ตอนที่ 153 ผมเป็นเจ้าชายแห่งอารยธรรมพื้นเมือง 8

สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ

“เทพคุน เมื่อไหร่พวกเราจะได้เลิกทำอะไรแบบนี้สักที?”

แก๊งอันธพาลกำลังตกอยู่ในความหายนะ พวกเขาต้องตกต่ำมาถึงจุดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ผู้คนคงหัวเราะเยาะเสียงดังลั่นหากรู้ว่าพวกเขาต้องมานั่งล้างลำไส้ให้คนอื่น!

“รอจนกว่าเด็กสาวกับผู้ชายคนนั้นออกไปก่อน แล้วพวกเราจะจับตาแก่นั้นไว้เป็นตัวประกัน”

เทพคุนรู้แล้วว่าผู้ชายคนนั้นกับหญิงสาวแข็งแกร่งมากที่สุดในบรรดาทั้งสามคน ตาแก่คนนั้นไม่สามารถเดินได้คล่องตัวด้วยซ้ำ อีกทั้งยังไอออกมาเป็นครั้งคราว เห็นได้ชัดว่าเขากำลังป่วยอยู่

“ครับ เทพคุน”

อันธพาลทั้งหลายเตรียมพร้อมสำหรับแผนการแอบแฝง รอเวลาให้หญิงสาวและชายหนุ่มเผลอ พวกเขาจะทำให้คนพวกนี้ต้องเสียใจ! และพังทลายร้านขนาดเล็กที่อยู่ในช่วงเวลาแห่งความสุขให้กลายเป็นความทุกข์ในระยะเวลาอันสั้น!

นัยน์ตาของเทพคุนฉายความโหดเหี้ยมออกมา ขณะจับจ้องไปที่ชายชราผู้อ่อนแอ ตั้งใจจะทำให้ชายชราผู้นี้ได้ลิ้มรสความเจ็บป่วยอย่างที่เขาได้รับ!

เขาจะสั่งให้ชายชรากินของที่เขาควักออกมาจากลำไส้ขนาดใหญ่ และปล่อยให้กินเขากินสิ่งโสโครกนี้เสีย!

ฮึ่ม!

หลังจากที่เดินหันหลังให้กับกัปตันผู้แก่ชรา เถียนอู่ไม่ได้สังเกตอะไร เขายังคงไอเป็นครั้งคราวขณะเดินรอบลานบ้านอย่างเชื่องช้า สายตาสอดส่องดอกไม้ที่อยู่ในบริเวณลานบ้าน ใบหูของเขามีหูฟังแนบติดอยู่ ราวกับว่าเขากำลังเพลิดเพลินไปกับเสียงโอเปร่า

สวี่หลิงอวิ๋นและโอคาซีกลับไปที่หน้าร้านเพื่อขายของหวานอีกครั้ง ตอนนี้กิจการของพวกเขากำลังยุ่งวุ่นวายเป็นอย่างมาก

ถึงแม้ว่าของหวานจะเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย แต่เมื่อมีร้านขนมหวานเปิดใหม่ ผู้มั่งคั่งบางคนก็ยอมใช้จ่ายเงินเพียงเล็กน้อยเพื่อเพลิดเพลินไปกับการใช้ชีวิต…

สวี่หลิงอวิ๋นแบ่งเค้กออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ และราคาของเค้กแต่ละชิ้นก็มีราคาที่ถูกมาก ซึ่งอยู่ในขอบเขตที่ผู้บริโภคสามารถเอื้อมถึงได้

เค้กที่เธอทำขึ้นมามีรสชาติอันแสนอร่อย จนเธอได้รับการขนานนามว่าราชินีแห่งขนมหวาน นักเรียนจำนวนมากถึงกับขับรถออกมาซื้อเค้กของเธอโดยตรง และนั่นทำให้เค้กของเธอขายจนหมดเกลี้ยงภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม คนจำนวนมากก็ยังคงต้องการซื้อกุนเชียงอยู่!

สวี่หลิงอวิ๋นอมยิ้มและเห็นด้วย “โอ้ กุนเชียงพวกนั้นกำลังเตรียมของอยู่ค่ะ เดี๋ยวอีกสักครู่พวกเราจะเอาออกมาวางขายนะคะ”

ณ ลานหลังบ้าน เทพคุนยืนขึ้นพร้อมกับเยาะเย้ย หักข้อนิ้วมือเสียงดังก๊อกแก๊ก และมุ่งหน้าไปหาชายชราผู้อ่อนแอ!

ศีรษะของกัปตันเถียนอู่ผู้ ‘แก่ชราและอ่อนแอ’ ก้มลงอย่างว่องไว จนทำให้มือของเทพคุนคลาดกับเป้าหมาย!

