาดคิดขึ้นได้

“ท่านขัดข้องงั้นเหรอที่ข้าจะเป็นพยาน?”ซางหลิวอวี้ มอง หยางเว่ย อย่างเงียบ ๆ ด้วยดวงตาที่งดงามของนาง

นี่เป็นครั้งแรกที่ หยางเว่ย โต้ตอบกับนางแบบใกล้ขนาดนี้ ใบหน้าที่ไร้ที่ติของนางมันมีผลกับเขามากเกินไปจนทำให้สมองของเขามันทำงานได้ไม่เต็มที่ “มะ ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น! ข้ายินดีเป็นอย่างยิ่งแน่นอน!”

หยางเว่ย รีบปลอบใจตัวเองอย่างรวดเร็ว นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะแสดงความสามารถของเขาต่อหน้านาง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เด่นเรื่องการบ่มเพาะ แต่เขามั่นใจว่าไม่มีใคร ในเมืองจันทร์กระจ่าง ที่สามารถเทียบเทียมเขาได้ในเรื่องคณิตศาสตร์!

โดยปกติแล้วมันแทบจะไม่มีโอกาสที่เขาจะได้อวดทักษะทางคณิตศาสตร์ของเขาเลย เขาไม่สามารถเดินไปหาซางหลิวอวี้ และเริ่มท่องสมการทางคณิตศาสตร์ให้นางฟังเพื่ออวดความรู้ของตัวเองได้เพราะนางคงคิดว่าเขาบ้าไปแล้ว! ฉะนั้นนี่มันจึงแทบจะเรียกได้ว่าเป็นโอกาสแค่เพียงครั้งเดียวที่เขาน่าจะได้อวดทักษะอันล้ำเลิศนี้ของเขาให้นางได้เห็น

“อาจารย์ซาง เชิญทางนี้” หยางเว่ย รีบผายมือนำทางนางไปที่โต๊ะของอาจารย์ผู้สอนซึ่งอยู่อีกมุมหนึ่งของหน้าห้อง

ซางหลิวอวี้นั่งลงอย่างสบาย ๆ ก่อนจะยิ้มให้นักศึกษาทุกคนในห้องและพูดว่า “เอาล่ะ ทุกคนเงียบลงหน่อย ไม่งั้นพวกเจ้าจะรบกวนการเดิมพันระหว่างคนทั้งสอง”

คำพูดของนางที่เปล่งออกมามันดูราวกับว่ามีเวทมนตร์บางอย่าง จากห้องเรียนที่มีเสียงดังราวกับตลาดสดเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นเงียบลงอย่างกะทันหัน จนแม้แต่ ซูอัน ยังอดไม่ได้ที่จะประทับใจในเสน่ห์ที่ตราตรึงใจของนาง

หยางเว่ย พับแขนเสื้อขึ้นในขณะที่เขารู้สึกว่าตัวเองมีแรงผลักดันให้เอาชนะมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมเป็นสิบเท่า เขาตั้งใจแน่วแน่ที่จะพิสูจน์คุณค่าของตัวเองต่อหน้าเทพธิดาของเขาผู้นี้ให้ได้ เมื่อคิดได้เช่นนี้เขาจึงใช้ประสบการณ์และความรู้ที่สะสมมาทั้งชีวิตสร้างคำถามที่ยากที่สุดขึ้นมา 20 ข้อ ซึ่งเขามั่นใจว่านักศึกษาทั้งสถาบันมันไม่มีทางที่จะตอบคำถามนี้ได้ถูกเกิน 3 ข้อ อย่างแน่นอน!

ขณะนี้ หยางเว่ย จินตนาการไปไกลจนถึงขั้นที่ซูอันกระอักเลือดจากความหงุดหงิดที่ ตอบคำถามไม่ได้แล้วจากนั้นเขาจะเดินออกมาค่อย ๆ อธิบายวิธีคิดต่าง ๆ ของแต่ละข้อเพื่อสร้างความประทับใจให้กับซางหลิวอวี้

บางทีเมื่อจบเรื่องนี้ซางหลิวอวี้ อาจจะมองมาที่ข้าด้วยดวงตาที่ปลาบปลื้มและนั่นมันก็คงจะเป็นการเริ่มต้นชีวิตรักของข้า!

