มุมมองของออสติน : 

“พ่อหนู เธอมาเป็นลูกของฉันได้ไหมจ๊ะ?”

เมื่อมองดูผู้หญิงที่พูดคำเหล่านี้ออกมา ผมก็อึ้งไปอยู่พักหนึ่ง 

ผมนิ่งเงียบขณะมองผู้หญิงตรงหน้าและไม่เคยคิดเลยว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้จากใครสักคนในชีวิต ใช้เวลาไม่กี่วินาทีก่อนที่ผมจะคืนสติกลับมา 

ถ้ามองจากภายนอกผมคงเหมือนคนที่กำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ แต่ภายในสมองของผมเริ่มทำงานด้วยพลังเต็มที่เพื่อพยายามหาทางออกที่ดีที่สุดในสถานการณ์นี้

ในความจริงนั้นไม่มีใครสามารถโกหกเทพธิดาได้ พวกเธอทุกคนมีความสามารถในการมองทะลุการโกหกและการหลอกลวงทั้งหมด ท้ายที่สุดแล้วพวกเธอก็เป็นถึงเทพ แต่ดูเหมือนการมองของเทพธิดาจะใช้ไม่ได้กับผม 

เพราะตอนนั้นที่ผมเล่นกับราเซลเลีย เธอไม่เห็นอะไรผิดปกติเลย และผมคงเป็นคนโง่ที่คิดว่าเธอฉลาดพอที่จะสังเกตเห็นการแสดงของผม

พวกเธอล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่มานานเกินไป การที่ผมแสดงเก่งไม่ได้หมายความว่าผมควรจะโกหกพวกเธอได้ และตอนนี้หลักฐานที่ดีที่สุดก็คือออร์เฟียสดูเหมือนจะไม่สงสัยในตัวผมเลยแม้แต่น้อย ดูเหมือนว่าเธอจะแอบดูการแสดงของผมไม่ได้ เหมือนมีสิ่งกีดขวางบางอย่างขวางกั้นไม่ให้เธอมองผ่านผมไปได้

ผมเคยถามเรื่องนี้กับระบบแต่มันปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น แต่ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดของผมคือการจัดการกับแม่เทพธิดายันเดเระของผม ความจริงแล้วผมไม่มีปัญหากับการที่เธอจะมาเป็นแม่ทูนหัวของผมหรอกนะ แต่มันคงน่าสงสัยเกินไปถ้าผมตอบตกลงในทันที 

ไม่นานใบหน้าประหลาดใจของผมก็จางหายไปและท่าทาง ‘โกรธ’ ก็เข้ามาแทนที่ในตอนที่ผมพูดขึ้น

“ทำไมฉันต้องเป็นลูกเธอด้วย!? ยิ่งกว่านั้นคือเธอเป็นใครกัน?”

เมื่อได้ยินการระเบิดอย่างฉับพลันของผม 

ออร์เฟียสประหลาดใจและดูเหมือนเธอจะเข้าใจความผิดพลาดของตัวเองได้ เธอยิ้มและโบกมือเพื่อไล่พลังที่ลักพาตัวผมมาออกไปและในตอนนั้นเองที่ผมเปลี่ยนเป็นท่าทางพร้อมต่อสู้อย่างรวดเร็ว 

ออร์เฟียสดูไม่ใส่ใจกับมันขณะที่เธอยกกระโปรงขึ้นอย่างสง่างามและพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มของคนเป็นแม่

“ชื่อของฉันคือ ออร์เฟียส บลานช์ มาราเคีย หรือที่เธอรู้จักในฐานะเทพธิดาแห่งชีวิตจ่ะ”

เมื่อได้ยินคำตอบของเธอ ร่างกายของฉันก็ ‘แข็งทื่อ’ ขณะที่ผมมองเธอด้วยสีหน้า ‘ตะลึงงัน’ 

เมื่อเห็นแบบนั้นเธอก็ออกมายิ้ม แต่คำพูดต่อไปของผมกลับทำให้สีหน้าของเธอแข็งทื่อ

“ล-แล้วเธอเกี่ยวข้องกับราเซลเลียรึเปล่า?”

“ราเซลเรีย?”