“โอ้ เจ้าหนู แกกำลังจะทำอะไร!” เถียนอู่ลุกขึ้น จ้องมองเทพคุนที่มีท่าทางไม่พอใจและลูกสมุนอันธพาลทั้งหลายที่กำลังล้อมรอบเขาอยู่ ท่าทางของเขาไม่ได้ร้อนรน หรือก้าวร้าวนัก อีกทั้งยังไอออกมาเล็กน้อย

“พวกแกไม่คิดว่างานแบบนี้มันง่ายไปหน่อยเหรอ? ถ้าพวกแกคิดว่ามันง่ายเกินไป ก็พูดออกมาได้เลย ถ้าพวกแกไม่พูดออกมา พวกเราจะรู้ได้ยังไงว่ามันง่ายเกินไปหรือเปล่า?”

อันธพาลทั้งหลายรู้สึกราวกับว่าศีรษะของพวกเขากำลังติดชะงักอยู่กับเครื่องเล่นที่หมุนวนรอบอย่างไม่รู้จบ จนรู้สึกได้ถึงอาการวิงเวียนศีรษะ

“ฉันบอกพวกแกแล้วไงว่าหนุ่มสาวคู่นั้นก็ช่างเหลือเกิน เอะอะก็ใช้อารมณ์กันใหญ่โต ฉันรู้ว่าพวกแกชอบทำงาน แต่งานนี้มันก็ง่ายมากแล้วนะ! อีกไม่กี่วันร้านของเราก็จะเริ่มวางขายกุนเชียงแล้ว อุ๊บ! ถ้าครั้งนี้กุนเชียงขายจนหมดเกลี้ยงอีก พวกแกลองคิดดู ว่าจะต้องมีกุนเชียงอีกกี่อันถึงจะพอ?”

“ไอ้แก่! แกล้งทำให้พวกเราสับสนใช่มั้ย?” เทพคุนกำหมัดแน่นและกล่าวออกมาอย่างโกรธเคือง “ฉันจะส่งแกไปลงนรกเอง!”

เมื่อกล่าวดังนั้น เขาก็ง้างมือจะต่อยกัปตันผู้แก่ชรา!

กัปตันผู้แก่ชราหลีกเลี่ยงการโจมตีได้โดยจับกำปั้นนั้นเอาไว้อย่างคล่องแคล่ว เทพคุนรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก และนิ้วของเขาก็ถูกหักในที่สุด!

เขาส่งเสียงร้อง ‘อ๊าก’ ออกมาด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่น้ำตาจะไหลริน!

“เจ้าหนู ทำไมถึงได้มีร่างกายอ่อนแอนักล่ะ? ฉันเพิ่งออกแรงไปนิดเดียวเอง แค่นี้ก็รับมือไม่ไหวแล้วหรือ?”

กัปตันผู้แก่ชราไอออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา จ้องมองอันธพาลทั้งหลายราวกับว่าเขากำลังมองดูกลุ่มเด็กน้อยที่ดื้อรั้น ก่อนจะส่ายหัว

“หัดกินเนื้อให้มากกว่านี้ และทำงานเยอะ ๆ ร่างกายจะได้แข็งแกร่ง!”

“เอาล่ะ ถ้าไม่มีอะไรจะทำกันแล้ว พวกแกก็กลับไปล้างลำไส้เล็กลำไส้ใหญ่ให้เรียบร้อยซะล่ะ อารมณ์จะได้ดีขึ้น กระดูกจะได้แข็งแรง!”

กัปตันผู้แก่ชราค่อย ๆ ปล่อยมือของเทพคุน ทุกคนที่เหลือต่างเห็นว่าเทพคุนกำลังเจ็บปวดอย่างมากจนยืนแทบไม่ไหว พวกเขาจึงจับมือของตนเองเอาไว้และร้องไห้ออกมา หวาดกลัวจนแทบจะฉี่ราด!

ตาแก่คนนี้เก็บซ่อนความโหดเหี้ยมเอาไว้!

ใช่แล้ว หนุ่มสาวคู่นั้นมีพลังกำลังแข็งแกร่ง พวกเขาคงได้รับการฝึกฝนจากชายแก่คนนี้ ไม่อย่างนั้น พวกเขาจะแข็งแกร่งอย่างนั้นหรือ?!

“เอ่อ นายใหญ่ พวกเราไม่เหมือนกับเทพคุนหรอกครับ!” วายร้ายตัวน้อยรีบออกมาชี้แจ้งเรื่องทั้งหมดนี้ เผยรอยยิ้มและรีบวางของในมือของพวกเขาลง ไม่ว่าจะเป็นค้อน ไม้กวาด แท่งไม้ ล้วนถูกวางลงภายใต้สายตาที่หยอกเย้าของอีกฝ่าย

พวกเขารีบวิ่งไปล้างลำไส้ใหญ่และลำไส้เล็กด้วยความสิ้นหวัง

กัปตันผู้แก่ชรานั่งลงและถอดหูฟังออกอย่างเชื่องช้า เหลือเพียงเทพคุนที่นั่งร้องไห้อยู่บนพื้น จับมือของตัวเองเอาไว้ด้วยความเจ็บปวด

สินค้าในร้านถูกขายจนหมดเกลี้ยงก่อนจะถึงเวลาเที่ยงวัน สวี่หลิงอวิ๋นพลิกป้ายของร้านที่ติดอยู่หน้าประตูเป็นคำว่า ‘ปิด’

หลังจากคำนวณเงินที่ได้รับและหักลบเงินทุนแล้ว ร้านของหวานขนาดเล็กของพวกเขาทำเงินได้ไม่น้อยไปกว่าสองแสนเหรียญ!