แค่คิดก็เกินพอที่จะทำให้แก้มของเขาสั่นระริก

ไม่นะ ข้าต้องใจเย็น ๆ หลายสายตาจับจ้องมาที่ข้าตอนนี้ ข้าต้องใส่ใจกับภาพลักษณ์ ของข้า!

เมื่อเขียนคำถามลงในแผ่นกระดาษเสร็จ หยางเว่ย จึงไอเบา ๆ ก่อนส่งกระดาษทดสอบให้ ซูอัน “ยังไม่สายเกินไปที่เจ้าจะถอนตัวตอนนี้ หากเจ้าไม่สามารถทำได้แม้แต่คำถามเดียวได้ เจ้าจะต้องออกจากสถาบัน”

เขาเพียงแค่พูดคำเหล่านี้มาก็เพราะต้องการสร้างความประทับใจให้กับซางหลิวอวี้ ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะต้อนซูอันให้จนมุม แต่แน่นอนว่าเขามั่นใจว่า ซูอัน จะต้องปฏิเสธแน่นอน เพราะคนอย่างซูอันนั้นหยิ่งผยองมากเกินไปแถมสถานการณ์ในตอนนี้มันก็ดำเนินมาจนถึงจุดที่ ถอยไม่ได้แล้วอีกต่างหาก

ซูอัน หัวเราะเบา ๆ และตอบกลับว่า “ท่านก็อย่าลืมซะล่ะว่าถ้าข้าตอบถูกหมดทุกข้อ ท่านจะต้องลาออกจากสถาบันทันทีและตำแหน่งของท่านก็จะต้องเป็นคนของข้า” เมื่อได้ยินเช่นนี้แม้แต่นักศึกษาคนอื่น ๆ ในห้องเรียนยังรู้สึกว่า ซูอัน นี่มันน่าโดนทุบ สักทีจริง ๆ จากนิสัยปากไม่มีหูรูดแบบนี้ มีเพียงซางหลิวอวี้ เท่านั้นที่กำลังดูฉากนี้ด้วยรอยยิ้มลึกลับบนริมฝีปากของนาง ราวกับว่านางรู้อะไรบางอย่างที่คนอื่นไม่รู้

“ฮึ่ม! โอหังให้ได้ตลอดจนจบก็แล้วกัน!” หยางเว่ย รู้สึกโกรธจัดขึ้นมาจริง ๆ “ท้ายที่สุดเจ้าจะได้รู้ว่าราคาของการเป็นคนหยิ่งยโสมันแพงขนาดไหน!”

ท่านยั่วยุ หยางเว่ย สำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +541!

หยางเว่ย รู้สึกรับไม่ได้มาก ๆ กับการที่เขาโดนนักศึกษาของเขาเองดูถูกต่อหน้าซางหลิวอวี้

ในทางกลับกัน ซูอัน ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นเขาก็หยิบกระดาษทดสอบขึ้นมาดู

“ถามจริง? นี่ท่านคิดคำถามได้แค่นี้เองเหรอ?” ซูอัน ระเบิดเสียงหัวเราะ

อันที่จริงก่อนหน้านี้ ซูอัน ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขาจะตอบคำถามได้ถูกทุกข้อที่ฝั่งตรงข้ามสร้างโจทย์มาหรือเปล่า เขาไม่แน่ใจนักว่าคณิตศาสตร์ในโลกนี้พัฒนาไปถึงระดับไหน แต่เมื่อเขาเห็นคำถามบนกระดาษ เขาก็ตระหนักว่าเขาประเมินความสามารถของ หยางเว่ย สูงเกินไป

“ข้าแนะนำให้เจ้ารีบ ๆ ทำแบบทดสอบของข้าให้เสร็จจะดีกว่ามานั่งพูดจาไร้สาระ ถ้าเจ้า ทำไม่เสร็จก่อนที่ชั้นเรียนจะจบล่ะก็…” หยางเว่ย พูดไม่จบประโยค แต่ความหมายที่เขาจะสื่อนั้น มันชัดเจนมากพอ

ซางหลิวอวี้ อดไม่ได้ที่จะพูดแทรกขึ้นเมื่อได้ยินเช่นนี้ “นี่มันเหลือเวลาไม่มากแล้วก่อนที่ ชั้นเรียนจะจบลง นี่มันไม่รีบเกินไปหน่อยเหรอ? เอาแบบนี้ก็แล้วกันเนื่องจากคาบเรียนต่อไป ของชั้นเรียนนี้มันคือคาบวิชาของข้า เอาเป็นว่าข้าจะแบ่งเวลาครึ่งคาบเรียนให้ก็แล้วกันเพื่อให้การเดิมพันของพวกท่านทั้งสองคนเป็นธรรมมากกว่าเดิม”

หยางเว่ย ตกตะลึงกับคำพูดของซางหลิวอวี้ แต่ถึงอย่างนั้น เขาไม่คิดว่าซางหลิวอวี้ คิดจะช่วย ซูอัน เพราะนางน่าจะไม่รู้จักกับ ซูอัน แน่นอนเหตุผลที่นางทำเช่นนี้มันน่าจะเป็นเพราะนางคงสงสารไอ้เด็กเหลือขอ ผู้นี้มากกว่า โธ่เทพธิดาของข้าช่างเป็นผู้ที่โอบอ้อมอารีเหลือเกิน…

หยางเว่ย พยักหน้าอย่างรวดเร็วและเห็นด้วย “อาจารย์ซางช่างมีน้ำใจเหลือเกิน ข้าขอ รับน้ำใจของท่านด้วยความเต็มใจ เฮ้! ซูอัน ข้าจะให้เวลาเจ้าอีกครึ่งคาบเรียนเพื่อตอบคำถาม เมื่อทำเสร็จแล้วเจ้าก็ควรเข้ามาขอบคุณอาจารย์ซางในภายหลังซะด้วยจำไว้!”

คณิตศาสตร์เป็นวิชาที่อาศัยความเข้าใจ หากผู้แก้สมการไม่เข้าใจอะไรเลย ต่อให้มีเวลา ทั้งอาทิตย์ก็ไม่สามารถแก้โจทย์ได้เด็ดขาดอย่าว่าแต่เพิ่มขึ้นเวลาขึ้นมาอีกแค่ครึ่งคาบเรียนเลย

ในเวลาเดียวกันตอนนี้ ซูอัน ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับคำพูดของ หยางเว่ย แม้แต่น้อย ตอนนี้สมาธิของเขาจมอยู่กับกระดาษคำถาม ซึ่งกำลังอ่านคำถามแรก

‘3 คนดื่มน้ำ 3 ถังใน 3 วัน’ 9 คนดื่มน้ำกี่ถังใน 9 วัน?’

ดวงตาของ เว่ยสั่ว สว่างขึ้นทันทีเมื่อเห็นคำถามแรก เขาอดไม่ได้ที่จะอุทานขึ้นเสียงดัง “นี่เป็นคำถามที่ง่ายมาก! ข้าก็ตอบได้นี่นา! ถ้าคน 3 คนดื่มน้ำ 3 ถังใน 3 วัน งั้นตามปกติแล้ว 9 คน ก็จะดื่มน้ำ 9 ถังใน 9 วันแน่นอน!”