เมื่อได้ยินผมพูดชื่อของเทพธิดาอีกคน เธอก็ขมวดคิ้วอย่างง่ายดายก่อนที่เธอจะมองลึกเข้ามาที่ผมก่อนจะทำสีหน้าประหลาดใจเต็มใบหน้าของเธอ 

สุดท้ายแล้วเธอก็มองผมอย่างเข้าใจก่อนจะพูดต่อ

“เธอคือคนที่ราเซลเรียพูดถึงสินะ?”

“หือ?”

เมื่อมองไปที่การแสดงออกของออร์เฟียส ผมก็เกร็งขึ้นมา แต่ก่อนที่ผมจะทันได้พูดอะไร พื้นที่รอบตัวผมก็ตึงขึ้นก่อนที่ผมจะถูกขังอยู่ในท่าที่ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้อีกครั้ง และคราวนี้ออร์เฟียสได้ยกมือขึ้นเพื่อชี้มาที่ผมก่อนจะมีวงเวทย์ขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วย { อำนาจ(Authority) } และ { ศักสิทธิ์(Divinity) } ของชีวิตแผ่ออกจากผมที่เป็นศูนย์กลาง

สิ่งมีชีวิตทั้งหมดภายในมิติสั่นสะท้านพร้อมกับหยุดเคลื่อนไหว ทุกสายตาจ้องมองไปที่ยอดต้นไม้โลกขณะที่พวกมันรู้สึกถึงพลังของผู้สร้าง ในขณะเดียวกันผมก็มองไปที่ออร์เฟียสที่ยิ้มขณะที่เธอพูด

“ในนามของชีวิต, ผู้สร้างทุกสรรพสิ่งทั้งเก่าและใหม่ เราขอกำหนดให้เจ้าเป็นลูกคนสนิทของเรา ทุกสิ่งที่เป็นของเราในตอนนี้และในอนาคตจะเป็นของเจ้า เจ้าคือผู้แบกรับชีวิต ทุกสิ่งที่หายใจด้วยชีวิตจะอยู่ภายใต้เจ้า เจ้าคือเจ้าชายแห่งนางฟ้า ราชาของโลกนี้และเป็นบุตรแห่งต้นไม้โลกด้วย”

“เจ้าจะต้องแบกรับชีวิตและอนาคตของมัน ศัตรูของเจ้าจะสั่นสะท้านเพราะชื่อของเจ้า สำหรับพันธมิตรของเจ้า เจ้าจะเป็นลมหายใจแห่งชีวิต เจ้าคือลูกของเรา”

เมื่อออร์เฟียสพูดจบ มิติทั้งหมดก็เริ่มสั่นสะเทือน สัตว์ร้ายผู้ยิ่งใหญ่ที่อาศัยอยู่ในอาณาจักรต่างก้มหัวมาทางผม นางฟ้ากระพือปีกก่อนจะคำนับและแสดงความเคารพต่อเจ้าชาย ต้นไม้โลกสั่นสะท้านด้วยความยินดีต่อบุตรและเจ้าชาย ทั้งโลกต่างเฉลิมฉลองให้กับการประสูติของเจ้าชาย

พลังชีวิตจำนวนมหาศาลเริ่มห่อหุ้มรอบตัวผมขณะที่วงเวทย์ด้านล่างผมลอยขึ้นโอบร่างของผมไว้ภายในนั้น ไม่นานแสงวาบก็หรี่ลงพร้อมกับที่มันซึมลึกเข้าไปในจิตวิญญาณของผม คำสัญญาที่ราเซลเลียมีต่อผมเริ่มไม่พอใจ แต่เมื่อรู้สึกถึงพลังที่ไม่อาจเอาชนะได้ มันก็ทำได้แค่เพียงเข้าร่วมกับเจตจำนงแห่งชีวิตอย่างไม่เต็มใจ

ในไม่ช้าพลังชีวิตสีเขียวก็ระเบิดออกมาจากส่วนลึกภายในตัวผม พลังชีวิตจำนวนไม่สิ้นสุดถูกกดทับและถูกปิดล้อมในตัวผม สรุปง่ายๆ ว่าผมกลายเป็นผู้ที่ไม่สามารถถูกฆ่าได้ ตราบใดที่ผมมีพลังนี้ ผมจะไร้พ่ายในการต่อสู้ 