นี่ไม่ใช่เงินจำนวนเล็กน้อย หลังจากจ่ายค่าเช่าเป็นเวลาหนึ่งปีแล้ว พวกเขายังสามารถเช่าอพาร์ตเมนต์เพื่อเป็นที่พักอาศัยได้

สวี่หลิงอวิ๋นเป็นคนที่ชื่นชอบความสนุกสนาน เธอไม่กล่าวอะไรออกมา เพียงแต่เอาเงินไปเช่าบ้านหลังใหญ่ที่มีพื้นที่สามร้อยตารางเมตร

มนุษย์ป้าทั้งหลายที่อยู่รอบข้างสวี่หลิงอวิ๋นได้เปลี่ยนความคิดไปอย่างสิ้นเชิง!

แม้ว่าหญิงสาวคนนี้จะไม่ได้สวยเลิศนัก แต่เธอมีรูปร่างที่ดีและค่อนข้างมีความสามารถ เธอสามารถหาเงินได้จำนวนมหาศาลภายในระยะเวลาอันสั้น ไม่ต้องกล่าวเลยว่าเธอได้รับเงินจำนวนมหาศาลขนาดไหน เพราะแค่ชั่วพริบตาเดียว เธอก็สามารถเช่าอพาร์ตเมนต์สุดแพงนี้ได้แล้ว

“นั่นมันแพงเกินไป! ผู้หญิงคนนี้เอาแต่ใช้ชีวิตด้วยตัวเอง มันจะไม่ดีต่อครอบครัวของสามี!”

“แต่เธอมีความสามารถนะ คุณดูสิว่าผู้หญิงคนนั้นทำเค้กออกมาอร่อยมากแค่ไหน? ลูกชายของฉันถึงกลับลืมไม่ลงเลยหลังจากกินเข้าไปแค่ครั้งสองครั้ง หึหึ มันก็แค่ราคายี่สิบเหรียญสำหรับชิ้นเล็ก ๆ เอง! โอ้ แบบนี้จะเป็นการปล้นเงินกันเหรอ?”

“ยี่สิบเหรียญมันมีค่ามากกว่านั้น!” เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงนั้นเป็นผู้มั่งคั่ง เมื่อพิจารณาได้จากต่างหูเพชรของเธอ อีกฝ่ายเปิดปากเพื่อกล่าวบางอย่างขณะจ้องมองด้วยสายตาอิจฉาริษยา “วันเกิดของลูกชายฉันเพิ่งผ่านมานี่เอง ฉันซื้อเค้กขนาดยี่สิบนิ้วให้เขา คุณคิดว่าฉันจ่ายเงินไปเท่าไหร่ล่ะ?”

“บางทีพวกคุณอาจจะไม่เชื่อ แต่ฉันจ่ายเงินไปถึงหนึ่งพันเหรียญ!” หญิงสาวกล่าวออกมาราวกับกำลังติเตียน แต่ตามจริง เธอแค่โอ้อวดเท่านั้น “แต่ว่ามันก็คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปนะคะ!”

“พวกคุณรู้มั้ยว่าเค้กนี้มีเนื้อสัมผัสที่นุ่มนวลมาก โอ้ นุ่มเหมือนกับผิวหนังของสาวน้อยเลยล่ะค่ะ! ใช่แล้ว! คำศัพท์แบบนี้แหละที่คุณครูของลูกชายฉันพูดออกมาน่ะ! การใช้ชีวิตของเรานั้นคงแตกต่างกันจังนะคะ!”

“พอพูดถึงฝีมือและคุณค่าของเค้กพวกนี้ คิกคิก ถึงมันจะแพงไปสักหน่อย แต่คงก็ยังซื้อกันอยู่ดี!”

“หนึ่งพันเหรียญ! นั่นมันเค้กบ้าอะไรกัน?!” หญิงสาวทั้งหลายไม่สามารถจินตนาการถึงรสชาติเค้กที่มีราคาถึงหนึ่งพันเหรียญได้ ถุงเงินที่บ้านของเธอมีอยู่น้อยนิด ขนาดเค้กราคายี่สิบเหรียญยังต้องกัดฟันทำใจถึงจะกล้าซื้อมันลง!

“อ๋อ เค้กราคาหนึ่งพันเหรียญนั้นไม่ได้แพงที่สุดในร้านหรอกนะคะ เพื่อนร่วมชั้นของลูกชายฉันเพิ่งมาซื้อไปเอง พวกคุณลองทายดูสิว่ามันมีราคาเท่าไหร่?” หญิงสาวที่สวมใส่ต่างหูเพชรกล่าวออกมาอย่างลึกลับ