บรรดานักศึกษาทั้งหลายส่วนใหญ่เมื่อได้ยินคำตอบนี้พวกเขาต่างก็พากันพยักหน้าเห็นด้วย มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับคำตอบที่ เว่ยสั่ว เสนอ แต่พวกเขาก็ยังคิด ไม่ออกว่าคำตอบที่ถูกต้องมันคืออะไร

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หยางเว่ย แสดงสีหน้าเย้ยหยัน เจ้าคิดว่าคำถามของข้ามันง่ายขนาดนั้นเลยหรือ? แต่แน่นอนว่าเขาไม่ได้หยุดการคาดเดาทั้งหลายที่นักศึกษาคาดเดาคำตอบกัน เขาปล่อยให้นักศึกษาพวกนี้คาดเดาคำตอบที่มั่วซั่วกันต่อไปเพื่อที่จะยิ่งเป็นการพาซูอันให้หลงผิด

ในขณะเดียวกัน ซูอัน ก็ส่ายหัวด้วยความผิดหวัง

แม้แต่เด็กประถมก็สามารถแก้โจทย์ป่วย ๆ แบบนี้ได้อย่างง่ายดาย! 3 คนดื่มน้ำ 3 ถังใน 3 วัน มันหมายความว่าคนรวมกัน 3 คนดื่มน้ำแค่วันละถัง แต่ถ้าเพิ่มมาเป็นมี 9 คนมันก็ควรเพิ่มอัตราการดื่มเป็นวันละ 3 ถังซึ่งถ้ามีเวลา 9 วัน ก็เอา 9 คูณ 3 ผลรวมก็จะเป็น 27 ถังใน 9 วัน!

เมื่อ ซูอัน เขียนคำตอบนี้ลงในแผ่นกระดาษคำถาม หยางเว่ย ที่กำลังยืนมองอยู่ไม่ห่างก็เบิกตากว้างด้วยความไม่เชื่อ สิ่งนี้เป็นไปได้อย่างไร?

ครั้งแรกที่เขาเห็นคำถามนี้ในบันทึกโบราณ เขาตอบผิดอย่างมหันต์เพราะหลงกลอุบายที่แฝงในคำถาม หลังจากนั้นเขาถามคำถามนี้กับอาจารย์ด้านคณิตศาสตร์หลายคนซึ่งส่วนใหญ่ต่างก็ตอบ “9 ถัง” ตามสัญชาตญาณทั้งหมด ไอ้เด็กเวรนี่มันแก้ปัญหานี้แบบง่าย ๆ ขนาดนี้ได้ยังไง?

แต่ก็ช่างเถอะ คำถามนี้มันไม่ได้ยากเท่าไหร่หากมีไหวพริบพอ

ฮึ่ม นี่เป็นคำถามที่ง่ายที่สุดของ 20 คำถาม! ต่อจากนี้ความยากมันจะเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะตอบคำถามข้าได้ถูกอีกแน่นอน!

ท่านยั่วยุ หยางเว่ย สำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +9 +9 +9…

ซูอัน ส่ายหัวให้กับคะแนนความโกรธแค้นที่ หยางเว่ย ให้มาซึ่งมันน้อยนิดมากจนเขาอยากจะลุกขึ้นไปด่าคนตรงหน้า แต่ท้ายที่สุดก็กลับมาตั้งสมาธิอ่านคำถามที่สองต่อ

‘ภรรยาชาวนากำลังล้างชามที่ริมแม่น้ำ ผู้คนที่เดินผ่านไปมาถามนางว่าทำไมนางถึงมีชามให้ล้างมากมาย นางตอบว่าบ้านของนางเพิ่งมีแขกมาเยือนหลายคน ทุก ๆ 2 คนจะแบ่งข้าวกินกัน 1 ชาม ทุก ๆ 3 คนจะแบ่งซุปด้วยกัน 1ชาม และทุก ๆ 4 คนจะแบ่งเครื่องเคียงกินร่วมกัน1ชาม ซึ่งรวมแล้วมีชามทั้งหมดให้นางล้าง 65 ใบ คำถาม:นางมีแขกกี่คนในบ้านของนาง?’