พื้นที่ห่างไกลในโลกแห่งความเป็นจริงดวงตาของนักบุญหญิงแห่งชีวิตเปิดขึ้นขณะที่เธอเอามือกุมหน้าอก เธอรู้สึกได้ถึงการกำเนิดของนักบุญในอนาคต บุตรแห่งชีวิตนั่นเอง

ในขณะเดียวกันผมเกือบจะกรีดร้องออกมาเมื่อรู้สึกถึงพลังชีวิตขนาดมหึมาที่อยู่ลึกภายในตัว ไม่นานปรากฏการณ์ก็จางหายไป ขณะที่ผมกลับมาอยู่บนต้นไม้และทันทีที่ผมกลับมา สายตาของผมก็จับจ้องไปที่ออร์เฟียสที่กำลังมองมาที่ผมด้วยรอยยิ้มมีความสุขและผ่อนคลาย ผมอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความรักของผู้เป็นแม่ที่ออกมาจากเธอในตอนนี้

พิธีนี้ทำให้ผมกลายเป็นลูกของเธอในทุกวิถีทางที่เป็นไปได้ ไม่เกี่ยวกับสายเลือด แต่สิ่งที่เธอทำนั้นเป็นอะไรที่ลึกซึ้งกว่านั้น แม้ว่าเราทั้งคู่จะไม่ได้ใช้เวลาร่วมกันมากนัก แต่ผมกลับสัมผัสได้ถึงสายสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับเธอ ผู้หญิงคนนี้ในการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียวกลับทำให้ผมมีความรู้สึกกับเธอ

‘อย่ายุ่งกับผู้หญิงที่มากประสบการณ์’

คำพูดนี้เล่นซ้ำๆ อยู่ในใจของผม และผมก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องจริง 

ผมมองไปที่ออร์เฟียสขณะที่ผมพูดคำที่ยากจะพูดในใจออกมา

“มะ-แม่ครับ”

“!!”

เมื่อได้ยินคำพูดของผม ดวงตาของออร์เฟียสก็เบิกกว้างขณะที่ร่างกายของเธอสั่นสะท้านจากความสุขที่แท้จริง ใบหน้าของเธอมีสีแดงสวยงาม และก่อนที่ผมจะรู้ตัว ผมก็เข้าไปอยู่ในอกที่ใหญ่โตของเธอขณะที่เธอกอดผมแน่นแล้ว 

กลิ่นหอมตามธรรมชาติของธรรมชาติและผิวเนียนละเอียดของเธอลูบไล้ผมขณะที่เธอกอดผมแน่นมากด้วยความรักและความจริงใจ

เนื่องจากความสัมพันธ์ของพวกเราที่เชื่อมต่อกัน ผมรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองผ่อนคลายขณะที่เธอกอดผม และในขณะเดียวกันร่างกายของออร์เฟียสก็เริ่มร้อนขึ้น มือของเธอขยับอย่างน่ารักขณะที่เธอลูบผมด้วยรอยยิ้ม เป็นครั้งแรกที่เธอเริ่มรู้สึกอิ่มเอมที่ได้กอดผมไว้ในอ้อมกอด

ออร์เฟียสเงยหน้าขึ้นก่อนจะจูบหน้าผากของผมและผมรู้สึกได้ว่าเราทั้งคู่ต่างตัวสั่นด้วยความสุข

การกระทำอันใกล้ชิดใดๆ ที่เราทั้งสองทำจะสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณของเราทั้งสอง มันจะถูกขยายอย่างมากเช่นกัน และเมื่ออนาคตดำเนินต่อไป ความรู้สึกก็จะขยายใหญ่ขึ้นโดยที่ไม่มีใครรู้ว่ามันจะนำไปสู่อะไร? ไม่มีใครรู้หรอก~~

ดวงตาของออร์เฟียสโค้งด้วยความยินดีขณะที่เธอมองมาที่ผม ความคิดของเธอก็หวานเช่นกัน…

‘ฉันจะตามใจจนเธอเสียคนเลย!’

 

 

 

-Donate-

True Money Wallet ID : mraxzy 

ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต